“เอกนัฏ-เกรียงยศ-รัดเกล้า” เดินหน้าต่อช่วยแก้ปัญหาชาวบ้านชุมชนวัดใหม่ยายมอญ บางกอกน้อย หลังถูกไล่ที่อยู่อาศัย ล่าสุด ยื่นหนังสือของความเมตตาจาก การรถไฟฯ ยืดระยะเวลาไล่ที่ พร้อมประสาน พอช.หาแนวทางจัดหาที่ดินและบ้านมั่นคงให้ชาวบ้านได้อยู่ต่อ ย้ำไม่ใช่การหาเสียง เพราะบางคนก็ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เลือกตั้ง แต่เห็นความเดือดร้อนของประชาชนแล้วนิ่งดูดายไม่ได้
วันนี้ (12 พ.ค.) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และ นายเกรียงยศ สุดลาภา ผู้บริหารพรรค และอดีตรองผู้ว่าฯ กทม. พร้อม นางรัดเกล้า สุวรรณคีรี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตบางกอกน้อย-บางพลัด เดินทางไปยังการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อยื่นหนังสือถึงผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ขอความเป็นธรรมกรณีชาวบ้านชุมชนวัดอมรทายิการาม ถ.สุธาราม เขตบางกอกน้อย ถูกขับไล่ที่อยู่อาศัยจากที่ดินของการรถไฟ ที่ล่าสุดได้ให้เอกชนเช่าเพื่อทำตลาดสดศาลาน้ำเย็น จนเกิดกรณีพิพาทจนมีการฟ้องร้อง และศาลมีคำวินิจฉัยในคดีแพ่งให้ประชาชนต้องย้ายที่อยู่อาศัย โดยชาวบ้านกลุ่มดังกล่าวได้มาขอความช่วยเหลือต่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ โดยระบุว่าที่ดินดังกล่าวชาวบ้านอยู่อาศัยมาเป็นเวลานานตั้งแต่บรรพบุรุษโดยไม่มีปัญหาและไม่เคยทราบว่าเป็นที่ดินการรถไฟ กระทั่งเกิดปัญหาการให้เอกชนเช่าที่ดินดังกล่าว นำมาสู่การพิพาทขับไล่ที่ และฟ้องร้องต่อศาลดังกล่าว
นายเอกนัฏ กล่าวภายหลังยื่นหนังสือต่อตัวแทนผู้ว่าการรถไฟฯ ว่า สำหรับกรณีพิพาทดังกล่าว ปัจจุบันมีคำสั่งศาลให้ชาวบ้านต้องย้ายออกจากที่ดินเดิมที่เคยอยู่อาศัยมาแต่หลายคนไม่มีที่ไป ทำให้เกิดความเดือดร้อนอย่างมาก กระทั่งนางรัดเกล้าลงพื้นที่และทราบเรื่อง พรรคจึงเห็นว่าเป็นความเดือดร้อนของประชาชนจึงต้องให้การช่วยเหลือ โดยเบื้องต้นได้ให้ทนายความไปขออุทธรณ์ชะลอการขับไล่ที่ชาวบ้านในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ออกไปก่อน เพื่อที่จะหาแนวทางแก้ไขปัญหานี้ โดยเห็นว่ามี 2 แนวทางที่อยากจะขอความเมตตาจากการรถไฟฯ คือ
แนวทางที่หนึ่ง ให้ประชาชนพักอาศัยอยู่ต่อในพื้นที่ดังกล่าว โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยปรับปรุงสัญญาเช่ากับตลาดสดศาลาน้ำเย็นให้สามารถเช่าช่วงต่อได้ แนวทางที่สองหากไม่สามารถทำตามแนวทางที่หนึ่งได้ ก็ขอให้การรถไฟแห่งประเทศไทยนำเสนอพื้นที่ของการรถไฟในบริเวณใกล้เคียงเพื่อให้ประชาชนสามารถย้ายไปอยู่อาศัยได้ โดยได้มีการประสานงานกับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.)ในการเข้ามาช่วยเหลือในการปรับปรุงที่อยู่อาศัยอย่างมั่นคงและเป็นไปตามแนวทางการใช้ที่ดินของการรถไฟฯ เพื่อให้ไม่เกิดปัญหากรณีพิพาท และเป็นการหาทางออกร่วมกันที่พอใจของทุกฝ่ายด้วย
“ชาวบ้านไม่ได้มีเจตนารุกล้ำจริง เพราะเขาอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่เป็นเด็กจนตอนนี้อายุ 70-80 ปี ไม่เคยรู้ว่าเป็นที่ของการรถไฟฯ จนมีการฟ้องร้อง และศาลตัดสินว่าเป็นที่ของการรถไฟ ชาวบ้านก็น้อมรับคำสั่งของศาล เพียงแต่วันนี้มาขอความกรุณาต่อการรถไฟฯ ว่าแทนที่จะขับไล่อาจจะปล่อยเช่าในราคาถูกได้หรือไม่ แทนที่จะปล่อยทั้งหมดให้กับเอกชนไปค้ากำไร แล้วก็มาพัฒนาร่วมกับ พอช.ให้ชาวบ้านได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติก็ได้ติดตามกรณีนี้อย่างใกล้ชิดเพื่อให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัย รวมทั้งยังช่วยจัดหาทนายเพื่อให้การช่วยเหลือด้วย” นายเอกนัฏ กล่าว
ด้าน นางรัดเกล้า กล่าวว่า วันที่ตนเดินทางเพื่อหาเสียงบนรถแห่ มีชาวบ้านที่เดือดร้อนติดตามมาขอให้ลงมาดูปัญหาตนก็ได้ลงไปดู แล้วพบว่าชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนมาถึง 6 ปีแล้ว ซึ่งพอทราบแล้วตนก็อยากช่วยชาวบ้าน ถึงแม้ประชาชนในพื้นที่บางคนก็ไม่ได้อยู่ในเขตการเลือกตั้งของตน แต่ความเดือดร้อนของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ ตนไม่ได้มองเรื่องการหาเสียงอะไรเลย มาถึงวันนี้ที่ได้ประสานไปยัง พอช. ก็ได้รับการช่วยเหลือประสานงานและพร้อมจะเข้ามาช่วยพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับชาวบ้านก็รู้สึกดีใจ ที่เดินทางมาวันนี้อยากจะขอความเมตตาจากการรถไฟฯให้กับชาวบ้านเพราะความเดือดร้อนของประชาชนถ้าตนทำอะไรได้ก็จะทำอย่างเต็มที่