“ประยุทธ์” ชี้ เป็นเรื่องภายในเมียนมา ไม่กระทบคนไทย กรณีการไฟฟ้าภูมิภาคตัดกระแสไฟที่ส่งข้ามแดนไปยังพื้นที่กลุ่มทุนจีนตรงข้ามจังหวัดตาก ด้าน มท.1 แจงรัฐบาลเมียนมาขอให้ตัดไฟ เพราะสิ้นสุดสัมปทาน ต้องทำตามกฎหมาย ไม่หวั่นกะเหรี่ยงข่มขู่ และจะต่อไฟให้เมื่อทางการเมียนมาติดต่อมาอีกครั้ง
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 6 มิ.ย. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยวันเดียวกันนี้มี ครม.แจ้งลาการประชุม 6 คน ได้แก่ 1. นายดอน ปรมัตวินัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ 2. นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน 3. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ 4. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง 5. นายสุนทร ปานแสงทาง รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ 6. นายสินิต เลิศไกร รมช.พาณิชย์
ทั้งนี้ ก่อนการประชุม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้รายงานนายกรัฐมนตรี ถึงกรณีการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ขอให้ยกเลิกการส่งกระแสไฟฟ้าข้ามแม่น้ำเมยไปยังพื้นที่การลงทุนขนาดใหญ่ของชาวจีน ที่บ้านส่วยโก๊กโก่ เขตอิทธิพลทหารกะเหรี่ยงพิทักษ์ชายแดน (บีจีเอฟ) หลังจากที่ฝ่ายรัฐบาลเมียนมาได้แจ้งชัดเจนว่าจะไม่มีการต่อสัมปทานในพื้นที่ดังกล่าว และขอให้ทางการไทยงดจ่ายกระแสไฟฟ้าทันที แม้ฝ่ายกระเหรี่ยงบีจีเอฟจะขู่ไทยด้วยการปิดท่าข้ามทางธรรมชาติเพื่อตอบโต้
โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า เป็นเรื่องภายในของเมียนมา และยืนยันว่าไม่มีผลกระทบอะไรกับคนไทย
ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เปิดเผยหลังรายงานนายกรัฐมนตรี ว่า ได้รายงานเรื่องไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้การไฟฟ้าได้ดำเนินการตามคู่สัญญาที่ได้ทำกับรัฐบาลเมียนมา เพราะรัฐบาลเมียนมาต้องการให้ตัดไฟ เพราะหมดสัมปทานแล้ว ก็ต้องดำเนินการตามกฏหมาย หลังจากเมื่อคืนวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา ได้แจ้งเตือนทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องหมดแล้ว โดยดำเนินการไม่ส่งกระแสไฟจนกว่าทางโน้นจะมีการต่อสัมปทานหรือแจ้งกลับมา ซึ่งจะมีการทำเรื่องมาทางกระทรวงการต่างประเทศของเรา ทั้งนี้ หากมีการแจ้งกลับมา เรื่องสัมปทานให้มีการดำเนินการ เราก็คงจะต่อไฟได้ ส่วนเรื่องระยะเวลาไม่สามารถตอบได้