xs
xsm
sm
md
lg

ฟันธง! ไม่มี “พปชร.” ไม่ผ่าน 275 เสียง ชี้ “พิธา” เหมาะหรือ กับ “จิตวิญญาณ มธ.” “โบว์” แซะ ใคร? ไม่ใช่กลุ่มคนดีอย่างที่คิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ พรรคเพื่อไทย แถลงร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย จากแฟ้ม
“สมชัย” ถาม “พท.” จับมือ “ภท.” 212 เสียง ข้างมากตรงไหน ฟันธง! ไม่มี พปชร. ไม่ผ่าน 375 “อดีตรองอธิการ มธ.” ยก พฤติกรรม “พิธา” ไม่เหมาะ “จิตวิญญาณธรรมศาสตร์” “โบว์” แซะบางกลุ่ม? เมื่อตาสว่าง ก็แค่เดินออกมา

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(7 ส.ค.66) จากกรณี “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” ออกแถลงการณ์จับมือเป็นทางการ ชู "212 เสียง" 2 พรรคเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล

ภาพ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร จากแฟ้ม
ต่อมา นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก สมชัย ศรีสุทธิยากร ระบุว่า

“212 มันเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากตรงไหน สารตั้งต้น มันต้องเกิน 250

ไม่ได้ ก้าวไกล ไทยสร้างไทย เป็นธรรม

ไม่มี พปชร. รทสช. ปชป. ร่วม ยังไงก็ไม่มีทางเกิน 250

ถึงรวม พรรคอื่นได้เกิน 250 แต่หากไม่มี พปชร. ก็ไม่ผ่าน 375

ทางข้างหน้า ว้าเหว่มาก”

ภาพ รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร จากแฟ้ม
ขณะเดียวกัน รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล ม.ธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า

“ก่อนวันที่คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะไปแสดงปาฐกถาในงานปฐมนิเทศน์เพื่อนใหม่(คำที่นศ.มธ ใช้กัน)ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ญาติสนิทท่านหนึ่งมีหลานที่สอบเข้าธรรมศาสตร์ได้โทรมาถามว่า งานปฐมนิเทศของธรรมศาสตร์นี่ต้องไปไหม ทำไมดูรายการแล้วแปลกๆชอบกล พร้อมทั้งส่ง link มาให้ เข้าไปดูก็เห็นรายละเอียดว่า นอกจากนักศึกษาใหม่จะได้พบกับอธิการบดี รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ รองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษา และผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษาแล้ว ยังมีคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในฐานะศิษย์เก่าเป็นแขกรับเชิญพิเศษ(special guest)อีกด้วย ผมก็ตอบท่านไปว่า เป็นงานปฐมนิเทศของมหาวิทยาลัย นักศึกษาใหม่ก็ควรต้องไป

ว่าที่จริง ทั้งอธิการบดี และรองอธิการบดีทั้ง 2 ท่าน เป็นผู้ที่ผมรู้จักมักคุ้นทั้งสิ้น และพอจะรู้ว่าคนไหนยืนอยู่ข้างไหนในทางการเมือง แต่ก็ไม่วายแปลกใจว่า ทำไมจึงกล้าเชิญคุณพิธามาเป็นแขกรับเชิญพิเศษและยกเวทีให้คุณพิธาได้แสดงปาฐกถาให้ทั้งอาจารย์ และนักศึกษาใหม่ที่ต้องเข้าร่วมงานปฐมนิเทศฟังโดยไม่กลัวข้อครหาใดๆ

เป็นเรื่องธรรมดาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะเชิญศิษย์เก่ามาเล่าประสบการณ์ให้นักศึกษาใหม่ฟัง เพราะมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีศิษย์เก่าจำนวนมากที่ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆทุกด้าน ในอดีตมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เคยมีความภาคภูมิใจที่ศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ดำรงตำแหน่งประมุขของฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ ในเวลาเดียวกัน นั่นคือ นายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา และประธานศาลฎีกา

การจัดงานปฐมนิเทศน์เท่าที่ผมเคยมีประสบการณ์ในฐานะผู้จัด ก็จะเชิญศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จในสาขาอาชีพต่างๆเพื่อเป็นแบบอย่าง และเล่าถึงเส้นทางของความสำเร็จให้นักศึกษาใหม่ฟัง และจะเชิญมาหลายคนให้อภิปรายพร้อมกัน เช่น จากภาคการเมือง ภาคธุรกิจ ภาคราชการ ภาคตุลาการ เป็นต้น แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะมีภาคเดียวและคนเดียว คือคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เรียกได้ว่า เป็น highlight ของงานเลยทีเดียว

การแสดงปาฐกถาของคุณพิธา แม้ว่าจะมีการให้หลักคิดแก่นักศึกษาบ้าง แต่ก็ไม่วายที่จะพูดเรื่องการเมือง ซึ่งเนื้อหาไม่ต่างอะไรกับการปราศรัยต่อมวลชนในจังหวัดต่างๆ หลังจากที่ไม่ผ่านการลงมติให้ความเห็นชอบของรัฐสภา ทั้งยังกล่าวเสียดสีวุฒิสมาชิก และกระบวนการยุติธรรมของประเทศ แต่ที่ศิษย์เก่าจำนวนมากรับไม่ได้ที่สุดก็คือ การที่คุณพิธากล่าวว่า จิตวิญญาณธรรมศาสตร์ ก็เป็นวิถีของพรรคก้าวไกล

เมื่อพูดถึง “จิตวิญญาณธรรมศาสตร์” คงไม่มีข้อความใดที่แสดงถึงจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ได้ดีเท่ากับข้อความของ คุณกุหลาบ สายประดิษฐ์ หรือ “ศรีบูรพา” ที่กล่าวถึงนักศึกษาและบัณฑิตของธรรมศาสตร์ไว้ดังนี้

“นักศึกษาและบัณฑิตของ ม.ธ.ก. มีความรักในมหาวิทยาลัยของเขามิใช่เหตุแต่เพียงว่า เขาได้เรียนในมหาวิทยาลัยนี้ เขาได้วิชาความรู้ไปจากมหาวิทยาลัยนี้ เขารักมหาวิทยาลัยนี้ เพราะว่ามีธาตุบางอย่างของมหาวิทยาลัยนี้ที่สอนให้เขารู้จักรักคนอื่น รู้จักคิดถึงความทุกข์ยากของคนอื่น เพราะว่ามหาวิทยาลัยนี้ไม่กักเขาไว้ในอุปาทาน และความคิดที่จะเอาแต่ตัวรอดเท่านั้น”

พฤติกรรมของพรรคก้าวไกล และบรรดาด้อมส้ม มีอะไรที่สะท้อนข้อความข้างต้นหรือไม่ ยังไม่ต้องพูดถึงว่า ความเป็นธรรมศาสตร์ที่แท้จริงนั้น จะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่พูดโกหกเพื่อเอาตัวรอด ต้องไม่ละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น พฤติกรรมของความก้าวร้าว รุนแรง หยาบคาย ต่ำทราม ละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น รวมทั้งสถาบันพระมหากษัตริย์ของด้อมส้ม เคยมีใครในพรรคก้าวไกลออกมาห้ามปรามหรือไม่ นอกจากไม่ห้ามปรามแล้วยังปกป้องสนับสนุนอีกด้วย

คุณพิธาเอง เป็นที่ประจักษ์ว่า พูดไม่จริงและพูดความจริงครึ่งเดียวหลายเรื่อง กรณีกลับมางานศพของคุณพ่อคุณพิธา กรณีหาเสียงที่ไปสัญญาว่า จะให้เงินผู้สูงอายุเดือนละ 3,000 บาท ทั้งที่รู้ว่า กว่าจะได้ 3,000 บาท ต้องรอถึงปี 2570 แต่เลือกที่จะไม่พูดถึงเวลาที่จะได้จริง ทั้งยังสามารถเปลี่ยนจุดยืนได้หน้าตาเฉยเพียงเพื่อให้ได้คะแนนเสียง เช่น ในกรณี กัญชาเสรี แต่เรื่องที่ใหญ่มากคือ คำถามเรื่องจริยธรรมและธรรมาภิบาลในช่วงที่คุณพิธาบริหารบริษัท oil for life ของครอบครัว ที่สร้างภาพว่าได้กอบกู้บริษัทจากขาดทุนมาเป็นกำไร ทำให้คุณพิธามีชื่อเสียงขึ้นมาในขณะนั้น ในฐานะ “อายุน้อยร้อยล้าน” แต่หลังจากนั้นบริษัทขาดทุนจนอาจถึงขั้นล้มละลาย เรื่องนี้กลับเงียบ หากคุณพิธาไม่ได้เล่นการเมือง ก็คงไม่มีใครขุดคุ้ยขึ้นมา

กรณีที่บริษัท oil for life ให้กู้ยืมเงิน 117 ล้านแก่บุคคลที่ไม่เปิดเผยชื่อ โดยไม่มีดอกเบี้ย เมื่อไม่มีการชำระหนี้คืน แทนที่จะฟ้องร้อง กลับตัดเป็นหนี้สูญ กรณีที่บริษัท oil for life เป็นหนี้ธนาคาร 460 ล้าน ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ซึ่งคุณพิธาเป็นผู้ค้ำประกันหนี้ก้อนนี้ด้วย และกำลังจะถูกธนาคารอย่างน้อย 3 แห่ง ฟ้องให้ชำระหนี้ เรื่องเหล่านี้คุณพิธา ไม่เคยชี้แจงต่อสาธารณะได้เลยแม้แต่เรื่องเดียว

นี่หรือคือ “จิตวิญญาณธรรมศาสตร์” ควรหรือที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะเชิญคุณพิธาไปเป็นแขกรับเชิญพิเศษแต่เพียงผู้เดียว เพื่อเป็นแบบอย่างให้นักศึกษาใหม่ในงานปฐมนิเทศน์ หรือผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เห็นว่าคุณพิธาได้รับความนิยมสูงจากคนรุ่นใหม่ จึงเชิญมาโดยไม่พิจารณาคุณสมบัติอื่นๆของคุณพิธาเลย หรือเชิญมาเพื่อเปิดโอกาสให้คุณพิธาสร้างคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น เพื่อสนับสนุนให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้

ผมไม่ขอตัดสินว่า เหตุผลที่แท้จริงที่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เชิญคุณพิธามาเป็นแขกพิเศษและให้แสดงปาฐกถาในงานปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่คืออะไร เพราะท่านทั้งหลายที่มีเหตุมีเหตุผลพอและมีใจเป็นธรรม ควรจะตัดสินได้เอง”

ภาพ น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ จากแฟ้ม
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพจเฟซบุ๊ก Bow Nuttaa Mahattana
ของ น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์ข้อความระบุว่า

“หลายๆคนคงมีประสบการณ์คล้ายกัน แต่ไม่กล้าพูด คุณเคยคิดว่า คนบางกลุ่มต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้องดีงาม อยู่ๆไปคุณเริ่ม “เอ๊ะ” คุณเริ่มเห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คุณเริ่มเห็นความเป็นภัยสังคม แล้วคุณก็ทำตัวไม่ถูก ไม่กล้าพูด ไม่กล้าวิจารณ์ ถึงจุดหนึ่งคุณเริ่มติง เริ่มเตือน แล้วคุณก็เริ่มถูกคุกคาม

ก็แค่เดินออกมาค่ะ มันง่ายกว่าที่คิด.”


กำลังโหลดความคิดเห็น