ภาค ปชช. ยื่น ป.ป.ช. เอาผิด “ประยุทธ์-ครม.” ออก พ.ร.ก.เลื่อนบังคับใช้ กม.อุ้มหายมิชอบ ขอสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่-ตัดสิทธิการเมือง จี้เร่งพิจารณาเร็วที่สุด
วันนี้ (6 มิ.ย.) นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานเครือข่ายญาติวีรชนพฤษภา 35 พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และเครือข่ายองค์กรภาคประชาชน ยื่นคำร้องต่อประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ไต่สวน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และคณะรัฐมนตรี กรณีมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ
พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวว่า ได้ปรากฏข้อเท็จจริงชัดแจ้งเป็นที่ทราบทั่วกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ และคณะรัฐมนตรี ได้กระทำการอันเป็นการจงใจฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ในการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 66 ตามการเสนอของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้เลื่อนการใช้สี่มาตราสำคัญของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 คือมาตรา 22, 23, 24 และ 25 ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 22 ก.พ. 66 ออกไปเป็นวันที่ 1 ต.ค.66 โดยไม่มีอำนาจกระทำได้ เนื่องจากไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ให้ออก พ.ร.ก.ได้เฉพาะเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ และเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้เท่านั้น
พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 18 พ.ค. 66 ชี้ว่า การออก พ.ร.ก.ดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญอย่างชัดแจ้งไม่สามารถบังคับใช้ได้ เครือข่ายประชาชนเห็นว่า การกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์ กับพวกคณะรัฐมนตรีทุกคน ถือเป็นพฤติการณ์จงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 อย่างชัดแจ้ง ก่อให้เกิดความเสียหายต่อกฎหมายสำคัญและหลักนิติธรรมของชาติอย่างร้ายแรง ซึ่งเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะต้องไต่สวนตามมาตรา 235 ส่งให้ศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง และตัดสิทธิ์ทางการเมือง รวมทั้งสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ระหว่างการพิจารณาเพื่อระงับความเสียหายที่ได้เกิดต่อชาติและประชาชนมาอย่างต่อเนื่องโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ ผลการดำเนินการเป็นประการใด ขอได้โปรดแจ้งให้ทราบทุกระยะ 15 วันด้วย เพื่อจะได้แจ้งให้ประชาชนและสื่อมวลชนทราบต่อไป