“ธาริต” เปิดโรงแรมแถลงข่าว เรียกร้องความยุติธรรมให้ 99 ศพ จากเหตุสลายชุมนุม นปช. ก่อนศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาคดีกลั่นแกล้ง “อภิสิทธิ์-สุเทพ” 10 ก.ค.นี้ บอกพร้อมติดคุก เตรียมยา-ของใช้ส่วนตัวไว้แล้ว อ้างเคยถูกนายทหารใหญ่เรียกไปพบ สั่งห้ามทำคดี 99 ศพ ไม่งั้นจะยึดอำนาจ
ความคืบหน้าคดีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในข้อหากลั่นแกล้งด้วยการสั่งฟ้องคดีสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง (นปช.) ปี 2553 โดยมิชอบ ซึ่งศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกนายธาริตกับพวก เป็นเวลา 2 ปี ไม่รอลงอาญา และมีนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในวันที่ 10 ก.ค. 2566 ล่าสุด วันนี้ (8 ก.ค.) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ นายธาริต ได้จัดแถลงข่าว โดยการนำญาติผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช.ในปี 2553 ไม่ร่วมแถลงด้วย โดยอ้างว่าเป็นการร้องขอความยุติธรรม
นายธาริต กล่าวว่า สาเหตุที่ออกมาแถลงในวันนี้ เพราะทราบว่าเวลาของตัวเองเหลือน้อย มีแนวโน้มว่า ตัวเองจะเข้าไปอยู่ในเรือนจำ จึงจะมาเล่าเรื่องราวที่อยู่ในการรับรู้ของตนเองที่ไม่เคยบอกเล่าต่อสาธารณชนมาก่อน ซึ่งเท่าที่ได้ยินมาจากหูตนเองว่าหากทำคดี นปช. 99 ศพ จะมีการปฏิวัติ ก็เกิดการปฎิวัติขึ้นจริง และย้ายอดีตอธิบดีดีเอสไอ 2 คน
นายธาริต ยอมรับว่า ได้ขอเลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกาหลายครั้งจริงจากเหตุผล 4 กรณี คือ การส่งหมายศาลไม่ถึงภูมิลำเนา เหตุผลจากสุขภาพโดย เป็นโควิด 2 ครั้ง เส้นโลหิตตีบ ผ่าตัดไตทั้งสองข้าง, มีญาติผู้เสียหายขอเข้าเป็นคู่ความหลายครั้ง และได้ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 200 ในการปฏิบัติกรณีการชุมนุม และส่งให้ศาลฎีกาดำเนินการ ไม่ได้เกิดจากกรณีหลบเลี่ยงไม่ไปฟังพิพากษา
นายธาริต กล่าวอีกว่า มีความกังวลในการอ่านคำพิพากษาที่จะเกิดขึ้น 2 วัน ซึ่งตนประสงค์ขอให้ศาลฎีกาคืนความเป็นธรรมให้ผู้เสียชีวิต 99 คน และตนเองในฐานะผู้ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยเมื่อวาน (7 ก.ค.) ได้มอบหมายให้ทนายความไปยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา ขอให้ส่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 200 ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญแล้ว แต่ก็ไม่มั่นใจว่าศาลฎีกาจะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่
นายธาริต กล่าวว่า ตนเองพร้อมติดคุก เป็นข้าราชการธรรมดา หากจะติดคุกเหมือนคดีโรงพักร้าง 13 เดือนก่อนหน้านี้ ก็จำเป็นต้องเคารพคำวินิจฉัย แต่ไม่อาจทำใจยอมรับได้ ซึ่งการชี้แจงวันนี้เป็นการใช้สิทธิครั้งสุดท้ายให้สาธารณชนได้เข้าใจเหตุการณ์ชุมนุม โดยก่อนหน้านี้ ตนไม่เคยเปิดเผยหรือให้ข้อมูลต่อศาลเพราะประเทศและสถานการณ์การเมืองไม่เป็นปกติมาตลอด 9 ปี
นายธาริต อ้างว่า นายทหารชั้นผู้ใหญ่และเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติได้เรียกรถเข้าไปพบขออย่าให้มีการดำเนินคดีการตาย 99 ศพ “พวกอั๊วจะทำการปฏิบัติและพวกลื้อจะถูกย้าย” ตนยืนยันว่าจะต้องทำ เพราะศาลสั่งเหตุการเสียชีวิตเกิดจากการทำหน้าที่ของทหาร และหลังปฏิวัติไม่ถึง 24 ชั่วโมงตนและนายอรรถพล ใหญ่สว่าง อดีตอัยการสูงสุดที่ดำเนินคดีกรณี 99 ศพถูกย้าย
นายธาริต ได้เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่งตั้งคณะกรรมการอิสระแก้ไขข้อผิดพลาดคืนความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ยืนยันว่า พร้อมจะไปศาลรับรองที่จะติดคุก แต่เป็นจุดแตกหักในการเกิดความยุติธรรม และให้กำลังใจข้าราชการยุคใหม่อย่าย่อท้อในการแสวงหาของยุติธรรม
ส่วนกรณีที่ตนเองกลับคำสารภาพในคดีที่ถูกนายอภสิทธิ์ และ นายสุเทพ ฟ้องโดยมีเงื่อนไขในคำร้องว่าขอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความข้อกฎหมาย เพราะมั่นใจว่ามาตรา 157 และมาตรา 200 ไม่มีความชัดเจน มีลักษณะกระทบสิทธิเจ้าหน้าที่รัฐอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งนี้เชื่อว่าเมื่อการเมืองที่เปลี่ยนตนจะได้รับความยุติธรรม
นายธาริต ยอมรับว่า มีความคาดหวังเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมในรัฐบาลชุดใหม่ เพราะมองว่าจะเกิดความสมานฉันท์ทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมสีเหลืองและสีแดง ที่ผ่านมาขออย่ามองว่าใครจะได้ประโยชน์มากกว่ากัน ยืนยันว่าตนไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพเป็นการส่วนตัว แต่เป็นการปกป้องสิทธิ์ในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้นและไม่เกี่ยวข้องกับการที่นายอภิสิทธิ์ถูกเสนอชื่อกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แต่อย่างใด
นายธาริต กล่าวในตอนท้ายของการแถลงว่า ตนไม่เครียดในการที่จะไปรับฟังคำพิพากษาของศาลในวันที่ 10 ก.ค.นี้ ได้เตรียมพร้อมของใช้ส่วนตัวและยารักษาโรคเพราะเคยมีประสบการณ์ถูกจำคุกมาแล้ว