แกนนำรทสช. เชื่อคุยกันก่อนโหวตนายกฯ 4 ส.ค.นี้ รอบเดียวจบ ชี้ภารกิจแรกพท.แก้รัฐธรรมนูญ ต้องคุยพรรคร่วมรัฐบาลก่อน ไม่ติดคุณสมบัติ "เศรษฐา" หากไม่ยุ่งแก้ม.112 เหน็บอย่าดูอะไรโง่ๆมาก ทำโง่ตาม
วันนี้ (2ส.ค.) เมื่อเวลา 15.14 น. ที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายธนกร วังบุญคงชนะรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครทสช.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยแถลงฉีกเอ็มโอยูสลายขั้ว 8 พรรค มีโอกาสทำให้พรรครทสช.ได้ร่วมรัฐบาลหรือไม่ ว่า ตนคงพูดไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) แต่ที่ผ่านมาหัวหน้าพรรคก็ยืนยันมาตลอดว่า เราสามารถเราสามารถทำงานได้กับทุกพรรคที่ยึดประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก และไม่มีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 ดังนั้นอยู่ที่กก.บห. จะพิจารณา
เมื่อถามว่าเงื่อนไขการร่วมรัฐบาลยังเป็นเงื่อนไขเดิมที่ไม่แก้ไขมาตรา 112 ใช่หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ยังเหมือนเดิม เราเป็นพรรคเล็กมีแค่ 36 เสียง ไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายค้านหรือเป็นรัฐบาลก็คิดว่า 36 คน ก็มีพลังในการทำงาน
เมื่อถามถึงการโหวตเลือกนายกฯในวันที่ 4 ส.ค.นี้แนวโน้มของพรรครทสช.จะเป็นอย่างไร นายธนกร กล่าวว่า วันนี้ในที่ประชุมพรรคคงมีการพูดคุยกัน อย่างที่ตนบอกว่าการเมือง เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมทุกอย่างก็จะจบ ตอนนี้ประชาชนก็รอรัฐบาลใหม่อยู่ รัฐบาลปัจจุบันเตรียมถ่ายโอนทุกอย่างให้รัฐบาลใหม่แล้ว หลายโครงการที่เป็นประโยชน์ก็เชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะไปทำต่อ ส่วนการโหวตนายกฯคิดว่าจะโหวตครั้งเดียวผ่านเลยหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า คิดว่าถ้าพูดคุยกันก่อนก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร สำหรับพรรครทสช. อยู่ที่หัวหน้าพรรคและเลขาพรรค และตนก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามมติพรรค
เมื่อถามว่าพรรคไม่มีปัญหาเรื่องของลุง ที่เป็นเงื่อนไขของพรรคก้าวไกลแล้วใช่หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า เรื่องนี้พรรคชัดเจนมากที่สุดตั้งแต่วันแรกแล้ว เพราะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะสมาชิกพรรคได้ลาออกไปตั้งแต่ตอนแรกแล้ว และไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพรรคแล้ว ซึ่งเรื่องนี้อาจจะเป็นเหตุผลของบางพรรคการเมืองเท่านั้น
“ บางทีการดูข่าวการพูดของนักการเมืองรุ่นใหม่ รุ่นเก่ามากเกินไปแต่ละคนก็เก่งๆกันทั้งนั้น มีเพื่อนผมส่งงานวิจัยของต่างประเทศมาให้พบว่าถ้าเราไปดูอะไรที่มันโง่ๆมาก มันจะทำให้เราโง่ตามไปด้วย เพราะฉะนั้นก็ต้องระมัดระวังในการดูด้วย ที่ผมพูดไม่ได้มีความหมายอะไร” นายธนกร กล่าว
เมื่อถามต่อว่ามองคุณสมบัตินายเศรษฐา ทวีสินแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างไรบ้าง นายธนกร กล่าวว่า ถ้านายเศรษฐายืนยันชัดเจนเกี่ยวกับมาตรา 112 ก็สามารถทำงานได้เพราะเป็นทั้งแคนดิเดตนายกฯและนักธุรกิจ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ส่วนก่อนหน้านี้นายเศรษฐาเคยพูดว่าจะแก้ไขมาตรา 112 พรรครทสช. หากร่วมรัฐบาลจะมั่นใจได้อย่างไร นายธนกร กล่าวว่า พรรคการเมืองในการทำงานการเมือง ต้องมีความชัดเจนก่อน ไม่ใช่ว่าวันนี้จะให้พรรคการเมืองอื่นยกมือขึ้นให้ไปก่อนคงไม่ได้ คงต้องมีการเจรจานอกรอบกันก่อน และผู้ใหญ่ทุกพรรคก็ต้องพูดคุยกัน และต้องมีการแสดงเจตจำนงค์ที่ชัดเจนให้ประชาชนทราบก่อนแล้วจึงเดินหน้าต่อไป ส่วนเรื่องที่ผ่านมาตนคิดว่า ทุกคนจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองกระทำ ทั้งนี้ส่วนตัวคิดว่าไม่มีใครรังเกียจรังงอนใคร ทุกคนคนคิดเอาประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลักและเดินไปข้างหน้า
เมื่อถามอีกว่าพรรคเพื่อไทยแถลงว่าภารกิจแรกที่จะเข้ามาทำคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลง่ายขึ้นถือเป็นการผิด วัตถุประสงค์ของการเป็นรัฐบาลหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า นโยบายของแต่ละพรรค พรรคร่วมรัฐบาลต้องพูดคุยกันก่อน เมื่อตกลงกันได้ก็เดินหน้าไป ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลายอย่างทำได้ แต่คงไม่ใช่การแก้มาตรา 112 ก็ยอมรับว่ารัฐธรรมนูญบางมาตราก็ต้องมีการปรับ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยทำได้ แต่ก็ต้องพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลด้วย เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องเป็นฉันทามติของทุกพรรค ร่วมรัฐบาล
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยบอกว่าหากแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จจะคืนอำนาจให้ประชาชนคือการเลือกตั้งใหม่ นายธนกร กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องที่ดี ส่วนใหญ่ที่ผ่านมาที่ผ่านมาพอแก้รัฐธรรมนูญเสร็จ ไม่นานก็จะมีการยุบสภาเหมือนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่ว่า 1-2 ปีเสร็จ บางที 3 ปีหรืออาจจะครบวาระของรัฐบาลก็ได้.