ข่าวปนคน คนปนข่าว
**อนุโมทนาสาธุ "พระวิระชัย" ปล่อยวางคดีทางโลก ถอนฟ้องเพื่อนตร. มุ่งเจริญทางธรรม
ไม่กี่วันก่อนเป็นที่ฮือฮาในวงการสีกากีและผ้าเหลือง เมื่อมีข่าวว่า “พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา” อดีตนายตำรวจใหญ่ หรือ "พระวิระชัย เมตตาธีโร” ในปัจจุบัน ได้ซาบซึ้งในรสพระธรรม ตัดสินใจปล่อยวางทางโลก ทิ้งทรัพย์สินหมื่นล้าน ขออยู่ในเพศบรรพชิตไปตลอดชีวิต
“พล.ต.อ.วิระชัย” เคยบวชมาแล้ว 14 ครั้ง แต่ละครั้งก็เป็นเวลาสั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ครั้งล่าสุดครั้งที่ 15 มาบวชช่วงปลายปีที่ผ่านมา และอยู่ยาวมาถึงวันนี้
บวชครั้งนี้ เมื่อลั่นวาจาว่าจะขอบวชไม่สึก คนก็สงสัยกันว่า แล้วคดีทางโลกที่พระวิระชัยฟ้องคู่กรณี มีอยู่หลายคดี ที่ยังคาราคาซังในชั้นศาล จะเป็นปัญหาอุปสรรคในการพ้นทุกข์ของพระ หรือไม่ ? หรือว่า ก่อนลั่นวาจา “พระวีระชัย” ได้ อโหสิกรรมด้วยการถอนฟ้องให้ทุกคดีไปหมดแล้ว ?
งานนี้แว่วไปเข้าหูพระท่านเข้า จึงมีคนใกล้ชิดออกมาขานไขว่า “พระวีระชัย” ได้ตัดสินใจถอนฟ้องคดีต่างๆ ที่ตัวเองเป็นโจทก์แล้วทุกคดี โดยเฉพาะกับเพื่อนๆ ตำรวจที่พิพาทกันมาตั้งแต่ วันที่ 3ก.ค. ที่ผ่านมา
อย่างเช่น ฟ้อง พล.ต.ท.สมชาย พัชรอินโต, พล.ต.ต.นพพร ศุภพัฒน์ , พ.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร กับพวกอีก 8 นาย ที่ยื่นฟ้องไว้ต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถอนฟ้อง พ.ต.อ.เกริกศิษฐ์ เนียมนัดฐ์ ที่ยื่นฟ้องไว้ต่อศาลแขวงพระนครเหนือ
แน่นอนว่า รวมคดีที่ฟ้อง "บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ที่เรียกค่าเสียหาย 500 ล้านบาท และ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่อยู่ในชั้นอุทธรณ์แล้ว
“พระวิระชัย” ให้เหตุผลในการถอนฟ้องคดีความต่างๆ ว่า ต้องการถือวัตรปฏิบัติตามเพศบรรพชิตอย่างแท้จริง ไม่ต้องการผูกเวรอีกต่อไป มุ่งหมายที่จะให้อภัย และอโหสิกรรมแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยต้องการปล่อยวางเรื่องราวต่างๆ สละซึ่งความโลภ โกรธ หลง เพื่อเป็นหนทางเจริญในทางธรรมต่อไป
“พระวิระชัย” ได้รับฉายาในการบวชว่า “เมตตาธีโร” แปลว่า ผู้มีเมตตาธรรม การปล่อยวางคดีทางโลกครานี้ ย่อมส่งเสริมฉายาดังว่า ก็ขออนุโมทนา มา ณ ที่นี้ด้วย... สาธุ
**“ก้าวไกล”ดันนิรโทษคดีการเมือง เพื่อเด็กๆ เยาวชน ที่ออกมาเคลื่อนไหวจาบจ้วง หรือเพื่อใคร ?
การเจรจาระหว่างพรรคก้าวไกล กับพรรคเพื่อไทย เพื่อหาข้อสรุปเรื่องประธานสภาผู้แทนราษฎร จนหวยไปออกที่ “อาจารย์วันนอร์” วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พรรคอันดับ 3 ของซีกนี้ ที่มีส.ส.เพียง 7 เสียง
ไม่ใช่ก้าวไกลไม่รู้ว่า “อาจารย์วันนอร์” เคยเป็นคนของพรรคเพื่อไทย อยู่ใต้ร่มเงาของ “ทักษิณ ชินวัตร” มาก่อน เพราะชื่อเสียงและความนิยมของ “ทักษิณ”ในภาคใต้ อยู่ในเกณฑ์แย่ โดยเฉพาะในกลุ่มชาวไทยมุสลิม จากวาทกรรม โจรกระจอก เหตุโศกนาฎกรรม ที่ กรือเซะ ตากใบ ... ทักษิณ จึงให้ “อาจารย์วันนอร์” แยกตัวออกไปตั้งพรรคการเมือง ไว้กุมฐานเสียงชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ดังกล่าวโดยเฉพาะ พรรคประชาชาติในวันนี้ จึงไม่ต่างจากพรรคสาขาของเพื่อไทย
แต่รู้ทั้งรู้ก็ต้องยอม เพราะตกเป็นเบี้ยล่างไปแล้ว ก้าวไกล ขาดเพื่อไทยไม่ได้หากต้องการเดินหน้าตั้งรัฐบาลต่อไป
จึงได้ทำข้อตกลงร่วม 4 ข้อ ไว้เป็นหลักประกัน ก่อนที่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกลกับ “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” จะออกมาตั้งโต๊ะแถลงด้วยกันในช่วงค่ำ วันที่ 3 ก.ค. และมีการโหวตประธานสภา วันที่ 4 ก.ค.
ในข้อตกลงข้อ 1-3 เพื่อบอกว่า จะเสนอใครเป็นประธานสภา รองประธานสภาคนที่ 1 และคนที่ 2 จะเป็นคนของพรรคไหน และ 8 พรรคร่วมจะสนับสนุน “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็นนายกรัฐมนตรี อย่างสุดความสามารถ
ประเด็นสำคัญอยู่ที่ ข้อที่ 4 ที่ระบุว่า พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ยืนยันร่วมกันให้ความเห็นชอบกฎหมายสำคัญเพื่อประชาชน ซึ่งรวมถึงการนิรโทษกรรมคดีแสดงออกทางการเมือง และการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปกองทัพ ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ร่างพ.ร.บ.กฎอัยการศึก และ ร่างการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามที่พรรคก้าวไกลเสนอ
เมื่อย้อนไปดูกฎหมายสำคัญ ที่พรรคก้าวไกลเตรียมเสนอ จะมีอยู่ 45 ฉบับ ซึ่งมีการนำเสนอในระหว่างหาเสียงกันไปแล้ว โดยอ้างว่าเป็นกฎหมายที่ทำเพื่อประชาชน เพื่อความเสมอภาค แน่นอนว่าในจำนวนนี้ย่อมมี ยกเลิกหรือแก้ไข ม.112 ด้วย
ส่วนเรื่องนิรโทษกรรมนั้น ใครที่ถูกดำเนินคดี ตั้งแต่ช่วง 20 พ.ค. 57 ก่อน “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เข้าควบคุมอำนาจประเทศ 2 วัน คือก่อน 22 พ.ค.และต่อจากนั้่น เรื่อยมา ก้าวไกลจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ แต่ไม่นิรโทษฯ ให้เจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานภายใต้คำสั่งรัฐบาลคสช.ขณะนั้น
ชัดเจนว่า “ทักษิณ ชินวัตร-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” จะไม่ได้รับอานิสงส์นี้
“รังสิมันต์ โรม” ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล เมื่อถูกถามว่า การนิรโทษกรรมที่ว่านี้ จะครอบคลุมไปถึงคดีประเภทไหน ถึงใครบ้าง ก็ได้แต่อ้ำอึ้งว่า ยังไม่สามารถระบุได้ว่า มีกลุ่มใดบ้าง เพราะแต่ละกลุ่ม ก็มีความแตกต่างกันในเรื่องการกระทำความผิด ขอให้รอ ร่างที่พรรคก้าวไกล จะยื่นเข้าที่ประชุมสภาดีกว่า คำตอบทุกอย่างจะอยู่ในร่างกฎหมายนั้น
ถึง“ รังสิมันต์ โรม” จะไม่ได้บอก แต่ก็พอจะเห็นภาพค่อนข้างชัดว่า เป้าหมายหลักในการออก “กฎหมายนิรโทษกรรมคดีที่เกี่ยวข้องกับการแสดงออกทางการเมือง” นั้น เพื่อช่วยเหลือแกนนำทางการเมืองทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ ที่ต้องคดี ม.112 จากการเคลื่อนไหวในลักษณะจาบจ้วงให้ร้ายสถาบันฯ ตามคำยุยงของ “ผู้ใหญ่อีแอบ”
รุ่นเล็กที่ว่า ก็อย่างเช่น “รุ้ง”ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล.. “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์.. “แบม”อรวรรณ ภู่พงษ์.. “ตะวัน”ทานตะวัน ตัวตุลานนท์.. รวมทั้ง “หยก” เยาวชนอายุ 15 และอีกหลายๆคน ซึ่งทุกคนล้วนมีความผิดตาม มาตรา 112
ที่เป็นเป้าหมายแฝงอยู่อย่างเนียนๆ คือการนิรโทษให้ “รุ่นใหญ่” อย่างเช่น “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า ที่ถูกอัยการสูงสุดสั่งฟ้องในฐานความผิดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามมาตรา 14 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จากการเผยแพร่เฟซบุ๊กไลฟ์ หัวข้อ "วัคซีนพระราชทาน ใครได้-ใครเสีย" นั่นไง
ยังมี “ปิยบุตร แสงกนกกุล”เลขาธิการคณะก้าวหน้า ที่ถูกตำรวจยื่นฟ้องในฐานความผิดตาม มาตรา 112 จากกรณีที่โพสต์ข้อความลงสื่อออนไลน์ เกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูปภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย
ก้าวไกล หวังว่าจะเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรม เข้าสู่การพิจารณาของสภา ควบคู่กับกับการแก้ไข ม.112 ถ้าสำเร็จก็เหมือนได้ปลดเปลื้องโซ่ตรวน ที่เป็นเหมือนฝันร้ายตามหลอนจิตใจ และถ้ายิ่งแก้ไข ม.112 สำเร็จ ต่อไปนี้ก็จะออกมาเคลื่อนไหวกันได้เต็มที่ ...แต่ถ้าไม่สำเร็จ ก็ถือว่าได้ใช้เวทีสภาตอกย้ำ ด้อยค่าสถาบันฯ
ก็ต้องจับตาว่า ถ้าขั้วก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล “อาจารย์วันนอร์” จะบรรจุวาระเหล่านี้เข้าสู่การพิจารณาหรือไม่ เพราะเพื่อไทย ก็เคยมีบทเรียนจากการเสนอกฎหมาย “นิรโทษกรรมสุด” ซอยมาแล้ว
หรือถ้ามองในมุมกลับ หาก “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ไปไม่ถึงเก้าอี้นายกฯ เงื่อนไขเหล่านี้ อาจทำให้พรรคเพื่อไทย ยกมาเป็นเหตุผลในการย้ายขั้วก็ได้ ปล่อยให้ “ก้าวไกล” เป็นฝ่ายค้านไป