ข่าวปนคน คนปนข่าว
**งานไม่หา หาแต่เรื่อง! "บิ๊กเด่น" หัวจะปวด ดรามายูทูปเปอร์ดัง จ้างตำรวจ 50 นายไล่ล่า
ตำรวจไทยไม่แผ่วเลยจริงๆ ความวัวคดีโจรแจ้งความผู้การฯชลบุรี และพวกร่วมรีดทรัพย์140 ล้าน ยังร้อนๆ ความควายคลิป "จ้างตำรวจ 50 นาย มาไม่ล่าในห้างร้าง" ที่ดูเหมือนตำรวจในเครื่องแบบ และคอมมานโดอาวุธครบครัน เข้าร่วมทำคอนเทนต์กับยูทูบเบอร์ดังช่องรายการ “MyMateNate” แล้วเกิดเป็นประเด็นดรามาในโลกออนไลน์
งานเข้าด้วยคำถามของสังคมรัวๆ ว่า เหมาะสมแล้วหรือ ? ว่างมากนักหรือ ? ใช้เวลาในราชการหรือไม่ ?
ไหนจะขีดความสามารถที่"ด้อยค่า" ของตำรวจไทยในปฏิบัติการที่ครีเอทีฟของช่องจัดให้เล่นเกมซ่อนหา กับทีมงานของช่องใน "ห้างร้าง" แห่งหนึ่งที่จบลงด้วยความพ่ายแพ้
คลิปนี้เผยแพร่บนยูทูปช่อง "MyMateNate" ที่มีผู้ติดตามกว่า 13.3 ล้าน มีการดู 1.7 ล้าน ครั้งในช่วง 2 วันที่ผ่านมา จัดว่าเป็นคลิปที่มาแรงลำดับที่ 6 และยังแรงขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเป็นดรามาที่มีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็ร้อนถึง"บิ๊กเด่น"
“พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์” ผบ.ตร. หัวจะปวด สั่งการด่วนให้สอบว่า บุคคลที่ปรากฏในคลิป เป็นข้าราชการตำรวจจริงหรือไม่ ได้มีการขออนุญาตถ่ายทำการแสดงในการแต่งกายตำรวจ ตามระเบียบกฎหมายหรือไม่ รวมทั้งการใช้อาวุธปืน ยุทโธปกรณ์ ยานพาหนะ ถูกต้องหรือไม่ หากพบเป็นความผิด ให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
ในเบื้องต้นทราบว่า มีข้าราชการตำรวจจริงบางนายที่ร่วมแสดง ส่วนผู้แสดงอื่นๆ กำลังตรวจสอบโดยละเอียดเพิ่มเติม
แหม..ก็เรื่องดีๆ ตอนนี้ตำรวจยังไม่มี แถมมาโดนเรื่องคดีผู้การชลบุรี ภาพลักษณ์ตำรวจถูกย่ำยียังจะมาหาเรื่อง ดรามาให้อีก
งานนี้ชาวเน็ตไม่น้อยที่ดูแล้วไม่บันเทิง พากันสวดตำรวจไทยยับ
อย่างเช่น ไม่แผ่วจริงๆ ร้อนแรงทุกเรื่อง, วงการนี้เงินมาก็จบ, งานไม่หา หาแต่เรื่อง , เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงรักตำรวจไทยสุดจะทน
ขณะที่คนมองโลกในแง่ดีหน่อยก็ว่า ถ้านอกเวลา หรือวันหยุดไม่ได้เข้าเวร ก็ถือว่าเป็นการหารายได้ ดีกว่าไปตั้งด่านลอยรีดไถข้างถนน แต่ถ้าในเวลาราชการ ก็อีกเรื่องนึง
สำหรับ เอฟซี ช่อง MyMateNate ที่ติดตามเป็นประจำก็จะรู้สึกบันเทิง สนุกและได้ลุ้น แต่ก็แอบตกใจกับคลิปนี้ว่า จ้างตำรวจได้ด้วยหรือ งานตามมาแน่นอน
ถ้าใครติดตาม MyMateNate ก็จะรู้ว่า ช่องนี้เป็นช่องที่นำเสนอคอนเทนต์แปลกแหวกแนว และสร้างได้หลากหลายประเด็น เรียกเสียงวิพากวิจารณ์ได้ตลอดเช่นกัน ทำให้ได้รับความนิยมเป็นลำดับต้นๆ
ยูทูบเบอร์ ผู้อยู่เบื้องหลังเป็นหนุ่มอเมริกันวัย 30 ปีที่ชื่อ "เนท" หรือ "นาธาน บาร์ทลิ่ง" หรือ รู้จักกันดีในนาม "เนท My Mate Nate"
“เนท” มาไทยตอนอายุ19ปี เคยเป็นมิชชันนารีและครูสอนภาษาที่ยโสธร 1ปี หลังจากนั้นก็ย้ายไปสอนภาษาต่อที่ ลาวอีก1ปี แล้วบินกลับประเทศสหรัฐฯ
จุดเริ่มต้นทำคลิปวีดีโอ “เนท”มาเริ่มตอนที่กลับมาลาวอีกครั้ง สอนไปด้วยถ่ายคลิปแปลภาษาลาวเป็นภาษาอังกฤษไปด้วย ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างมาก
จนกระทั่งในปี 2558 “เนท” ย้ายมาทำงานที่กรุงเทพฯ ใช้เวลาว่างทำคลิปวิดีโอ ซึ่งนั่นก็คือ ช่องยูทูบ My Mate Nate
ว่ากันว่า ในช่วงแรกคลิปวิดีโอที่ “เนท”ทำนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นคลิปแกล้งคนแบบสนุกๆ เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคนดู
สลับกับการทำคลิปแนวทดสอบ หรือทดลองอะไรบางอย่างแปลกๆ ที่หลายคนไม่ทำกัน เช่น การแจกเงินให้กับคนตามท้องถนน คลิปขอเบอร์สาวในห้าง หรือคลิปตีหมอนกับคนไม่รู้จัก
ในวงการเรียกว่า “เนท” เป็นผู้บุกเบิกวงการครีเอเตอร์สายแกล้ง หรือ Prank Content ซึ่งทำให้เขาสร้างชื่อบนโลกออนไลน์ ได้อย่างรวดเร็ว
แต่ชื่อเสียงก็มาพร้อมเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งเชิงบวก และเชิงลบ ถึงขั้นลุกลามเป็นดรามา เช่น คลิปทดสอบวางเหรียญบนรางรถไฟ ที่ถูกดำเนินคดีด้านกฎหมาย และเสียงเรียกร้องจากชาวเน็ต ถึงขั้นให้ยุติวีซ่า และไล่กลับประเทศ
ทว่าอีกด้านหนึ่ง ก็มีคนชื่นชมหนุ่มอเมริกันคนนี้ว่าเป็น “ฝรั่งหัวใจไทย” เพราะรักวัฒนธรรมไทย มวยไทย เป็นพิเศษ และหลายๆ คลิปของเขาได้ตอบแทนสังคมเช่น คลิปที่ช่วยเหลือสุนัขจรจัด ที่ป่วยเป็นมะเร็ง คลิปช่วยให้คนไร้บ้าน 10 ปี ให้เจอครอบครัว
เอาเป็นว่า ถ้าไม่คิดอะไรมากคลิป ตำรวจเล่นเกมซ่อนหา ก็เป็น "ความบันเทิง" อย่างหนึ่ง แต่ในมุมของตำรวจ ก็เข้าใจได้ว่า หากตัวแสดงแต่งเครื่องแบบตำรวจ พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์แล้ว ทำไม่เหมาะสม ก็จะเสียมาถึงองค์กร ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนได้
งานนี้ ดรามากันพอหอมปากหอมคอ ก็พอกระมัง “เนท-My Mate Nate” ก็น่าจะได้บทเรียนจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปปรับปรุงคอนเทนต์ต่อๆไป
ส่วน"บิ๊กเด่น" และ ตำรวจผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ก็ต้องทำใจ ดรามามาถูกที่ถูกเวลา จะรักษาเกียรติตำรวจไม่ให้คนเกลียดตำรวจ นี่ช่างยากเย็นเสียนี่กระไร
**เพื่อไทย ยกตำแหน่งประธานสภาฯให้ก้าวไกล แล้วรอเก้าอี้นายกฯ ส้มหล่น !!
ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคก้าวไกล กับพรรคเพื่อไทย เคยแย่งชิงกันออกนอกหน้า ต่างฝ่ายต่างยกวาทกรรม ออกมาเบรกกันเองว่า “อย่ากินรวบ”
พรรคเพื่อไทย ก็อ้างว่า ก้าวไกล ชนะที่ 1 เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ได้เก้าอี้นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็น “ประมุขฝ่ายบริหาร” ไปแล้ว ยังจะมาเอาตำแหน่งประธานสภาฯ ที่เป็น “ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ” ไปอีก บอกว่าจำเป็นต้องผลักดันกฎหมาย และนโยบายสำคัญที่ได้หาเสียงไว้ แบบนี้ถือว่าไม่แฟร์ ที่กะ “กินรวบ” ทั้งสองตำแหน่ง
ขณะที่ก้าวไกล ก็ไม่มั่นใจว่า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ ของตนเอง จะฝ่าด่านหุ้นไอทีวี หรือ ด่านส.ว. ไปถึงเก้าอี้นายกฯ ได้หรือไม่ ถ้าเกิดอุบัติเหตุ ยางแตกกลางทาง แล้วเก้าอี้นายกฯต้องตกไปอยู่ในมือของเพื่อไทย อย่างนี้ก็ถือว่าเสียเชิง โดนเพื่อไทยกินรวบเหมือนกัน
ตามขั้นตอนแล้ว เมื่อ กกต.รับรองส.ส. ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 ของ ส.ส.ที่มีอยู่ทั้งสภา ก็จะมีการเปิดประชุมสภาฯนัดแรก เพื่อเลือกประธานสภาฯ หลังจากนั้นจึงจะมีการประชุมรัฐสภา เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี
ดังนั้น ก้าวไกลจึงต้องขอยึดเก้าอี้ประธาน สภาไว้ก่อน ป้องกันถูกเพื่อไทยกินรวบ ...ขณะที่เพื่อไทยก็ยืนกรานว่า เก้าอี้ประธานสภาต้องเป็นของเพื่อไทย เพราะก้าวไกลได้เก้าอี้นายกฯไปแล้ว เรื่องนี้มีการคุยกันอย่างน้อยสองรอบแล้ว แต่ยังหาข้อยุติไม่ได้
จู่ๆ เมื่อสองวันก่อน “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ออกมาบอกว่าพรรคเพื่อไทย จะยึดหลักการที่ว่า พรรคไหนมีส.ส.มากสุด ก็ได้ตำแหน่งประธานสภาไป ส่วนพรรคที่ได้ ส.ส.รองลงมา ก็ได้ รองประธานสภาไปทั้งสองเก้าอี้ แต่มีเงื่อนไขว่า ต้องรอให้ กกต.ประกาศรับรอง ส.ส.เสียก่อน แล้วสองพรรคค่อยมาคุยรายละเอียดกันอีกที
แน่นอนว่าย่อมมีคนในพรรคเพื่อไทย ไม่เห็นด้วย อย่างเช่น “อดิศร เพียงเกษ” ว่าที่ส.ส.เพื่อไทย บอกว่านี้ไม่ใช่มติพรรค “เสี่ยอ้วน” จะเอาความคิดตัวเองมาตัดสินไม่ได้ ดังนั้นเตรียมนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุม ส.ส.ของพรรค วันที่ 21 มิ.ย.นี้
เช่นเดียวกับ “หมอชลน่าน” นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย บอกว่า ระหว่างสองพรรค เรามีกระบวนการพูดคุยเจรจาอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้ข้อยุติ โดยสรุปคือ ขอให้แต่ละพรรคก็ไปคุยกันในพรรคของตัวเองก่อน แล้วค่อยมาหาข้อยุติระหว่างสองพรรค... ที่ “เสี่ยอ้วน” พูดไปนั้น เป็นเพียงการพูดใน “หลักการ” เท่านั้น
ขณะที่ “ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาฯพรรคก้าวไกล ได้ยินแต่เสียงของ“เสี่ยอ้วน” ไม่ฟังเสียงคนอื่น ก็รีบออกมาขอบคุณที่เพื่อไทย ยอมถอยให้ ยกตำแหน่งประธานสภาฯให้ก้าวไกล แลกกับ 2 เก้าอี้รองประธานสภาฯ ซึ่งถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะได้ทำงานร่วมกัน และเชื่อว่าจะได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการในสัปดาห์นี้
และแล้วในช่วงบ่ายวานนี้ (19 มิ.ย.) “แสวง บุญมี” เลขาฯกกต.ก็ออกมาประกาศว่า กกต.ได้รับรองส.ส.เขต 400 คน และส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน รวม 500 คน เพื่อให้กระบวนการเปิดสภาฯ เลือกประธานสภาฯ เลือกนายกฯ และตั้งรัฐบาลดำเนินไปได้ ส่วนใครที่มีเรื่องถูกร้องคัดค้าน ก็จะส่งเรื่องให้ศาลฎีกา “สอย” ในภายหลัง โดยในส่วน ส.ส.แบบแบ่งเขตมีคนที่ได้ “ใบขาว” ไม่มีเรื่องร้องเรียน 318 คน ส่วนที่มีเรื่องร้องเรียน 82 คน
เมื่อเป็นเช่นนี้ พรรคที่ได้ส.ส.ลำดับที่ 1 ก็ยังคงเป็นก้าวไกล ไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนที่ 2 เป็นเพื่อไทยเหมือนเดิม ... ถ้ายึดถือคำพูดของ “ภูมิธรรม” เป็น “หลักการ” ไม่กลับไปกลับมา ก็เป็นอันว่า ก้าวไกลได้ครองเก้าอี้ “ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ” ซึ่งตามข่าวมีแคนดิเดตอยู่ 3 คน คือ “ณัฐวุฒิ บัวประทุม” ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค , “ปดิพัทธ์ สันติภาดา” ส.ส.พิษณุโลก และ “ธีรัจชัย พันธุมาศ” ว่าที่ ส.ส.กทม. ไม่รู้ว่าหวยจะออกที่ใคร
ส่วนรองประธานสภาฯ 2 เก้าอี้ ที่เป็นโควต้าเพื่อไทย จะยังเป็นของ “พ่อมดดำ” สุชาติ ตันเจริญ และ “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” หรือไม่ เจ้าตัวคงลุ้นแบบเซ็งๆ
มีการตั้งข้อสังเกตว่า การที่ “เสี่ยอ้วน” จู่ๆ ก็ออกมาแสดงท่าทีแบบกลับหลังหันเช่นนี้ เชื่อว่าต้องมีสัญญาณจากเจ้าของพรรคตัวจริง ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “นักค้ากำไร” เป็นแน่
ต้องจับตาว่าสุดท้ายแล้ว ถ้าเก้าอี้ประธานสภาฯเป็นของก้าวไกล แล้วเก้าอี้นายกฯจะเป็นของเพื่อไทยหรือไม่ หรือจะเป็นของก้าวไกล ทั้งสองเก้าอี้ ถ้าเป็นแบบหลัง นักค้ากำไรคงกระอัก !!