ส.ส.ก้าวไกล รับหนังสือคาร์ม็อบ ลั่นเข้าใจมาตลอดว่าจดทะเบียนกับเพื่อไทยแล้ว ชี้วันนี้เป็นการหย่า ไม่ทราบหลังจากนี้จะมีกิ๊ก-เมียน้อยหรือไม่ ยันก้าวไกลอยากเห็น 8 พรรคร่วมฯ จับมือกัน ขอบคุณปชช.ทุกคนส่งใจให้ ด้านผู้ชุมนุมตะโกนเชียร์ “อย่าไปยอม”
วันนี้ (2 ก.ค.2566) เวลา 14.35 น. นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนางสาวเบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อ , นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรค และนางสาวภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรค รับยื่นหนังสือจากกลุ่มคาร์ม็อบ ที่แสดงจุดยืนต้องการให้พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลจับมือร่วมรัฐบาล
โดยแกนนำพรรคก้าวไกลได้ทักทายกลุ่มผู้ชุมนุมพร้อมบอกขอบคุณประชาชนที่มา และชี้แจงว่าวันนี้มีประชุม สส. และก้าวไปลจะมีการแถลงข่าว
มีหนึ่งในผู้ชุมนุมตะโกนว่า “อย่าไปยอมมัน” นายรังสิมันต์ จึงถามว่า “อย่าไปยอมมันนี่อย่าไปยอมใคร”
จากนั้น นายรังสิมันต์ บอกก่อนรับหนังสือ ว่า เรื่องที่ประชาชนมาวันนี้ ก็เพราะอยากให้ 8 พรรคร่วมมีการแพ็กกันแน่น เป็นสิ่งที่ก้าวไกลอยากให้เป็นแบบนั้นอยู่แล้วเพราะเป็นจุดยืนของก้าวไกลในการจับมือ 8 พรรคจึงเป็นสิ่งสำคัญ และที่ทุกคนได้เห็นจากข่าว เดี๋ยวนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล จะแถลงในมุมของก้าวไกล
โดยในวันนี้ ตนและ ตัวแทน สส.ของพรรค มารับหนังสือ จากประชาชนที่มาให้กำลังใจ ด้วยความปรารถนาดีที่อยากเห็นการทำงาน 8 พรรคในการตั้งรัฐบาลประชาชน และต้องยอมรับว่าการตัดสินใจใดๆไม่ได้อยู่เฉพาะที่ก้าวไกล ยังมีตัวแปรอื่นๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าบ่าวไม่อยู่แล้ว เจ้าสาวจะยังไง นายรังสิมันต์ ตอบว่า ตนเข้าใจมาโดยตลอดว่าเราแต่งงานกันแล้ว จดทะเบียนกันแล้ว MOU เปรียบเสมือนการจดทะเบียน แต่วันนี้ ไม่ใช่เจ้าสาวรอเก้อ แต่กำลังจะมีการหย่ากันมากกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมียน้อยจะเยอะหรือไม่ นายรังสิมันต์ ตอบว่า ไม่ทราบ คงต้องไปถาม ผู้ที่จะไปมีกิ๊ก หรือจะเรียกว่าภรรยาน้อยอะไรก็แล้วแต่
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า วันนี้อยากขอบคุณประชาชน และตนก็ยืนยันทุกครั้งว่า การมาร่วมตัวกันของประชาชนเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แม้รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะเป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่ถูกยอมรับว่าเป็นประชาธิปไตย แต่หลักการในสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกเป็นเรื่องที่ถูกยอมรับในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และเป็นสาระสำคัญหากจะบอกว่าจะมีระบอบประชาธิปไตย ผู้ชุมนุมก็มีสิทธิในการแสดงออกอยู่แล้วจึงขอบคุณประชาชนที่มาให้กำลังใจ และความประสงค์ของผู้ชุมนุมคือต้องการเห็น 8 พรรคทำงานร่วมกัน แต่วันนี้ไม่ใช่การตัดสินใจของพรรคก้าวไกล
ผู้สื่อข่าวถามว่า การไปเป็นฝ่านค้านจะโชว์ฝีมือได้อย่างไรนั้น นายรังสิมันต์ บอกว่า ไม่ใช่การโชว์ฝีมือแต่จะเป็นการทำให้ฝันของประชาชนเป็นจริงมากกว่า และนายชัยธวัช จะให้ความชัดเจนว่าก้าวต่อไปของพรรคก้าวไกลจะทำอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามความรู้สึกของ สส.พรรคก้าวไกล หลังจากเห็นข่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะต้องฉีกMOUและไม่มีพรรคก้าวไหลในการจัดตั้งรัฐบาล นายรังสิมันต์ บอกว่า ตนขอตอบในนามความรู้สึกส่วนตัว ว่า หากพูดกันอย่างตรงไปตรงมาก็เห็นสัญญานการปล่อยข่าวมาโดยตลอด และคงรู้อยู่แล้วว่าอาจจะมีจ้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแบบนี้ได้
“แต่ข้อเท็จจริงที่ตนเจ็บปวดที่สุด คงเป็นเรื่องของพี่น้องประชาชนที่เขาฝัน มันน่าเศร้า มันอีกนิดเดียว คุณเคยรู้สึกมั้ยว่ามันอีกนิดเดียวจริงๆ”
หลังจากนั้น นายรังสิมันต์ ให้สัมภาษณ์หลังรับหนังสือ จากกลุ่มคาร์ม็อบ อีกครั้ง ว่า วันนี้เรามารับหนังสือ จุดยืนของผู้ชุมนุม ก็เหมือนจุดยืนเดิมของพรรคก้าวไกล เราต้องการให้ 8 พรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคจับมือกัน ในแน่นเข้าไว้ แต่ต้องยอมรับว่าการ ความพยายาม จากพรรคก้าวไกลฝ่ายเดียวยังไม่เพียงพอ และเมื่อดูจากเหตุการณ์ทั้งหมด ทั้งเรื่องที่พรรคก้าวไกลยอมถอยตำแหน่งประธานรัฐสภา รวมถึงให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทั้งหมดทั้งมวลพรรคก้าวไกลถอยมาเยอะ เพื่อให้แปดพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลสามารถจัดตั้งรัฐบาลประชาชนได้ แต่เหตุการณ์ในวันนี้ก็ทำให้ทราบแล้วว่าเป็นอย่างไร ซึ่งขณะนี้สส.พรรคก้าวไกลกำลังมีการประชุมกัน ว่า เราจะมีจังหวะเดินต่อไปอย่างไร เพราะในวันที่ 4 ส.ค.นี้จะมีการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 3 ซึ่งหลังจากนี้นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล จะมีคำตอบให้สื่อมวลชนและประชาชน ว่าทางพรรคจะเดินต่อไปอย่างไร แต่ตอนนี้มีความชัดเจนแล้วว่า กำลังเกิดอะไรขึ้นกับ 8 พรรคร่วมฯ ที่เป็นพันธมิตรจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย
เมื่อถามว่ามองปรากฏการณ์นี้อย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เราไม่อยากให้ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้น และหากจินตนาการว่า 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล 312 เสียงเป็นพรรคเดียว ก็น่าจะจบ แม้อาจจะอาจจะจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้เพราะเสียงไม่ถึง 376 เสียง แต่ตนก็เชื่อว่าถ้าเราเหนียวแน่น การรอ 10 เดือนก็ไม่มีความหมาย ซึ่งไม่ต้องถึงก็ได้ แต่ตอนนี้ก็ทำให้ประชาชนรู้สึก ว่าจะเกิดการสลายขั้ว 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยทำให้เราเจอวิกฤตในตอนนี้ ประชาชนและไม่สามารถตั้งรัฐบาลที่ประชาชนให้มาได้
เมื่อถามว่าจะทำให้มวลชนเกิดการรวมตัวกันมากขึ้นหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า อยู่ที่ประชาชน