“อรรถวิชช์” ชี้ คำพิพากษาศาล ปค. สร้างบรรทัดฐานใหม่ทำ กกต.สามารถแบ่งเขตได้ตามใจชอบ ซึ่งเท่ากับว่าในอนาคตข้างหน้าการลงพื้นที่ของ ส.ส.ทุกคน ก็จะมีโอกาสถูกแบ่งพื้นที่ใหม่ได้ เชื่อทำให้ระบบ ส.ส.ความเป็นผู้แทนเปลี่ยนแปลงไป”
วันนี้ (7 เม.ย.) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวภายหลังรับฟังคำพิพากษา ศาลปกครองสูงสุดในคดีแบ่งเขตเลือกตั้ง ว่า กรณีการแบ่งเขตเลือกตั้งของ กกต. ศาลพิพากษายกฟ้องก็เป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่า กกต.สามารถใช้กฎระเบียบ คือ การแบ่งเขตต้องแบ่งให้มีความใกล้เคียงกันแต่ตัวเลขเปอร์เซ็นต์จะแบ่งให้ได้ใกล้เคียงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ กกต.ใช้เกณฑ์ 10 เปอร์เซ็นต์ในการมาบอกความใกล้เคียงแต่ละเขตนั้น ค่าเฉลี่ย ส.ส. 1 คนต่อราษฎร ถ้าต่างกันเกิน 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเราก็สู้มาโดยตลอดว่าเกณฑ์นี้มันเป็นการละลายเขตเลือกตั้ง แต่ปรากฏว่าศาลพิพากษาให้เห็นชัดอีกว่าเรื่องนี้เป็นอำนาจของ กกต. การกำหนดค่าเฉลี่ย 10 เปอร์เซ็นต์ กกต.สามารถทำได้ ซึ่งเท่ากับว่าในอนาคตข้างหน้าการลงพื้นที่ของ ส.ส.ทุกคน ก็จะมีโอกาสถูกแบ่งพื้นที่ใหม่ได้ ดังนั้นเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหม่ของพรรคการเมือง แต่ก็แล้วแต่ว่า กกต.จะแบ่งแบบไหน
เมื่อถามว่า คำพิพากษาดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อการเลือกตั้งหรือไม่ นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า เชื่อว่า ประชาชนก็คงจะสับสนว่า การเลือกตั้ง เขต หรือแขวง ของประชาชนทำไมมันไปปนกับเขตใหม่ ซึ่งเหตุผลที่ตนได้นำเสนอกับศาลและกกต.ตนบอกว่าเขตเลือกตั้งทั้ง 33 เขตใน กทม. มีแค่ 4 เขตเท่านั้นที่เหมือนเดิม และได้เปรียบเทียบกับการเลือกตั้งปี 2554-2557 ที่เป็นระบบการเลือกตั้งที่เป็นระบบการเลือกตั้งเดียวกัน แต่คำพิพากษาวันนี้ ได้ไปเปรียบเทียบกับปี 2562 ซึ่งเป็นคนละระบบเลือกตั้ง ซึ่งเกณฑ์นี้กกต.ตั้งใจมาตั้งแต่ต้น และเป็นการย้ำชัดอีกครั้งหนึ่งว่าคำพิพากษา กกต.สามารถกำหนดเกณฑ์ 10 เปอร์เซ็นต์นี้ได้ และในอนาคตกกต.เพียงไม่กี่ท่านสามารถกำหนดเขตอย่างไรก็ได้ตามที่กกต.เห็นควร จะเห็นได้ว่ารูปแบบการแบ่งเขตมี 4 แบบ ซึ่งแบบที่กกต.เลือกแบบที่ 1 มีประชาชาชนเห็นด้วยกับรูปแบบนี้เพียงคนเดียว ขณะที่รูปแบบที่ 3 ที่ควรจะเป็นและคุ้นเคย มีประชาชนเห็นด้วยถึง 403 คน แต่สุดท้ายก็ออกตามที่กกต.เลือก แต่ถึงอย่างไรเราพร้อมสู้ทุกรูปแบบเพราะผู้สมัครของพรรคเราในเขตกทม.ก็ใหม่หมด
“วันนี้ที่ผมมาร้องจนถึงวันที่ศาลมีคำพิพากษาผมไม่คิดว่าพรรคชาติพัฒนากล้า จะได้เปรียบ หรือเสียเปรียบอะไรในเรื่องนี้ แต่มันทำให้ระบบ ส.ส.ความเป็นผู้แทนเปลี่ยนแปลงไป”