มท.1 พร้อมคณะ บินลงพื้นที่นราธิวาส ประชุมตรวจติดตาม เหตุโกดังเก็บดอกไม้ไฟระเบิด บ้านมูโนะ สั่งเร่งสำรวจฟื้นฟูเยียวยา พร้อมดันงบช่วยเหลือจากสำนักนายกฯ ลั่นอย่าให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำ ถ้ามีเจ้าหน้าที่รัฐต้องรับผิดชอบ
วันนี้ (1 ส.ค.) พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายนริศ ขำนุรักษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์โกดังเก็บดอกไม้ไฟระเบิด ตำบลบ้านมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส พร้อมเป็นประธานการประชุมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ จากผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมทั้งมอบนโยบาย ที่ห้องประชุม ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส
นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้รายงานต่อที่ประชุมว่า ล่าสุด มีผู้ประสบภัย จำนวน 1,935 คน รวม 427 ครัวเรือน เสียชีวิต 11 ราย รอพิสูจน์อัตลักษณ์ 2 ราย บาดเจ็บ 209 ราย กลับจากโรงพยาบาลแล้ว 199 ราย ยังรักษาตัวที่โรงพยาบาล 10 ราย สำหรับความเสียหายด้านอื่นๆ มีผู้ลงทะเบียนทั้งสิ้น 620 ราย ซึ่งมีทั้งบ้านเรือน โรงเรียน รถจักรยานยนต์ รถยนต์ ความช่วยเหลือในเบื้องต้นทางจังหวัดได้ทำการประกาศปิดพื้นที่ประสบสาธารณภัย และเหตุการณ์ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ด้านอัคคีภัยในพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก มีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ ศูนย์พักพิงชั่วคราว
นอกจากนี้ ยังมีความช่วยเหลือของหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งภาครัฐพลเรือนทหาร ตำรวจ ส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจเอกชนและองค์กรสาธารณะกุศลทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่จังหวัด พร้อมกันนี้ยังมีการช่วยเหลือด้านอาหารและโรงครัวพระราชทาน และประกอบเลี้ยงจากประชาชนผู้ประสบภัย ที่ร่วมสนับสนุนจากประชาชนและภาครัฐ
สำหรับแผนฟื้นฟูหลังเกิดเหตุทางจังหวัดจัดชุดสำรวจแบ่งออก เป็น 5 ชุด เพื่อความรวดเร็ว พร้อมเตรียมทหารช่าง ประกอบด้วย กองทัพบก 5 ชุด ทหารเรือ 2 ชุด ชุดช่าง อส. และประชาชนจิตอาสา นักเรียนอาชีวะ โดยขึ้นทะเบียนเตรียมพร้อมซ่อมแซ่มบ้านผู้ประสบภัยแล้ว โดยจะเร่งซ่อมบ้านที่เสียหาเล็กน้อย ให้กลับมาปกติโดยเร็ว ส่วนบ้านเสียหายหนัก จะต้องดูเป็นรายบ้านไป แต่เบื้องต้นทางจังหวัดได้ดำเนินการตามแผนแล้ว โดยส่งหน่วยทหารเข้าซ่อมบ้าน 6 หลัง จาก 427 หลัง ทัังนี้ จากการประเมินความเสียหายที่อยู่อาศัย จะใช้วงเงินถึง 42 ล้านบาท
ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะต้องมีการถอดบทเรียนการจัดการสาธารณภัย โดยคณะกรรมการ ปภ. จังหวัด ได้ร่วมประชุมหารือ ถอดบทเรียนปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติงาน เพื่อสร้างองค์ความรู้และถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ พลเอก อนุพงษ์ กล่าวว่า จริงๆ แล้วนายกรัฐมนตรี อยากมาด้วยตนเองแต่ติดภารกิจ จึงมีบัญชาให้ตนเองและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยลงมาดูก่อน ทั้งนี้ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ช่วยกันทำงาน และขอให้ผู้ว่าฯจัดส่งของช่วยเหลือไปยังบ้านญาติที่ผู้ประสบภัยไปอาศัยอยู่ด้วย พร้อมฝากผู้ว่าราชการจังหวัด ให้จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกกับผู้เสียชีวิต และต้องเยียวยาทายาทโดยตรงตามระเยียบกฎหมาย ในการรับเงินเยียวยา ขณะเดียวกัน ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ช่วยเหลือผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ ส่วนการซ่อมแซ่มบ้านเรือนที่เสียหาย จะต้องบูรณาการงบประมาณให้ดี โดยการจัดซื้อวัสดุให้ด้วยเงินบริจาคและงบจากภาครัฐ และเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อของบประมาณเพิ่มเติมจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยสำนักนายกรัฐมนตรี
พลเอก อนุพงษ์ ยังมอบแนวทางการในการจัดรูปที่ดินใหม่ ในพื้นที่โรงงานระเบิดใหม่ เพราะเป็นพื้นที่อยู่อาศัยเดิมลักษณะการจัดทำผังเมืองใหม่ วางระบบไฟฟ้า ประปา ไปพร้อมกัน จึงฝากให้ผู้ว่าราชการไปรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนเพื่อดำเนินการได้ทันที หากรอตามแผนงานที่วางไว้ อาจจะช้า ดังนั้น อยากให้เริ่มเลย โดยเฉพาะเจ้าของโรงงานต้องร่วมรับผิดชอบเรื่องนี้ ด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้ มีเหตุการณ์ โรงงานพลุระเบิดที่ จ.เชียงใหม่ โดยครั้งนั้นปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ออกหนังสือ 2 ฉบับ สั่งการให้จังหวัด อำเภอ ส่วนท้องถิ่น สำรวจร้านค้า โรงงานพลุ ทั้งผู้ขออนุญาตและไม่ขออนุญาต แต่ยังมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีก จึงมีการตั้งคำถามทำไมยังมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีก ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุต้องหาคนรับผิดชอบ ไม่ใช่เฉพาะคนทำผิด ส่วนราชการต้องรับผิดชอบด้วย เพราะเจ้าหน้าที่ต้องมีหู มีตา ต้องรู้ และจะเกิดขึ้นอีกไม่ได้ หากไม่ดำเนินการจะเป็นการละเว้น โดยนายอำเภอจะหนักหน่อย เพราะถือเป็นเจ้าหน้าที่ผู้อนุญาตอนุมัต เขารู้กันทั้งตลาด แต่นายอำเภอไม่รู้ คงหนี้ไม่ได้ ใครไม่ขออนุญาตต้องทำเดินคดี ถ้าละเว้นเข้าตัวแน่นอน ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่มีกฎหมายแล้วไม่ดำเนินการจะใช้อะไร ต้องใช้เวทมนต์คาถาอย่างนั้นเหรอ มันไม่ได้ แต่ก่อนจะเจอไสยศาสตร์ต้องเจอโทษก่อน พร้อมกันนี้ยังเร่งให้จังหวัด ส่งรายงานการสำรวจ แหล่งโรงงานและแหล่งจำหน่ายพุ มายังส่วนกลางโดยด่วน
นอกจากนี้ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนท้องถิ่นให้แจ้งประชาชนผ่านหอกระจายข่าว ให้ประชาชนแจ้งเบาะแส เพื่อให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบ หากทั้งสองส่วนร่วมมือกันร่วมมือกันก็จะไม่มีอะไรที่ลึกลับ ใครมาซื้อขายอะไรก็ต้องเห็นกัน
จากนั้น พล.อ.อนุพงษ์ พร้อมคณะออกเดินทางจากศาลากลางจังหวัดนราธิวาส โดยเฮลิคอปเตอร์ ไปยังศูนย์พักพิง ณ สนามกีฬามูโนะตำบลบ้านมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก เพื่อตรวจเยี่ยมประชาชน และแจกอาหารจากโรงครัวพระราชทานแก่ประชาชนในพื้นที่
นอกจากนี้ พล.อ.อนุพงษ์ พร้อมคณะ ยังเดินทางไปยังศูนย์บัญชาการเหตุการณ์พื้นที่เกิดเหตุตำบลบ้านมูโนะ เพื่อตรวจเยี่ยม และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ก่อนออกเดินทางไปยังโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก เยี่ยมผู้ประสบภันได้รับบาดเจ็บ จากเหตุการณ์พลุระเบิด