“พิธา” ประกาศจับมือ 5 พรรคฝ่ายค้านเดิม บวก 1 พรรคเป็นธรรม ตั้งรัฐบาล 309 เสียง ไม่กังวล ส.ว. ย้ำทุกฝ่ายต้องน้อมรับฉันทามติประชาชน หมดเวลารัฐประหารแล้ว
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 15 พ.ค. 2566 ที่อาคารอนาคตใหม่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงอย่างเป็นทางการ หลังได้รับความไว้วางใจอย่างล้นหลามจากประชาชนทั้งประเทศ ชนะเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 ว่า ตนว่าที่นายกฯคนต่อไปของประเทศไทย ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ว่าประชาชนแสดงเจตจำนงให้พรรคก้าวไกล ขอประกาศว่า พรรคก้าวไกลพร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต่อไป นี่คือ การน้อมรับฉันทามติจากประชาชน ซึ่งจับขั้วฝ่ายค้านเดิมในการจัดตั้งรัฐบาล และตนพร้อมเป็นนายกฯของคนไทยทุกคน พร้อมฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง
ตนจะเป็นนายกฯที่ดีขึ้น เราพร้อมเคารพและให้เกียรติต่อการต่อสู้ทุกฝ่ายที่ผ่านมาเพื่อประชาธิปไตย พร้อมสร้างศรัทธาให้ระบบรัฐสภา สร้างความโปร่งใสมีประสิทธิภาพให้กับรัฐสภา
การจับขั้วตั้งรัฐบาล 5 พรรคด้วยกัน ตนได้ติดต่อไปบางพรรคติดต่อมา ตนได้โทรศัพท์หา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แสดงความยินดีกับความมุ่งมั่นตั้งใจหาเสียง ซึ่งทำได้อย่างดีเยี่ยม และเชิญชวนเพื่อไทยมาจัดตั้งรัฐบาลก้าวไกล ตามที่สัญญาไว้กับประชาชน ก้าวไกล เพื่อไทย ประชาชาติ ไทยสร้างไทย และ เสรีรวมไทย 308 เสียง พรรคเป็นธรรมอีก 1 เป็น 309 เสียง เพียงพอสำหรับการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ทุกฝ่ายต้องน้อมรับฉันทามติจากประชาชนมาปฏิบัติ ปิดประตูการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย
การจัดตั้งรัฐบาล ก้าวไกลจะนำโรดแมปที่จะคุยกับพรรคร่วม แก้ปัญหาเก่า เผชิญปัญหาใหม่ พร้อมพาประเทศไทยไปสู่อนาคต ส.ส.ร.แก้ รธน. แก้เศรษฐกิจ และลดความเหลื่อมล้ำ
ตนพร้อมตั้งทีมงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาลเป็นจุดสำคัญ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านอำนาจและรัฐบาล อย่างมีรูปธรรม เดินสายภาคประชาชน ขรก. ภาคธุรกิจทุกภาคส่วน
สุดท้ายพร้อมเดินหน้าทำความเข้าใจกับคนที่ไม่เข้าใจนโยบายของพรรคก้าวไกล เราน้อมรับและทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนได้ ให้เห็นผลดีในความตั้งใจของพรรค
นายพิธา กล่าวว่า จากนั้นจะประชุม กก.บห. และเดินทางไปขอบคุณประชาชนใน กทม.ก่อน จากนั้นจะเดินทางไปทั่วทุกภูมิภาค จะรีบเร่งตั้งรัฐบาลโดยเร็ว ไม่ให้มีสุญญากาศการเมืองและเศรษฐกิจ ไม่อยากให้เกิดความไม่แน่นอนใดๆ ขอให้มั่นใจการทำงานของพรรค ทำงานอย่างละเอียด รอบคอบ เพื่อคนไทยทุกคน
เมื่อถามว่า เสียง ส.ว. กังวลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตนไม่กังวล เรายึดฉันทามติ ทุกฝ่ายควรน้อมรับตรงนี้ หากไม่ยึดฉันทามติ จะไม่มีประโยชน์กับฝ่ายใดเลย ซึ่งการยึดขั้วฝ่ายค้านตั้งรัฐบาล คิดว่าเป็นความหวัง จะไม่มีใครฝืนฉันทามติ พร้อมพูดคุยกันและเงื่อนไข รายละเอียด คนและนโยบาย และความคาดหวังของแต่ละพรรค เราคิดว่าจำเป็นต้องเอ็มโอยูสำหรับการเมืองสากล เห็นถึงการทำงาน สิ่งที่จะเกิดขึ้น 100 วันเป็นอย่างไร ต้องมีส่วนร่วมจากภาคธุรกิจด้วย ทั้งนี้ หมดเวลาทำรัฐประหารในประเทศไทยแล้ว