โฆษกรัฐบาล เผย งาน “THAIFEX-ANUGA ASIA 2023” ส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารในตลาดโลก เพื่อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการในการเจรจาการค้า สร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ เพิ่มโอกาสขยายตลาดส่งออกทั่วโลก
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การจัดงาน “THAIFEX-ANUGA ASIA 2023” ระหว่างวันที่ 23-27 พฤษภาคม 2566 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี เป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารในตลาดโลก เน้นย้ำศักยภาพของประเทศไทยในฐานะการเป็นฮับ (Hub) อาหารไทย อาหารโลก และเป็นผู้นำการผลิตและส่งออกอาหารที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับโลก เพื่อเจรจาการค้า และสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจกับผู้นำเข้าจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก ถือเป็นโอกาสในการขยายตลาดส่งออกสู่ต่างประเทศ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดงาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2023 เป็นงานแสดงสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ในวันที่ 23-27 พฤษภาคม 2566 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี (IMPACT) จังหวัดนนทบุรี ถือเป็นการเน้นย้ำศักยภาพของประเทศไทยในฐานะการเป็นฮับ (Hub) อาหารไทย อาหารโลก และเป็นผู้นำการผลิตและส่งออกอาหารที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับโลก เป็นเวทีสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการไทยได้พบปะกับผู้ประกอบการต่างชาติกว่า 40 ประเทศ เพื่อเจรจาการค้า และสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจกับผู้นำเข้าจากประเทศต่างๆ สำหรับงาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2023 ครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้ารวมเกือบ 2,000 บริษัท โดยคาดว่า จะมีผู้เข้าชมงานกว่า 95,000 ราย จาก 140 ประเทศทั่วโลก สามารถสร้างมูลค่าทางการค้าทั้งงาน ในรูปแบบออนไซต์ (On Site) และออนไลน์ (On line) ได้กว่า 70,000 ล้านบาท ให้กับเศรษฐกิจไทย
ปัจจุบันอาหารเป็นอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสําคัญต่อระบบเศรษฐกิจโลก ซึ่งปัจจัยที่มีผลต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหาร คือ การเติบโตของจำนวนประชากรโลกที่คาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 8,000 ล้านคน เป็น 10,000 ล้านคน ภายในปี 2593 ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์จึงได้ผลักดันนโยบาย อาหารไทย อาหารโลก ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดผู้บริโภค ส่งผลให้ในปี 2565 ที่ผ่านมา ไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารอันดับที่ 15 ของโลก มีมูลค่าการส่งออกถึง 1.36 ล้านล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 22.7% จากปีก่อน
“นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในศักยภาพผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมนวัตกรรมอาหารที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก รัฐบาลจึงได้มุ่งส่งเสริม และหาช่องทางพัฒนา และต่อยอดงานวิจัยด้านอาหาร เพื่อเป็นอีกแรงหนุนในการเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการไทย โดยเมืองนวัตกรรมอาหาร หรือ Food Innopolis ซึ่งเป็นโครงการของรัฐบาลที่ต้องการสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่เอื้อต่อการเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถด้านการวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมให้กับอุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องให้แข่งขันได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรของประเทศไทย และยังเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการในการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานและบริการด้านการวิจัยพัฒนาและนวัตกรรม และช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารของโลก” นายอนุชา กล่าว