“ร.ท.ธนเดช” เผย เอกสารสรุปรายงานประจำวัน ศูนย์บัญชาการกระทรวงกลาโหม เรียกประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหว ว่า “กลุ่มเห็นต่าง” ชี้ น่ารังเกียจ ทำตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามประชาชน ทั้งกองทัพกินเงินภาษีประชาชน ควรวางตัวเป็นกลาง
วันนี้ (18 ก.ค.) ร.ท.ธนเดช เพ็งสุข ส.ส.กรุงเทพฯ (ลาดพร้าว-วังทองหลาง) พรรคก้าวไกล ได้เปิดเผยกรณีเอกสาร “สรุปรายงานข่าวประจำวัน” ของศูนย์บัญชาการกระทรวงกลาโหม ลงวันที่ 16 ก.ค. 2566 ซึ่งได้สรุปสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในรอบสัปดาห์ไว้ ซึ่งมีข้อความตอนหนึ่ง ระบุถึงการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลพร้อมการวิเคราะห์ พร้อมระบุถึงการเคลื่อนไหวของประชาชน ว่า เป็น “กลุ่มเห็นต่าง” และมีการ “ใช้โซเชียลมีเดียสร้างกระแสเชิงจิตวิทยา”
โดย ร.ท.ธนเดช ระบุว่า หากการวิเคราะห์วิจารณ์เช่นนี้ออกมาจากสื่อมวลชน หรือประชาชนทั่วไป ก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เมื่อออกมาจากกระทรวงกลาโหมเช่นนี้ ก็ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่ประเทศไทยมีกองทัพอยู่ในการเมือง
ประการแรก เป็นเรื่องน่ารังเกียจที่กองทัพ ซึ่งกินเงินภาษีจากประชาชน ควรต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง มีการเรียกประชาชนที่เคลื่อนไหวในขณะนี้ ว่า เป็น “กลุ่มเห็นต่าง” ซึ่งไม่เหมาะสม เพราะประชาชนทุกคนในประเทศนี้มีความเห็นที่แตกต่างกันอยู่แล้ว การเรียกประชาชนว่าเป็นผู้เห็นต่าง ย่อมแปลเป็นอื่นไม่ได้ว่ากองทัพกำลังตีตราประชาชนกลุ่มนี้ว่าเป็นผู้ที่เห็นต่างจากกองทัพ นั่นแปลว่า กองทัพกำลังวางตัวเองเป็นขั้วตรงข้ามกับประชาชนใช่หรือไม่
ประการต่อมา การวิเคราะห์ในเอกสารฉบับดังกล่าวยิ่งเป็นปัญหา เพราะเป็นการวิเคราะห์การเมืองจับโยงเรื่องราวต่างๆ ราวกับว่าตัวเองเป็นคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ หรือ ข่าวทีวี ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของกองทัพเลย มีการเรียกขานความเคลื่อนไหวของทั้งพรรคก้าวไกลและประชาชนว่าเป็นการสร้างกระแสเชิงจิตวิทยา หรือพูดง่ายๆ ว่า เป็น “IO” ซึ่งยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงอคติที่เป็นปัญหา มองประชาชนและพรรคการเมืองเป็นศัตรู
ร.ท.ธนเดช ระบุว่า การรายงานข่าวสารในกองทัพเป็นเรื่องปกติ แต่จากเนื้อหาที่ปรากฏออกมาในเอกสารดังกล่าว เป็นเรื่องที่เกินหน้าที่ของกองทัพไปแล้ว ทั้งการระบุว่าประชาชนเป็นขั้วตรงข้ามทางการเมือง ทั้งการวิเคราะห์ราวกับจะนำไปใช้งานเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแทรกแซงทางการเมือง
สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงเนื้อในความคิดของบรรดาผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพ คำถามคือ มีความจำเป็นใดที่ต้องเรียกประชาชนว่าเป็นผู้เห็นต่าง และมีความจำเป็นใดที่กองทัพต้องใช้บทวิเคราะห์ที่เต็มไปด้วยอคติเช่นนี้ และที่มากไปกว่านั้นคือการกล่าวหาคนอื่นว่าใช้ IO ตนคงต้องเตือนความจำทุกคนให้เห็นเสียหน่อย ว่าคนที่ใช้ IO มากที่สุดในประเทศนี้ โดยใช้เงินภาษีจากประชาชนด้วย ก็คือ กองทัพต่างหาก ดั่งที่เคยมีการเผยแพร่เอกสารหลักฐานต่างๆ ออกมามากมายก่อนหน้านี้แล้ว
สุดท้าย ร.ท.ธนเดช ยังระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ยิ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าสิ่งที่กองทัพพยายามบอกประชาชนเสมอมาว่าจะปฏิรูปอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นเรื่องหลอกลวง เพราะพวกเขาเองยังคงใช้เงินภาษีของประชาชนและทรัพยากรเป็นเครื่องมือในการรับใช้การเมืองฟากฝั่งของชนชั้นนำเสมอ และยังคงมีแนวโน้มที่จะแทรกแซงทางการเมือง เรียกขานประชาชนราวกับเป็นขั้วตรงข้าม และยิ่งยืนยันให้เห็นถึงความจำเป็นที่กองทัพจะต้องได้รับการปฏิรูป
“มันไม่ใช่เรื่องของกองทัพที่จะมาเรียกประชาชนว่าเป็นผู้เห็นต่าง มันใช่หน้าที่ของกองทัพเหรอที่จะต้องมาวิเคราะห์การเมืองเข้มข้นอะไรเบอร์นี้ ถ้าไม่ใช่เพราะกองทัพต้องการข้อมูลเพื่อหาทางขยับมูฟทางการเมืองอะไรบางอย่าง และแน่นอนจากเอกสารฉบับนี้ เราบอกได้เลยว่ากองทัพกำลังมองประชาชนเป็นศัตรูแน่ๆ” ร.ท.ธนเดช กล่าว