เมืองไทย 360 องศา
นาทีนี้ต้องบอกว่าสำหรับพรรคเพื่อไทย ถือว่า “เก๋าเกม” ไม่เบา รู้จักพลิกแพลงยืดหยุ่นตามสถานการณ์ ที่สำคัญ ในสถานการณ์หัวเลี้ยวหัวต่อยังฉวยจังหวะดึงศัตรูกลายเป็นมิตร ใช้ประโยชน์ทั้งวันนี้และวันหน้าได้อย่างเนียนๆ ขณะที่เมื่อเทียบกับพรรคก้าวไกล ที่นับวันถูกมองว่ากลายเป็นตัว “สร้างปัญหา” เอาแต่ได้ ทั้งที่ตัวเองไม่ใช่อยู่ในสถานะที่เป็น “ผู้กำหนดเกม” อะไรได้มากนัก
เพราะเวลานี้กลายเป็นว่า พรรคก้าวไกล นับวัน “ถูกโดดเดี่ยว” มากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ความสัมพันธ์ระหว่าง 8 พรรคด้วยกันเองที่ล่าสุดเห็นได้ชัด ก็คือ พรรคเสรีรวมไทย ที่นำโดย “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” ที่ก่อนหน้านี้ ออกมาตำหนิท่าทีของพรรคก้าวไกล ที่ปิดกั้นตัวเองจนเป็นอุปสรรคต่อการจัดตั้งรัฐบาล และทำให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตของพรรคไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี จนถูกบรรดา “ด้อมส้ม” จัดทัวร์มาถล่มอย่างหนัก ทำให้ต้องประกาศฟ้องทันที หากเห็นว่าทำให้เสียหาย
หรือแม้กระทั่งอีกพรรคหนึ่ง คือ พรรคไทยสร้างไทย ของ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ก็เพิ่งประกาศว่าไม่เอาด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อพรรค แต่ที่ผ่านมา มีแต่พรรคก้าวไกลเท่านั้นที่ยุ่งอยู่แต่เรื่อง มาตรา 112 จนไม่ยอมลดราวาศอก ทั้งที่มีเรื่องอื่นๆ นโยบายสำคัญเร่งด่วนที่เกี่ยวกับรายได้ และปากท้องของชาวบ้านมากมาย จนทำให้ไม่ได้รับเสียงโหวตข้างมากของที่ประชุมรัฐสภาได้เป็นนายกฯ จนไม่ได้ไปแสดงวิสัยทัศน์ในที่ประชุมยูเอ็น นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ตามที่ตัวเองปรารถนา เคยประกาศให้ได้ยินกันในที่ประชุมสภามาแล้ว
การให้สัมภาษณ์ของ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” ผ่านรายการ “กรรมกรข่าว คุยนอกจอ” ทางช่อง สรยุทธ สุทัศนะจินดา สะท้อนให้เห็นความสัมพันธ์กับพรรคก้าวไกล ที่เสื่อมทรามลงอย่างรวดเร็ว โดยช่วงหนึ่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า พวกด้อม (พรรคก้าวไกล) จะไปฟังทำไม ไม่เห็นก้าวไกล ออกมาห้ามเลย ต้องออกมาห้ามอย่าทำๆ อันนี้เงียบเฉย เอาง่ายๆ เวลาสภาจะประชุมมีมติอะไร ก้าวไกลเริ่มเลยนะให้บรรดาด้อมไปชุมนุมในแต่ละจังหวัด ในกรุงเทพฯ ให้มาชุมนุมที่สภา มากดดัน เลยถามว่ามาทำไม เขาไม่กลัวคุณหรอก พอโหวตแพ้ก็มาชุมนุม เคลื่อนจากรัฐสภาไปที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แล้วมี ส.ส.ก้าวไกล ไปให้กำลังใจ ไปถ่ายรูป ไม่ห้ามปราม ถือเป็นการสนับสนุน ก่อนหน้านั้น บรรดาชู 3 นิ้ว ก้าวไกล สนับสนุนทั้งนั้น ไปประกันตัวให้
หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยังกล่าวอีกว่า ผมคิดว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่เป็นตัวของตัวเอง ถูกครอบงำคณะที่อยู่เบื้องหลัง ถ้าผมเป็น กกต. ผมเอาแล้วนะ ครอบงำพรรค แต่เพราะเป็นพวกเดียวกันเลยไม่ทำ ถ้าคนละพวก ผมรวบรวมหลักฐานหมดแล้ว ส่วนตัว คุณพิธา เป็นคนนิสัยดี น่ารัก แต่ไปถูกครอบงำ แค่ยกตัวอย่าง จะไปเชิญชาติไทยพัฒนากล้า พอถูกติงก็ไม่ทำแล้ว
“พวกด้อม ที่ทัวร์ลง ที่มาถล่ม อย่ามาล้ำก้ำเกิน นี่ผมยังไม่ได้ตรวจสอบนะ ว่าใครทำผิดกฎหมายบ้าง ไอ้ด้อมที่มาโพสต์อะไรต่างๆ ที่เข้ามาด่าก็ไม่เป็นไร ถ้าหมิ่นประมาท ทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ไหม เดียวผมตรวจสอบแล้วดำเนินคดีหมด พวกนี้ไม่เคย ถ้าเคยแล้วจะรู้สึก ส่วนที่สมาชิกพรรคก้าวไกลออกมาถล่ม ก็แค่ไอ้เด็กหนุ่ม ไม่มีความคิด” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
ก่อนหน้านั้น บรรดา “ด้อมส้ม” ที่ว่านี้ก็ยกขบวนไปป่วนที่พรรคเพื่อไทย ระหว่างที่มีการหารือกับตัวแทนพรรคพลังประชารัฐ เพื่อขัดขวางไม่ให้เจรจาพูดคุยกับพรรคดังกล่าว อ้างว่า ไม่เอา “พรรคลุง” มีการโรยแป้ง ใส่แกนนำพรรคพลังประชารัฐ โดย “นายสันติ พร้อมพัฒน์” เลขาธิการพรรคโดนแป้งเต็มศีรษะ ขณะเดียวกัน เมื่อมีการชุมนุมที่แยกอโศก กลุ่มผู้ชุมนุมก็มีการนำรูปของ “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มาเหยียบย่ำลงบนพื้น เชื่อว่า พฤติกรรมแบบนี้ย่อมสร้างความไม่พอใจให้กับบรรดาผู้สนับสนุนของพรรคเพื่อไทย จากเดิมที่คุกรุ่นกันอยู่แล้ว ยิ่งเสื่อมทรามลงไปอีก
ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยได้รับมอบหมายจากพรรคก้าวไกล ที่เคยเป็นแกนนำให้เป็นผู้รวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลหลังจากที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ได้รับการเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภา โดยพรรคเพื่อไทยได้ไปเจรจาพูดคุยกับพรรคการเมืองในขั้วรัฐบาลเดิม ทั้งภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ ชาติไทยพัฒนา และชาติพัฒนากล้า โดยพวกเขาย้ำว่า ยังไม่ได้ทาบทามเข้าร่วมรัฐบาล เพียงแต่รับฟังความเห็น และก็ได้เสียงตอบมาตรงกัน คือ ไม่ร่วมงานกับพรรคก้าวไกล และไม่ให้แก้ไข หรือแตะต้อง มาตรา 112
กลายเป็นว่า นาทีนี้แทบทุกพรรคกำลังโดดเดี่ยวพรรคก้าวไกล แต่อย่างไรก็ตาม ก้าวไกลก็ยืนกรานว่าจะไม่ถอนตัวออกจาก 8 พรรค จะเกาะพรรคเพื่อไทยแน่นแบบนี้ต่อไป หรือหากออกไป ก็ต้องให้พรรคเพื่อไทยเป็นคนพูดเอง พร้อมทั้งมีความหวังขึ้นมา หลังจากที่ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นคำร้อง กรณีการเสนอญัตติซ้ำขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และระหว่างนี้ขอให้ศาลสั่งยุติการเสนอชื่อนายกฯ โหวตในสภาออกไปก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง
แน่นอนว่า นี่คือ “เกมยื้อ” ของพรรคก้าวไกล โดยมี ส.ส.ของพรรคบางคนกล่าวว่า ให้รออีก 10 เดือน จนกว่า ส.ว.จะหมดวาระ เพื่อหวังจะให้ นายพิธา ได้รับการโหวตโดยไม่มี ส.ว.มาขัดขวาง แต่กลายเป็นว่าไม่มีใครขานรับ พร้อมกับตั้งคำถามว่า ทำไมต้องรอนานขนาดนั้น จำเป็นต้องรอ “นายพิธา เพื่อจะเป็นนายกฯ มีความจำเป็นขนาดนั้นหรือ” อะไรประมาณนี้
ขณะเดียวกัน เมื่อประมวลสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในเวลานี้ สำหรับพรรคเพื่อไทยแล้วเหมือนกับว่ากำลังรอให้ทุกอย่าง “สุกงอม” เต็มที่ โดยที่พรรคเพื่อไทย ไม่จำเป็นต้องแสดงท่าทีที่ชัดเจนนัก แต่ให้สังคมรอบข้างเป็นตัวกดดันพรรคก้าวไกลแทน เพราะหากพิจารณาแล้วจะเห็นว่า บรรยากาศวันนี้ย่อมแตกต่างไปจากวันที่ 14 พฤษภาคม วันที่พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่ง แต่กลายเป็นว่าก้าวไกลกำลังเป็นอุปสรรคต่อการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ บรรดาด้อมส้ม เด็กๆ ที่เอาแต่ใจ และที่สำคัญ กำลังทำให้ความไม่พอใจของผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยเริ่มไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มเห็นการออกมาเคลื่อนไหวของ “คนเสื้อแดง” ให้กำลังใจพรรคเพื่อไทยชัดเจนขึ้นเหมือนกัน
แม้ว่ากำหนดนัดหารือกันระหว่าง 8 พรรคร่วมที่มีเพื่อไทยเป็นเจ้าภาพในวันที่ 25 กรกฎาคม รวมทั้ง นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ที่นัดประชุมโหวตนายกฯอีกรอบในวันที่ 27 กรกฎาคม ได้ประกาศยกเลิกไปทั้งหมดแล้ว เนื่องจากต้องรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อนก็ตาม แต่เชื่อว่าผลบวก น่าจะตกกับเพื่อไทย
ขณะที่ ฝ่ายก้าวไกล นับวันกลับมีแรงกดดันโถมเข้ามามากขึ้นกว่าเดิม เพราะนาทีนี้เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่อยากรอถึง 10 เดือน รอให้ ส.ว.หมดวาระ และให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้รับการโหวตในเวลานั้น ดังนั้น เชื่อว่า เมื่อสถานการณ์สุกงอมพอ พรรคเพื่อไทย ก็คงฉีกเอ็มโอยู ประกาศจัดตั้งรัฐบาล โดยช่วงเวลาที่ลงมือน่าจะเป็นการประชุมรัฐสภาครั้งต่อไป เมื่อมีความชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญแล้ว !!