รองโฆษกรัฐบาล เผย ครม.เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีพลังงานเอเปก ครั้งที่ 13 ร่วมเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและกำหนดเป้าหมายใหม่ด้านพลังงาน 21 เขตเศรษฐกิจ สหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพจัดประชุม 15-16 ส.ค.นี้
วันนี้ (8 ส.ค.) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีพลังงานเอเปก (APEC Energy Ministers' Statement) ครั้งที่ 13 ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยจะมีการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมในการประชุมรัฐมนตรีพลังงานเอเปก ครั้งที่ 13 ระหว่างวันที่ 15-16 สิงหาคม 2566 ณ เมืองชีแอตเติล ประเทศสหรัฐอเมริก การประชุมครั้งนี้ จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “Creating a Resilient and Sustainable Future for All” ซึ่งเป็นเวทีในการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของรัฐมนตรีพลังงาน 21 เขตเศรษฐกิจเอเปกในการส่งเสริมความร่วมมือในประเด็นต่างๆ ที่สำคัญ อาทิ การแลกเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับสถานการณ์พลังงานในปัจจุบันและอนาคต การรับมือกับความท้าทายต่อความมั่นคงด้านพลังงาน การเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน
ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีพลังงานเอเปก (APEC Energy Ministers' Statement) ครั้งที่ 13 นี้ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีพลังงานเอเปคในการกำหนดทิศทางและวางกรอบนโยบายความร่วมมือด้านพลังงานร่วมกัน ซึ่งมีความสอดคล้องกับการขับเคลื่อนความร่วมมือตามเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bangkok Goals on Bio-Circular-Green Economy: BCG) และวิสัยทัศน์ปุตราจายา ค.ศ. 2040 (APEC Putrajaya Vision 2040) ที่มุ่งเน้น “การเปิดกว้าง มีพลวัต พร้อมรับความเปลี่ยนแปลง และมีสันติภาพ” เพื่อให้เขตเศรษฐกิจเอเปกสามารถบรรลุเป้าหมายด้านพลังงานของเอเปก (APEC Energy Goals) ได้แก่ 1) เป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนเป็น 2 เท่า ภายในปี ค.ศ. 2030 2) เป้าหมายการลดค่าความเข้มของการใช้พลังงาน (Energy Intensity) ลงร้อยละ 45 ภายในปี ค.ศ. 2035 เพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality และ 3) เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานและพลังงานที่มีความยั่งยืนร่วมกัน
มากไปกว่านั้น การประชุมครั้งนี้ จะเสนอให้มีการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งเชื้อเพลิงปลอดคาร์บอนและแหล่งเชื้อเพลิงที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนให้ได้ประมาณร้อยละ 70 ภายในปี ค.ศ. 2035 และร่วมกันลดการปล่อยมีเทนอย่างน้อยร้อยละ 50 จากภาคพลังงานฟอสซีลภายในปี ค.ศ. 20230 (เมื่อเทียบกับปี ค.ศ. 2020) โดยลดการปล่อยมีเทนจากกระบวนการผลิตน้ำมันและก๊าช และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคถ่านหิน นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกายังเสนอการจัดตั้งข้อริเริ่มการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างเป็นธรรม (Just Energy Transition Initiative) Just Energy Transition Initiative) เพื่อส่งเสริมความพยายามในการเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดของเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างเป็นธรรมและครอบคลุม ผ่านการมีส่วนร่วมของภาคแรงงาน
นางสาวรัชดา กล่าวว่า ร่างแถลงการณ์ร่วมฉบับนี้ เป็นการให้แนวทางการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด รวมถึงการจัดทำเป้าหมายใหม่ด้านพลังงานของเอเปก เพื่อสนับสนุนความพยายามของโลกในการบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์และความเป็นกลางทางคาร์บอน เพื่อรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ขณะเดียวกัน ได้มุ่งเน้นการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน และปรับปรุงการเข้าถึงพลังงานให้ครอบคลุมและยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดสอดคล้องกับท่าทีของไทยโดยรวมในเอเปก รวมทั้งสานต่อการทำงานของเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG ที่เป็นผลลัพธ์สูงสุดของการเป็นเจ้าภาพเอเปกของไทยปี 2565