“พิธา” ยังมั่นใจได้เสียง ส.ว.เพียงพอโหวตให้เป็นนายกฯ ค้านเลื่อนลงมติหากศาล รธน.รับวินิจฉัยปมหุ้นสื่อ เสียดาย ปชช.เลือกมาแล้ว ไม่ควรต้องลุ้นต่อ
วันนี้ (11 ก.ค.) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และแคนดิเดต นายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการที่ส.ว.เตรียมใช้ข้ออ้างในการเลื่อนการโหวตนายกรัฐมนตรี หาก กกต.ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายพิธา ในคดีหุ้นสื่อ ว่า การที่จะเลื่อนการโหวตเลือกผู้นำของประเทศในช่วงสภาวะวิกฤตแบบนี้ จะทำให้ประชาชนเสียผลประโยชน์ ซึ่งเป็นการตัดสินใจของประธานสภา และสมาชิกรัฐสภาร่วมกัน โดยตนขอวิงวอนเพื่อนสมาชิก ว่า การให้เลื่อนการโหวตนายกรัฐมนตรีต่อไปจะทำให้ประเทศชาติเสียประโยชน์ ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับตนแต่อย่างใด
เมื่อถามว่า ในจำนวน ส.ว.ที่พรรคก้าวไกล บอกว่า เพียงพอแล้วต่อการโหวตในนายกรัฐมนตรี ส่วนใหญ่เป็น ส.ว.สายพลเรือน หรือสายทหาร นายพิธา กล่าวว่า เราคงไม่ได้ดูว่าเป็น ส.ว.มาจากสายไหน แต่เป็นเรื่องของหลักการที่ ส.ว.ยังหนักแน่นในการที่บอกว่า ถ้ารัฐบาลได้เสียงข้างมากเหมือนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คิดว่าคงจะต้องโหวตตามหลักการนี้ และไม่โหวตสวนมติของประชาชน ทั้งนี้ เราก็ได้มีการหารือกับ ส.ว.เพื่อทลายกำแพงซึ่งกันและกัน
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะได้เสียง ส.ว.เพียงพอต่อการโหวตนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี นายพิธา กล่าวว่า ยังมั่นใจอยู่ ส่วนจำนวนที่ชัดเจนจะต้องรอดู เพราะถ้าพูดออกไปตอนนี้อาจจะแรงกระทบต่อการตัดสินใจในอีก 2 วันนี้
เมื่อถามต่อว่า มีการประเมินหรือไม่ว่าในวันโหวตนายกรัฐมนตรีวันที่ 3 ก.ค.นี้ จะมีการเสนอชื่อนายพิธา เพียงคนเดียว หรือมีการเสนอชื่ออื่นแทรกขึ้นมา นายพิธา กล่าวว่า เป็นไปได้หมด ซึ่งไม่ได้ผิดปกติอะไร ปี 2562 ก็มีการเสนอ 2 ชื่อ แต่ถ้ามีแค่ชื่อเดียวก็เป็นอีกกรณีหนึ่งไม่ได้ผิดรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด
ส่วนในวันที่ 13 ก.ค. มีมวลชนหลายกลุ่มเตรียมรอติดตามการโหวตนายกรัฐมนตรีนอกสภา เกรงว่า จะเกิดความวุ่นวายหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เป็นที่น่าเสียดายที่ประชาชนเลือกตนมาแล้ว ก็ไม่ควรมาลุ้นอีก ซึ่งขณะนี้ควรจะประชุมเพื่อผลักดันกฎหมายได้แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่จะต้องมาลุ้นกันต่อ แต่เชื่อว่านายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาจะบริหารจัดการสถานการณ์ได้อย่างดี ซึ่งการที่ประชาชนรวมตัวกันอย่างสันติ เป็นเรื่องของประชาธิปไตยอยู่แล้ว
ส่วนการที่ นายพิธา ลงพื้นที่พบมวลชน ขั้วการเมืองตรงข้ามมองว่าเป็นการปลุกมวลชนเพื่อกดดันการโหวตนายกรัฐมนตรี นายพิธา กล่าวว่า ตนไม่ได้ลงพื้นที่เพื่อขอให้พวกเขามาปกป้องตน แต่ตนต้องปกป้องการตัดสินใจของพวกเขาเมื่อวันที่ 14 พ.ค.เพื่อให้เขามั่นใจว่ามติที่ประชาชนให้มาได้รับการปกป้อง นอกจากนี้เพื่อความสม่ำเสมอ จึงต้องลงพื้นที่ขอบคุณประชาชน และรับฟังปัญหาต่างๆ ด้วย
