“ชัยธวัช” ยัน “เพื่อไทย” ยังไม่ปิดประตูเจรจา “ก้าวไกล” ปม ประธานสภา ยันไม่กระทบความสัมพันธ์พรรคร่วม มั่นใจ ประชุมวันนี้ได้สัญญาณที่ดี
วันนี้ (2 ก.ค.) นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนก่อนการประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาล ณ ที่ทำการพรรคก้าวไกล
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวที่ว่า พรรคเพื่อไทยปิดประตูเจรจากับพรรคก้าวไกล ในเรื่องประธานสภา นั้น นายชัยธวัช ระบุว่า เรื่องนั้นไม่เป็นความจริง ยังไม่ได้ปิดประตูคุยกัน และเป็นข่าวที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ในวันนี้วาระการประชุมที่สำคัญเป็นเรื่องการรายงานความคืบหน้า เรื่องการทำงานในการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล และความคืบหน้าในการพูดคุยเรื่องประธานสภา ส่วนเรื่องรายละเอียดจะแถลงข่าวให้สื่อมวลชนทราบภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น และกระแสข่าวเรื่องที่ทางเพื่อไทยยุติการเจรจาพูดคุยเรื่องประธานสภา กับพรรคก้าวไกล นั้น ไม่เป็นข้อเท็จจริง พรรคเพื่อไทยยังพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อทำให้เรื่องนี้ได้ข้อยุติอย่างดีที่สุด ยังมีเจตนาที่จะให้การจัดตั้งรัฐบาลทั้ง 8 พรรคเป็นไปได้ด้วยดี
ส่วนกำหนดการการประชุมประธานสภาจะเลื่อนไปประชุมในวันพรุ่งนี้หรือไม่นั้น นายชัยธวัช ระบุว่า พรุ่งนี้ทางพรรคเพื่อไทยมีการประชุมกันภายในพรรค ซึ่งต้องรอทางพรรคเพื่อไทยก่อน ตนเองคงพูดแทนพรรคเพื่อไทยไม่ได้ วันนี้ มีแกนนำของพรรคเพื่อไทยมาร่วมประชุมด้วย และได้มีการพูดคุยกันแล้วว่าจะประชุมปกติหรือไม่อย่างไร เพราะยังมีความมุ่งมั่นในการพูดคุยกันในกรณีเดิมที่คุยกันไว้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวที่ออกมาอย่างต่อเนื่องนั้น ทางพรรคมองอย่างไร นายชัยธวัช ระบุว่า ตนเองไม่ทราบ เพราะข่าวที่ออกมาไม่ใช่มาจากทางพรรคก้าวไกล ซึ่งแหล่งข่าวต่างๆ ก็สร้างความสับสน อยากให้สื่อมวลชนฟังจากคำพูดของแกนนำแต่ละพรรคจะดีที่สุด และกรณีที่พรรคเพื่อไทยมีการนัดพูดคุยกันในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ค.) นั้น ทุกอย่างต้องจบภายในวันที่ 4 ก.ค. เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายในการพูดคุย และเชื่อว่า การประชุมในวันนี้จะเป็นสัญญาณที่ดีอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานจาก 8 พรรคร่วมรัฐบาลพร้อมกัน จะทำอย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน เรื่องเหล่านี้ในรายละเอียดจะมีการรายงานและซักถามในที่ประชุม ส่วนข่าวต่างๆ ที่ออกมาจะกระทบกับความสัมพันธ์ของพรรคร่วมหรือไม่นั้น ตนเองมองว่า ถ้าเรามั่นคง ไม่หวั่นไหว ไปตามกระแสข่าวต่างๆ ก็ไม่กระทบ ยังมั่นใจในเจตนาดีในการทำงานร่วมกันทั้งพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย และอีก 6 พรรคร่วม รวมถึงเป็นจุดเริ่มต้นในการมีประชาธิปไตยในระบอบรัฐสภา