ภูมิภาค - สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ สวก. เดินหน้าพัฒนางานวิจัย ขานรับนโยบายรัฐบาล สร้างนวัตกรรมอาหารอนาคต ปฏิรูปภาคการเกษตรด้วยพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ สร้างรายได้แบบยั่งยืน อัดฉีดเงินวิจัย ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์จาก ไข่ผำ หรือคาเวียร์มรกต ตอบโจทย์กระแสคนรักสุขภาพทั่วโลก
อาหารแห่งอนาคต (Future Food) เป็นแนวคิดในอุตสาหกรรมอาหารโลกที่มีความหลากหลาย ทั้งรูปลักษณ์และกระบวนการผลิต โดยมุ่งเน้นกระบวนการผลิตอาหารที่เหมาะสมกับโลกในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งการลดภาวะโลกร้อน และการสร้างระบบอาหารอย่างยั่งยืน แนวคิดด้านสุขภาพและการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันกลายเป็นประเด็นที่อุตสาหกรรมอาหารให้ความสำคัญเพิ่มมากขึ้น อันเป็นผลจากการระบาดของโรคโควิด-19 ที่สร้างความตื่นตัวต่อการรักษาสุขภาพและสุขอนามัยทั่วโลก การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ความต้องการ และการเปลี่ยนแปลงตามวัยของผู้บริโภค ล้วนส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจในห่วงโซ่อุปทานอาหารและอาหารแห่งอนาคต
โดยผู้บริโภคให้ความสนใจผลิตภัณฑ์ที่เสริมสารอาหารและโภชนาการ อาหารประเภท functional ผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อระบบย่อยและดูดซึมอาหาร สะท้อนจากมูลค่าตลาดของอาหารกลุ่มดังกล่าวที่มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง
ดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร กล่าวว่า ภายหลังจาก สวก.ได้รับจัดสรรงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) จึงผลักดันและขับเคลื่อนพัฒนางานวิจัย โดยการสนับสนุนทุนวิจัย 2 สถาบันการศึกษา คือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดย รศ.ดร.ภญ.รัตติรส คนการณ์ โครงการผลิตภัณฑ์เม็ดสารสกัดไข่น้ำเพื่อเสริมโปรตีนและกรดไขมันโอเมกา และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดย ดร.วนิดา ปานอุทัย โครงการการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนเสริมสุขภาพจากผำ เพื่อเพิ่มมูลค่าและศักยภาพการใช้ทรัพยากรชุมชน เพื่อศึกษาถึงประโยชน์ในด้านต่างๆ ซึ่งพบว่าไข่ผำเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญ ไข่ผำจึงถูกยกให้เป็น Super Food หรืออาจเรียกได้ว่าเป็น Super ของ Super เนื่องจากเป็นแหล่งโปรตีนทดแทนชั้นเยี่ยม เพราะกิน 1 ได้ประโยชน์ถึง 3 คือ ประโยชน์ที่ 1 มีโปรตีนสูง ประโยชน์ที่ 2 มีโอเมกา 3 และ 6 สูง และประโยชน์ที่ 3 มีคลอโรฟิลล์สูง
รศ.ดร.ภญ.รัตติรส คนการณ์ (หัวหน้าโครงการวิจัย) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวเสริมถึงคุณประโยชน์ในไข่ผำว่า ในไข่ผำพบกรดอะมิโนที่จำเป็นและไม่จำเป็นครบทุกชนิด โดยกรดอะมิโนจำเป็นที่พบมากสุด 3 อันดับแรก คือ ไลซีน ฟีนิลอะลานีน ลิวซีน (ช่วยเรื่องภูมิคุ้มกันของร่างกายและระบบประสาท) และเมื่อมีการวิเคราะห์กรดไขมันของไข่ผำแห้งพบว่ามีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงกว่ากรดไขมันอิ่มตัวประมาณ 2 เท่า และยังพบกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายต้องการอีก 2 ชนิด คือ กรดไขมันโอเมกา 3 และ 6 ในปริมาณที่สูง ในงานวิจัยครั้งนี้จึงเป็นการยกระดับวัฒนธรรมอาหารพื้นบ้านสู่การเป็นอาหารแห่งอนาคต “ไข่ผำ” สุดยอดของแหล่งโปรตีนทดแทน
ดร.วิชาญกล่าวเพิ่มเติมว่า “ไข่ผำ” เป็นหนึ่งในพืชน้ำที่อยู่ในยุทธศาสตร์นโยบายการขับเคลื่อนใหม่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในด้านอาหารแห่งอนาคต (Future Food) เป็นอีกหนึ่ง Mega Trend ที่มาแรงและถูกกล่าวถึงเป็นวงกว้าง ภาคอุตสาหกรรมอาหารต่างให้ความสนใจ และยังได้พูดถึงตลาด Future Food ที่มีตัวเลขน่าสนใจไว้ด้วยว่า เป็นอนาคตที่ดีของเกษตรกรและอุตสาหกรรมอาหาร เพราะจากข้อสรุปของงานวิจัยและแนวโน้มอนาคตการเติบโตด้านการตลาดของ Future Food โดยการส่งออกของไทยปี 2564 มีมูลค่า 115,490 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7% คิดเป็นสัดส่วน 10% ของการส่งออกอาหารในภาพรวม
ส่วนช่วง 7 เดือนแรกปี 2565 มีมูลค่าส่งออก 95,592 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% สัดส่วน 12% ของการส่งออกอาหารในภาพรวมของไทย ช่วง 7 เดือนแรก ประกอบด้วย อาเซียน สัดส่วน 37% สหรัฐฯ 18% สหภาพยุโรป 11% จีน 10.9% และออสเตรเลีย 4% ซึ่งคาดการณ์อัตราการเติบโตของอาหาร Future Food ในปี 2025 จะมีการเติบโตสูงถึง 51%
ขณะที่ นายจิรวัฒน์ จารุวัฒน์ภาคิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ พอสสิเบิ้ล จำกัด หนึ่งในผู้ประกอบการ กล่าวถึงการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยมาพัฒนาให้เป็นผลิตภัณฑ์ว่า ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรองรับจากผลงานวิจัยทำให้สามารถสร้างตัวตนทางการตลาดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะงานวิจัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค เช่นงานวิจัยไข่ผำ ที่ตนสามารถต่อยอดพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์โปรตีนชงพร้อมดื่มจากผำซึ่งได้รับความสนใจจากกลุ่มรักสุขภาพ / กลุ่มผู้สูงอายุ / กลุ่มผู้ป่วยพักฟื้น ที่ต้องการเสริมโปรตีนที่เป็น Vegan หรือ Plant Based
“ไข่ผำ” ถือว่าตอบโจทย์เป็นอย่างมาก และคาดว่าในปีนี้จะสามารถทำให้ผลิตภัณฑ์เติบโตได้ถึง 10% และยังกล่าวเพิ่มเติมว่า สวก.ยังมีงานวิจัยต่างๆ ที่ภาคเอกชนสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้เป็นอย่างดี ทั้งเรื่องของพืชผัก พืชไร่ สมุนไพร ข้าว ประมง หรือปศุสัตว์ ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะมีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนเกษตรกรให้เพาะเลี้ยงผำคุณภาพสูงโดยการทำ Contract Farming กับเกษตรกรผู้ผลิตอีกด้วย ถือได้ว่าเป็นงานวิจัยที่มีการเชื่อมโยงผู้ผลิตวัตถุดิบต้นทางเติบโตไปด้วยกัน
ไข่ผำ จึงถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนรักสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่ยังเข้าไม่ถึงแหล่งโปรตีน สวก. เล็งเห็นความสำคัญในข้อนี้ จึงได้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปยังผู้ประกอบการในระดับ SME ซึ่งได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์จากไข่ผำในงาน THAIFEX- Anuga Asia 2023 ระหว่างวันที่ 23-27 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี
งานวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์จาก “ไข่ผำ” พืชน้ำโปรตีนสูง หรือ Super Food แนวคิดเรื่องอาหารด้านสุขภาพและการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันอุตสาหกรรมอาหารสำคัญที่เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคการเกษตรของประเทศ สู่การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ความต้องการ และการเปลี่ยนแปลงตามวัยของผู้บริโภค ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจในห่วงโซ่อุปทานอาหารและอาหารแห่งอนาคต สามารถสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้เกษตรกร ตามแนวคิดของ สวก. ที่สนับสนุนการสร้างมูลค่าอาหารด้วยงานวิจัย...สร้างโอกาสใหม่ในตลาดโลก