เลขาฯ ครป. เสนอเพื่อไทย ล็อบบี้ ส.ว. ช่วยโหวตฝ่าวิกฤตประเทศแทนก้าวไกล เตือนระวัง “สุมาอี้” เมืองไทยแต่งตัวรอ
เมื่อวันที่ 10 ส.ค. นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า เกมการเมืองเดือนสิงหาคมนี้ ค่อนข้างแรงร้อนและซับซ้อนซ่อนเงื่อน เพราะหากกลุ่มใดชนะจะเป็นฝ่ายได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30
หลังจากพรรคก้าวไกลพลาดท่าเสียที ไม่สามารถฝ่าด่าน ส.ว.ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขณะนี้คือสิทธิของพรรคอันดับ 2 ที่ต้องหาเสียงสนับสนุนฝ่าด่านรัฐสภาและบรรดา ส.ว. เพื่อครอบครองตำแหน่งนายกฯ ให้ได้ จึงมีการประสานงานข้ามขั้วกับทุกพรรคการเมือง เพื่อขอเสียงสนับสนุน แลกกับโควตาตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ที่หลายพรรคกำลังต่อรองกันอยู่ในเวลานี้
ทั้งพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ ต่างเสนอมาพรรคละ 5 กระทรวง ทั้งที่นั่งรัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วย แต่หากพรรคเพื่อไทยไม่ให้ก็ต้องรอลุ้นเสียง ส.ว. ว่าจะถึงหรือไม่ และจะล็อบบี้ได้ครบหรือเปล่า ส่วนพรรคภูมิใจไทยได้ไปแล้วแน่นอน 9-10 ที่นั่งรัฐมนตรี เกมนี้พรรคเพื่่อไทยอาจไม่อยากแบ่งที่นั่งรัฐมนตรีให้ใครมากเกินไป จึงเปิดเกมขอร้องเสียงสนับสนุนจากพรรคก้าวไกล ช่วยยกมือให้เป็นนายกรัฐมนตรี ปิดสวิตช์ ส.ว.และ 2 ลุง ไปด้วยกัน
แต่แท้จริงแล้วเกิดศึกชิงตำแหน่งนายกฯ เป็นคลื่นใต้น้ำอยู่เงียบๆ ฝ่ายหนึ่งคือพรรคเพื่อไทย ที่อาจเสนอนายเศรษฐา นายชัยเกษม หรือไม่ก็ น.ส.แพทองธาร อีกฝ่ายหนึ่งรอตั้งรับอยู่ในฐานที่มั่น คือ พรรคภูมิใจไทย ที่เตรียมเสนอนายอนุทิน หากแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยไม่ผ่านด่าน ส.ว. โดยได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มอำนาจเก่าและที่ปรึกษาอาวุโส ขณะที่ยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นั้น สอดคล้องกับยุทธศาสตร์พรรคภูมิใจไทย ผ่านที่ปรึกษาคนเดียวกัน
ดังนั้น เพื่อบรรลุเป้าหมายได้ตำแหน่งนายกฯ และสามารถกำหนดยุทธศาสตร์ประเทศได้ พรรคเพื่อไทยจึงต้องเปิดเกมขอเสียงพรรคก้าวไกลโหวตช่วย แม้จะถูกถีบให้เป็นฝ่ายค้านไปแล้วก็ตาม แทนที่จะไปขอเสียง ส.ว. ช่วยโหวตฝ่าวิกฤตประเทศแทน เพราะวิกฤตประเทศเกิดจากวุฒิสภาไม่ใช่พรรคก้าวไกล
แต่ที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนไปกว่านั้น คือ ดีลเก่าที่ พล.อ.ประวิตร เคยเสนอตัวเป็นนายกฯ คนกลางเพื่อเข้ามาแก้ไขความขัดแย้งและปรองดองทางการเมือง ยังคงรอโอกาสเข้ามาสู่อำนาจอยู่ทุกวันแม้จะได้เสียง ส.ส.เพียง 40 ที่นั่งก็ตาม แต่ที่ผ่านมาต้องถือว่ายังมีอำนาจในการบงการกลุ่มอำนาจเก่า ควบคุมเสียง ส.ว.และองค์กรอิสระต่างๆ รวมถึงเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนใหญ่ที่เคยร่วมลงขันไม่เอารัฐบาลพรรคก้าวไกลมาแล้ว
"หากพรรคเพื่อไทยดีลการเมืองไทยไม่ผ่านและพ่ายแพ้กลศึกครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จึงอาจจะตกเป็นของ “สุมาอี้” เมืองไทยที่กำลังแต่งตัวรอก็เป็นได้” นายเมธา กล่าว