xs
xsm
sm
md
lg

‘มงคลกิตติ์' นำทีมไทยศรีวิไลย์ แถลง '41 นโยบาย ของหมายเลข 42 ' ดันคะแนนเสียงช่วงโค้งสุดท้าย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วยทีมผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคฯ ได้แก่ นางสาวภคอร จันทรคณา รองหัวหน้าพรรคฯ พล.ท.อัศวิน รัชฎานนท์ รองหัวหน้าพรรคฯ นายวิวัฒน์ เจริญพาณิชย์ศิริ รองหัวหน้าพรรคฯ พล.ท.ดร.กฤตภาส คงคาพิสุทธิ์ประธานยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน นายศยุน ชัยปัญญา เลขาธิการพรรคฯ นายสรกฤช จันทรคณา โฆษกพรรคฯ นายพิเชษฐ สถิรชวาล ประธานพรรคและประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจพรรคไทยศรีวิไลย์ และ นายอนวรรช ศรีคำเงิน กรรมการบริหารพรรคฯ ร่วมกันแถลงข่าว แคมเปญ ‘เปิดนโยบาย 41 ด้าน ของหมายเลข 42 พรรคไทยศรีวิไลย์’ โดยเป็นการประชาสัมพันธ์นโยบายของพรรคในช่วงโค้งสุดท้าย เพื่อให้ประชาชนพิจารณาเลือกพรรคไทยศรีวิไลย์ ในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคมนี้

โดยนายมงคลกิตติ์ กล่าวก่อนที่จะเข้าสู่การแถลงนโยบายฯ ว่า พรรคไทยศรีวิไลย์ มีความมุ่งมั่นที่จะเสนอนโยบายให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด เพราะที่ผ่านมา หลายๆนโยบายที่หลายพรรคหาเสียง ก็เจอข้อจำกัดเรื่องงบประมาณและวินัยทางการเงินการคลัง ทั้งๆ ที่ตนเชื่อว่า พรรคนั้นๆ ต้องการจะเสนอนโยบายตามความคิดความเชื่อว่าจะต้องใช้เงินจำนวนมากกว่างบประมาณของประเทศเข้ามาแก้ไขปากท้องของประชาชน บางพรรคก็ถูกต้องข้อสงสัยว่า จะหาเงินเพื่อมาทำตามนโยบายจากไหน แต่พรรคไทยศรีวิไลย์ ยืนยันว่า 41 นโยบาย ที่ตนแถลงไปนั้น จะสามารถหาแหล่งที่มาของเงินในการทำนโยบายได้ทั้งหมด โดยเฉพาะ การนำเงินที่สกปรกและรั่วไหลจากระบบ มาทำให้เป็นเงินสะอาดที่นำมาพัฒนาประเทศ โดยต้องการให้มีการนำผลประโยชน์มหาศาลที่เคลื่อนไหวในการพนันมาแปรผันเป็นเงินที่ดูแลประชาชนตามหลักของรัฐสวัสดิการ เช่น การเปิดบ่อนกาสิโนหรือเอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ ในพื้นที่ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจดี โดยจะเน้นให้นักท่องเที่ยวมาเล่น ส่วนคนไทยจะมีการจำกัดรายได้และวงเงินในการเล่น ซึ่งจะได้รายรับภาษี 3-4 แสนล้านบาท/ปี และเปิดบ่อน vvip สำหรับนักเล่นมีที่ศักยภาพทางการเงินระดับสูง รับปีละ 3-5 หมื่นราย โดยจะต้องมีวงเงินเล่นต่อครั้งไม่น้อยกว่า 50-100 ล้านบาท จะมีรายรับภาษีไม่น้อยกว่า 1.5-2 ล้านล้านบาท/ปี การ การขุดคลองไทย เพื่อนำเงินและผลประโยชน์ที่มีมหาศาลเฉพาะค่าธรรมเนียมการผ่านคลองไทย จะได้ภาษีค่าผ่านคลองปีละ 1.5-2 แสนล้านบาท และจะสร้างเงินให้ประเทศสูงมากกว่า 1 ล้านล้านบาทต่อปี เป็นต้น และขอให้ประชาชนสบายใจได้ว่า พรรคไทยศรีวิไลย์จะไม่มีการขึ้นอัตราภาษีจากที่เก็บกันปกติ เพื่อมาสนองนโยบายที่พรรคไทยศรีวิไลย์หาเสียงไว้โดยเด็ดขาด

นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า ส่วนนโยบายทางสังคมนั้น ทางพรรคไทยศรีวิไลย์ ก็มีความตั้งใจที่จะสร้างสังคมไทยเป็นสังคมสงบสุข ปราศจากความเหลื่อมล้ำด้านโอกาส เช่น การตั้งสำนักงานทนายแห่งรัฐขึ้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนทั่วไปที่มีความรู้ทางกฎหมายน้อย และไม่มีเงินจ้างทนายมาต่อสู้คดีได้ ซึ่งจะทำให้วลี ‘คุกมีไว้ขังคนจน’ หายออกไปจากสังคมไทย เพราะความยุติธรรมควรจะมาจากการตัดสินคดีความตามข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ไม่ใช่มาจากฝ่ายไหนมีเงินก็จะได้ความยุติธรรมไป ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สร้างความไม่เป็นธรรมมาอย่างยาวนาน การยกเลิกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ที่ยังคงบังคับใช้อยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยขอให้ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง อยู่ในระดับปกติ เพราะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนและการท่องเที่ยว รวมทั้ง ลดปัญหาความรู้สึกน่ากลัวของคนไทยโดยรวมที่มีต่อพื้นที่ดังกล่าว การสนับสนุนให้ชาวมุสลิม เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยจะมีการอุดหนุนรายละ 200,000 บาท โดยจะให้สิทธิ์แก่ผู้ที่ไม่เคยไปและไปได้เพียงครั้งเดียว เพื่อให้เกิดการกระจายโอกาสอย่างเท่าเทียมกัน ส่วนความกังวลของประชาชนเรื่องกัญชานั้น ขอให้สบายใจได้ เพราะจุดยืนของพรรคฯ ยังยืนยันหนักแน่นว่า ต้องการให้กัญชาคงความเป็นยาเสพติดเท่านั้น และห้ามใช้กัญชาเชิงสันทนาการเด็ดขาด เนื่องจากกัญชามีคุณประโยชน์ทางการแพทย์ในโรคบางโรคเท่านั้น และที่สำคัญที่สุดที่ตนและพรรคไทยศรีวิไลย์ได้ประกาศไปอย่างภาคภูมิใจ คือ พรรคไทยศรีวิไลย์จะไม่ร่วมกระบวนการแก้ไขมาตรา 112 อย่างเด็ดขาด เพราะเจตนาของคนที่ต้องการจะแก้ไข คือการใช้สภามาล้างผิดให้ตัวเองและพรรคพวก ซึ่งหากมีการแก้ไขให้เป็นไปตามฝ่ายที่ต้องการจะให้แก้แล้ว เชื่อว่าสังคมจะมีความวุ่นวายจนไม่อาจควบคุมได้ ซึ่งการไม่แก้ไขพร้อมกับการให้ความเข้าใจประชาชนและน้องๆเยาวชนเกี่ยวกับมาตรานี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังเช่นที่ผ่านมานั้น ถือเป็นเรื่องที่จะทำให้สังคมไทยปราศจากปัญหาความขุ่นข้องหมองใจ และคนทุกวัยก็พร้อมก้าวไปในสังคมที่ดีตามระบอบประชาธิปไตย เพราะฉะนั้น หลังจากที่ตนและทีมผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคฯ แถลงนโยบายตาม แคมเปญ ‘เปิดนโยบาย 41 ด้าน ของหมายเลข 42 พรรคไทยศรีวิไลย์’ แล้ว ในวันพรุ่งนี้ (12 พฤษภาคม) ก็จะเป็นกิจกรรมของพรรคไทยศรีวิไลย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก่อนที่จะเข้า 100 เมตรสุดท้ายในวันที่ 13 พฤษภาคม คือการบวงสรวงสมเด็จพระเจ้าตากสิน​มหาราช ที่วัดอินทาราม​ หลังจากนั้น จะมีขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่รอบกรุง​โดยจุดเริ่มต้นที่วัดอินทาราม​ วนรอบวงเวียนใหญ่​ สะพานพุทธ​ สนามหลวง​ หัวลำโพง​ เยาวราช​ และไปสิ้นสุดที่บางแค​
เพื่อขอเสียงสนับสนุนจากประชาชนเพื่อให้เลือกพรรคไทยศรีวิไลย์ ให้มากที่สุด เพื่อให้ตนและคนอื่นๆ ในพรรคได้มาทำหน้าที่ในสภาเพื่อดูแลประชาชนภายหลังจากการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยคาดหวังว่า จะได้ที่นั่ง ส.ส. ที่จะสามารถกำหนดได้ว่า ขั้วไหนเป็นรัฐบาล และจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและนโยบายที่พรรคไทยศรีวิไลย์กำหนดตลอดระยะเวลาที่เข้าร่วมรัฐบาลด้วย

"วันนี้พรรคไทยศรีวิไลย์มาเปิดเวทีเพื่อสรุปนโยบาย​ 41​ ด้านเพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชนตัดสินใจ​ โดยพรรคจะเน้นเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ​ เพราะต้องถือว่าตอนนี้ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะค่อนข้างวิกฤติ​ มีรายรับไม่พอรายจ่าย​ ​ นโยบายพรรคฯจึงต้องเน้นดูแลประชาชนเป็นหลัก​ ซึ่งตนมองว่าวิธีหาเงินที่เร็วที่สุดคือการเอาเงินสีเทานอกระบบมาใช้​ ​เช่นการทำหวยใต้ดินให้ขึ้นมาอยู่บนดิน​ และเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ (คาสิโน​)​ ให้ชาวต่างชาตินำเงินมาเล่น​ ซึ่งรายได้ในส่วนนี้จะถูกนำมาทำบัตรสวัสดิการคนจน, เงินผดุงเกรียติทหารผ่านศึก, บัตรคนพิการ​และนำไปใช้หนี้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ กู้ยืมมา

รวมทั้ง พรรคยังมีอีกหลายนโยบายที่สำคัญ​ เช่น​การลดค่าไฟ​ ซึ่งผมมองว่าวิธีที่ง่ายที่สุดคือการออกพระราชกำหนดยกเลิกการซื้อไฟฟ้าส่วนเกิน​ และจะออกพระราชกำหนดตัดสินใจซื้อหุ้นปตท.​ เพราะหากปตท.เป็นของรัฐ​ สัมปานการขุดเจาะน้ำมัน​ก็จะเป็นของรัฐ​ ทำให้รัฐจำหน่ายน้ำมันในราคาที่ถูกลงได้​ ส่วนนโยบายที่สำคัญนอกจากเศรษฐกิจ​ ตนจะให้ความสำคัญกับเกษตรกร​ จะจัดตั้งนิคมเกษตรกรรมเพื่อเกษตรกรทุกภูมิภาคของประเทศ​ เน้นแก้หนี้ฟื้นฟูเกษตรกร​และตั้งนิคมอุตสาหกรรมเพื่อทำปุ๋ย​ไว้ใช้เอง​ สำหรับจุดยืนเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 นั้น ผมเห็นว่า แนวคิดของพรรคก้าวไกล​ที่จะลดโทษเหลือ1​ปี​นั้น​ จะทำให้คนที่อยากดูหมิ่นเหยียดหยามทำได้มากขึ้น​ ซึ่งถือเป็นก้าวแรกของบ่อนทำลายชาติ​ และหากแก้ไขมาตรา112 ไม่ใช่แค่เยาวชนที่ได้รับอานิสงส์ แต่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคพวกจะได้รับอานิสงส์นี้ด้วย ซึ่งไม่ได้แตกต่างจากกรณีที่กสภาฯ ในสมัยรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้มีการร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ โดยตอนแรกมีการอ้างว่า จะช่วยให้มวลชนพ้นผิดและไม่ต้องรับโทษ แต่จากนั้นกลับมีการสอดไส้ให้นายทักษิณ ชินวัตร พ้นผิดจากคดีทุจริตตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา ดังนั้น ผมมั่นใจว่าจะสามารถทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนเรื่องนี้​ได้ โดยขอรับปากว่าจะไม่ทิ้งเยาวชนที่หลงผิดไปกระทำผิดตามมาตรานี้แน่นอน​และพร้อมจะเป็นคนกลาง​ในการเจรจา ตนพร้อมช่วยทุกคน​ยกเว้นนายธนาธรและแกนนำที่ยุยงน้องๆให้ทำผิดที่ผมจะไม่ช่วย​ " นายมงคลกิตติ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายในการแถลงนโยบาย มีบรรดาผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค สื่อมวลชน และประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ต่างเข้ามานั่งฟังเป็นจำนวนมาก โดยทีมผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคฯ ก็ได้แถลงลงรายละเอียดของนโยบายต่างๆ เช่น พล.ท.อัศวิน ได้อธิบายถึงนโยบายเงินผดุงเกียรติทหารผ่านศึก เดือนละ 3,000 บาท นายศยุน กล่าวถึงนโยบายทางด้านเกษตรกรรม และการศึกษา โดยตั้งใจจะให้เด็กไทยได้เรียนฟรีจริงๆ ตั้งแต่อนุบาลถึงปริญญาตรี นายสรกฤช ได้พูดถึงนโยบายอัดฉีดเข้าระบบ 1.5 แสนบาท ซึ่งถือเป็นนโยบายที่สร้างกระแสให้กับพรรคไทยศรีวิไลย์เป็นอย่างมาก นายวิวัฒน์ ได้กล่าวถึงนโยบายสวัสดิการต่างๆ ที่ทางพรรคไทยศรีวิไลย์หาเสียง เช่น เบี้ยคนชราและเบี้ยผู้พิการ ค่าตอบแทนของอาสาสมัคร บัตรคนไทยศรีวิไลย์ (บัตรคนจน) พล.ท.ดร.กฤตภาส รับหน้าที่อธิบายนโยบายธนาคารแรงงาน โดยผู้ประกันตน สามารถทำเรื่องกู้ยืมเงินได้ 20 เท่าของเงินเดือน โดยมีดอกเบี้ย 2.5% ซึ่งสามารถขอเงินชราภาพตามสิทธิ์เพื่อเบิกไปใช้ได้เต็มจำนวนด้วย นายอนวรรช ได้กล่าวถึงนโยบายประกันชีวิตคนไทย 5 แสนบาทต่อคน และนางสาวภคอร ได้กล่าวถึงแนวทางนโยบายการปฏิรูปยุติธรรมเพื่อความเสมอภาคและอำนวยความเป็นธรรมให้กับคนไทยทุกคน






กำลังโหลดความคิดเห็น