ลุยต่อ บิ๊กป้อม’ ลงกำแพงเพชร ตามงานขยายแหล่งน้ำและที่ดินทำกิน ส่งสัญญาณเข้มทุกหน่วยงานพร้อมรับมือฤดูฝนและฝนทิ้งช่วงทั่วประเทศ
09.30 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อม รมช.คลัง รมช.กห.และคณะ ลงพื้นที่ จ.กำแพงเพชร ตรวจความคืบหน้าขยายแหล่งน้ำ ห่วงความพร้อมรับมือฤดูฝนและฝนทิ้งช่วง พร้อมมอบที่ดินทำกินกับประชาชน ตามนโยบายรัฐบาล
โดยได้เดินทางไป ตรวจติดตามการพัฒนาแหล่งน้ำแก้มลิงดงขวัญ ต.หนองปลิง อ.เมือง เพื่อติดตามความคืบหน้าการพัฒนาแหล่งน้ำแก้มลิงดงขวัญ สำหรับการพึ่งพาตนเองรองรับพื้นที่รับประโยชน์ 1,600 ไร่ ต่อจากนั้น ได้เดินทางไป รร.พรานกระต่ายพิทยาคม ต.ถ้ำกระต่ายทอง อ.พรานกระต่าย เพื่อรับฟังความคืบหน้า การแก้ปัญหาที่ดินทำกินให้กับประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งได้มอบสมุดประจำตัวให้กับผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชน ตามนโยบายของรัฐบาล ในลักษณะแปลงรวมพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าเขาเขียว ป่าเขาสว่างและป่าคลองห้วยทราย”
พล.อ.ประวิตร ได้พบปะ รับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ พร้อมกล่าวพอใจ สทนช.และ คทช.ถึงความคืบหน้าการขับเคลื่อนบริหารจัดการน้ำและการแก้ปัญหาที่ดินทำกินตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นฐานรากการแก้ปัญหาน้ำที่มีพัฒนาการไปมากในภาพรวม
พล.อ.ประวิตร ยังได้กำชับ สทนช. มท.และ กรมชลประทาน รวมทั้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ให้รับฟังปัญหาและความต้องการของประชาชน โดยผนวกเป็นข้อมูล จัดทำแผนพัฒนาแหล่งน้ำและบริหารจัดการน้ำแบบมีส่วนร่วมกัน โดยเฉพาะหลายพื้นที่ ยังขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร ต้องการแหล่งน้ำ จึงต้องมีแผนพัฒนาแหล่งน้ำเพิ่มเติม เป็นแหล่งน้ำสำรอง เพื่อจัดสรรกระจายการใช้น้ำอย่างทั่วถึงและลดความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำ ดังเช่น โครงการแก้มลิงหนองดงขวัญ ที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรกว่า 1,600 ไร่
พล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำ ปัจจุบัน กำลังเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดปฏิบัติ 12 มาตรการรับมือฤดูฝนไปพร้อมกัน โดยให้ความสำคัญกับการใช้ประโยชน์จากบทเรียนแต่ละพื้นที่ให้เป็นประโยชน์ ทั้งนี้จว.กำแพงเพชร ยังมีพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง และประสบอุทกภัย สองฝั่งแม่น้ำปิง ที่ต้องดำเนินการและเฝ้าระวัง เพื่อลดความเสียหายและความเดือดร้อนของประชาชนแบบมีส่วนร่วมไปพร้อมกัน
สำหรับการแก้ปัญหาที่ดินทำกินและความเหลื่อมล้ำการถือครองที่ดิน พล.อ.ประวิตร’ ยังได้ย้ำ ขอให้ คทช.เดินหน้า มุ่งเน้นการกระจายถือครองที่ดิน โดยคำนึงความสมดุล ระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างยั่งยืน เพื่อประโยชน์สูงสุดของการบริหารจัดการที่ดิน ที่เป็นรูปธรรมทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม ขณะเดียวกัน ขอให้องค์กรปกครองท้องถิ่น ตามเข้าไปเสริมแข็งแกร่งพัฒนาอาชีพ และสาธารณูปโภคพื้นฐานในทุกมิติไปพร้อมกัน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนใหม่ ให้เข้มแข็งและยืนอยู่ได้ด้วยตนเอง
……..