ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ไม่ต้องมี MOU "พิธา-แอฟ" และ "นนกุล" ยูแอนด์ไอ ไม่มีอะไรมากกว่าที่เห็น
พูดถึงกระแสดรามาดีต่อใจ เรียกเสียงกรี๊ดๆๆ จากชาวด้อมส้ม ที่อยู่ในอารมณ์พีกแล้วพีกอีก หลังได้จากชัยชนะการเลือกตั้ง ยังตั้งความหวังให้ "นายกฯพิธา" “ทิม- พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เข้าวินแหกด่านส.ว.เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ... ยัง เท่านั้นยังไม่พอ ยังพากันลุ้นปนมโน อยากให้ "ลักกี้อินเลิฟ" เข้าคู่กับนางเอกสาวชื่อดัง “แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ”
กระแสลุ้นรักครั้งใหม่ของทั้งคู่ เริ่มจากแอฟแชร์ข้อความ “พรรคความแร้” ส่วน “ทิม พิธา”ก็มีคำพูดว่า “พรรคที่จะร้อม" ซึ่งก็มีเหล่าด้อมเข้ามาคอมเม้นท์รัวๆ และกระแสพุ่งปรี๊ด เมื่อมีภาพ พ่อพิธากับลูกสาว “น้องพิพิม” และ “แอฟ” กับ“น้องปีใหม่" ร่วมเฟรมเดียวกันคล้ายๆ ชวนให้คิดว่า เปิดตัวกันแล้ว
โมเม้นท์ตรงกันว่ากันว่า โซเชียลฯแทบแตก ยินดีปรีดากับว่าที่นายกฯ และว่า สตรีหมายเลข 1, เชียร์ให้ตกลงปลงใจกัน ด้วยเห็นว่าเหมาะสมราวกิ่งทอง ใบหยก
อย่างไรก็ดีงานนั้นมีคนตาดีเห็น
“นนกุล - ชานน สันตินธรกุล” พระเอกหนุ่มอยู่ร่วมด้วย กระทั่งตั้งคำถามถึง ใครตัวจริง? ของแอฟ และความสัมพันธ์นางเอกคนดังกับ ทั้ง "ทิม พิธา" และ "นนกุล" คือยังไงกันแน่
หลังปล่อยให้ "ด้อมส้ม" และเอฟซีนางเอกสาว อยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ ก่อนจะมโนไปไกล ฟังว่า “แอฟ” ได้ออกมาเฉลยความสัมพันธ์กับสองหนุ่มเรียบโร้ย โดยเจ้าตัวก็ "งงงวย" กับแรงเชียร์ และคอมเมนต์ ที่มากระหน่ำมืดฟ้ามัวดิน
ทั้งหลายทั้งปวง แอฟว่า "ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น ก็ตามที่ทุกคนเห็น"
กับ “พิธา” เพียงอยากลงโซเชียลฯ แสดงความยินดีที่ชนะเลือกตั้ง และ เมื่อเจอพร้อมลูกๆ ก็ลงเพราะไม่ได้เจอกันบ่อยๆ
ขณะที่กับพระเอกหนุ่มรุ่นน้อง สนิทกันอยู่แล้ว ตั้งแต่ถ่ายละครด้วยกัน และที่มาดูคอนเสิร์ตด้วยกัน เพราะเป็นคอนเสิร์ตออเคสตร้า Beauty and the Beast เลยพาน้องปีใหม่ไป งานจัดที่ ม.มหิดล โดยที่ “นน”เป็นศิษย์เก่า ก็เลยถามไป นน ก็จัดบัตรให้..จบข่าว จบดรามาอ๊ะป่าว?
งานนี้นางเอกสาวเคลียร์ชัดตัดจบ ไม่ต้องมี MOU ไม่ต้องลุ้นผ่าด่านส.ว. ยูแอนด์ไอ ไม่มีอะไรมากกว่าที่เห็นนะจ๊ะ ด้อมจ๋า.
**สะพัด "ลุงป้อม" พลิกเกม ทิ้งพปชร. เปิดทาง ส.ส.ย้ายเข้าเพื่อไทย กลายเป็นพรรคอันดับหนึ่ง จัดตั้งรัฐบาลแทนก้าวไกล
8 พรรครร่วมรัฐบาล ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคเป็นธรรม และพรรคพลังสังคมใหม่ ได้ร่วมเซ็น MOU มีรายละเอียด 23 ข้อ โดยไม่มีเรื่องแก้ไข-ยกเลิก ม. 112 เพื่อจัดตั้งรัฐบาล เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยถือฤกษ์ทำการลงนามกันในวันที่ 22 พ.ค.ซึ่งเป็นวันครบรอบ 9 ปี การทำรัฐประหาร ปี 2557
แม้จะมีการเซ็น MOU กันไปแล้ว แต่นักวิเคราะห์การเมืองยังมองว่า เกมอาจเปลี่ยนได้ เพราะขณะนี้ยังไม่มีการรับรอง ส.ส.เลยสักคนเดียว ยังไม่รู้ใครจะโดนใบเหลือง ใบแดงกันบ้างหรือไม่ คดีถือหุ้นไอทีวีของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกล ก็ยังไม่รู้จะลงเอยอย่างไร
และมองว่าคนที่จะเปลี่ยนเกมคือ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ ภายใต้เงื่อนไขว่า ถ้า“บิ๊กป้อม” ประกาศวางมือจากพรรค และทุกตำแหน่งทางการเมือง แล้วสลายพรรคพลังประชารัฐ จากนั้นส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ก็ย้ายไปอยู่พรรคเพื่อไทย ซึ่งส.ส.พรรคบิ๊กป้อม ส่วนใหญ่ แต่เดิมก็มาจากพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ก็จะทำให้พรรคเพื่อไทย โตพรวดขึ้นมาเป็นพรรคอันดับ 1 ( ถ้า พปชร.ย้ายมาทั้งหมด พรรคพท.จะมี ส.ส.มากถึง 182 เสียง)
พรรคเพื่อไทย ก็มีความชอบธรรมที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ แถมยังรักษาคำมั่นสัญญาในตอนหาเสียงว่า ไม่จับมือตั้งรัฐบาลกับ พรรครวมไทยรักษาชาติ และ พรรคพลังประชารัฐ เพราะถึงเวลานั้นก็ไม่มี “บิ๊กป้อม” และพรรคพลังประชารัฐแล้ว
เมื่อรับบทเป็นแกนนำ การกำหนดนโยบายรัฐบาล ก็จะอยู่ในมือพรรคเพื่อไทย มากกว่าพรรคก้าวไกล เท่ากับปิดสวิทช์ การแก้ไข ม. 112 ของพรรคก้าวไกลไปในตัว สถานการณ์จะกลายเป็นพรรคก้าวไกล ต้องเดินตามพรรคเพื่อไทย
ถ้าพรรคก้าวไกลเห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทย ก็ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลต่อไปได้ แต่ถ้าไม่เห็นด้วย พรรคเพื่อไทยก็เลือกพรรคอื่นมาร่วมรัฐบาล เพราะในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ พรรคก้าวไกล ขาดพรรคเพื่อไทยไม่ได้ แต่พรรคเพื่อไทย ขาดพรรคก้าวไกลได้
ถือเป็นทางออกในการพลิกเกมจัดตั้งรัฐบาล ที่ตอนนี้ยังอยู่ในสภาวะผันแปรไม่แน่นอน แม้จะมีเอ็มโอยูแล้วก็ตาม
ขนาด “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” แกนนำพรรคพปชร. ยังบอกว่า อาจเป็นไปได้ เพราะพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ถือเป็นพรรคเฉพาะกิจ พร้อมที่จะแตกตลอดเวลา และเปราะบางมาก เมื่อไม่มี “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ไม่มีวันเดินไปได้ เช่นเดียวกัน ถ้าไม่มี “บิ๊กป้อม” พรรคพลังประชารัฐ ก็ไปยากเช่นกัน
ส่วนความเคลื่อนไหวของ “บิ๊กตู่” ที่ว่ามีแนวโน้มจะวางมือทางการเมือง และพรรครวมไทยสร้างชาติ จะมีการเปลี่ยนหัวหน้าพรรคใหม่นั้น “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” เลขาธิการพรรค รทสช. ยืนยันว่า “บิ๊กตู่” จะยังคงทำงานอยู่กับพรรค ยังเป็นสมาชิกพรรค เป็นประธานยุทธศาสตร์ฯ และยังเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคฯ เพียงแต่การทำงานอาจจะมีการปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสม เพราะการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
นอกจากนี้ ตำแหน่งหัวหน้าพรรคฯยังคงเป็น “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” เหมือนเดิม เช่นเดียวกับ เลขาธิการพรรค ก็ยังเป็น “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์”คนเดิม พรรคยังเดินหน้าต่อไป เพราะคะแนนที่ได้รับจากประชาชนกว่า 4,700,000 เสียง และส.ส. 36 คน ถือเป็นต้นทุนสำคัญ ที่ต้องนำไปพัฒนาต่อยอดให้พรรคก้าวสู่การเป็นสถาบันทางการเมือง ... ส่วนเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ตอนนี้ยังไม่ใช่ภารกิจของเรา...
ก็ต้องจับตาว่า “บิ๊กป้อม” จะตัดสินใจพลิกเกมหรือไม่!!