ข่าวปนคนคนปนข่าว
** สีสันวันสมัครรับเลือกตั้ง “ลุงตู่”เฉลยไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์ เพราะต้องการส่งไม้ต่อให้ “พีระพันธุ์” หลังนั่งนายกฯอีก 2 ปี
คึกคักกันสุดๆ เมื่อ กกต.เปิดสมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขต 400 เขตทั่วประเทศเป็นวันแรก (3เม.ย.) โดยเฉพาะส่วนของกรุงเทพฯ 33 เขตเลือกตั้ง ที่ไปสมัครกันที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 สนามกีฬาไทยญี่ปุ่น-ดินแดง ทั้งบรรดาผู้สมัครและผู้สนับสนุน ต่างทยอยเดินทางมาตั้งแต่เช้ามืด ส่วนหัวหน้าพรรคแกนนำพรรค ก็จัดรถแห่ตามมาสบทบ
ใครมาก่อนเวลา 08.30 น. ให้คือว่ามาพร้อมกัน ต้องจับฉลาก ลุ้นหมายเลขประจำตัวผู้สมัครที่จะเอาไปใช้หาเสียง อยู่พรรคเดียวกันอาจได้หมายเลขที่ต่างกัน
บรรดาหัวหน้าพรรค แคนดิเดตนายกฯของพรรค และบุคคลสำคัญของพรรคต่างมาร่วมลุ้น อาทิ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จากพรรครวมไทยสร้างชาติ... “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ... “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย... “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ “หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์... “กรณ์ จาติกวณิช” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า...“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล “...คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย... ส่วนพรรคภูมิใจไทย แม้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคจะปักหลักที่เมืองโคราช แต่ก็ส่ง “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” หัวหน้าทีมกทม. มาดูแลแทน
ทุกพรรคการเมืองที่กล่าวมานั้น ล้วนต้องการปักธงในพื้นที่กรุงเทพฯทั้งสิ้น และแต่ละพรรคต่างก็มั่นใจว่าจะทำสำเร็จ
ระหว่างนั่งรอลุ้นจับฉลากหมายเลขประจำตัวผู้สมัครอยู่นั้น ภาพที่เป็น “ไฮไลต์” คงไม่มีใดเกินภาพที่ “พี่ป้อม” กับ “น้องตู่” ที่มาในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ด้วยกันทั้งคู่ นั่งคุยกันกระหนุงกระหนิง เหมือนไม่ใช่คู่แข่ง แบบที่ว่าช่างภาพสื่อมวลชนเห็นแล้วต้องกดชัตเตอร์ แม้แต่ผู้สมัครส.ส.บางคนยังต้องรี่มาขอถ่ายภาพด้วย...
ส่วนไฮไลต์ในต่างจังหวัดที่ถูกจับจ้อง อาทิ จ.ชลบุรี “เสี่ยแป๊ะ” สนธยา คุณปลื้ม แกนนำพรรคเพื่อไทย บ้านใหญ่ชลบุรี ก็นำผู้สมัครทั้ง 10 เขตเข้าล้วงเบอร์... ขณะที่ “รัฐมนตรีเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น บ้านใหม่เมืองชลฯ ก็พาลูกทีมที่สังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ มากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เอาฤกษ์เอาชัย ก่อนล้วงเบอร์
ที่จ.ชัยภูมิ ผู้ที่สร้างสีสันสะดุดตาเป็นอย่างมากก็คือ “นายโสโชค สู้โนนตาด” อดีตข้าราชการครู ผู้สมัครส.ส.เขต 2 อ.จตุรัส จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ขี่หลังควายเผือก พร้อมดีดพิณเครื่องดนตรีประจำตัวที่ตนเองถนัด และใช้ฝึกสอนนักเรียนมาตั้งแต่เป็นครูจนเกษียณอายุราชการ แต่พิณที่นำมาเป็นพิณเปล่า ไม่มีสาย ไม่มีเสียง ด้วยเกรงว่าจะเป็นการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ที่ห้ามใช้เครื่องดนตรี หรือจัดงานรื่นเริง
ที่ จ.อุตรดิตถ์ เมืองพระยาพิชัยดาบหัก มีผู้สมัครส.ส. สวมชุดนักรบโบราณ ถือดาบน้ำพี้ ขี่ม้า มาพร้อมกองเกวียน บุคคลนี้ก็คือ “เฮียหนวด” ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกต ผู้สมัครส.ส.เขต 3 อุตรดิตถ์ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มาพร้อมกับลูกสาว “น.ส.รสรินทร์ ศรัณย์เกตุ” ผู้สมัครเขต 2 และ ผู้สมัคร เขต 1 “น.ส.พิมณัฎฐา จิระพุทธิภาคย์” ของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยทั้งสองสาวก็แต่งชุดไทยประยุกต์ นั่งเกวียนที่บรรทุกพืชผลทางการเกษตรมาด้วย
เมื่อมาถึง “ศรัณย์วุฒิ” ก็ประกาศก้องว่า ท่านพ่อพระยาพิชัย ให้มาปราบพวกประชาธิปไตยจอมปลอม พวกประชาธิปไตยปล้นชาติให้สิ้นซากไปจากแผ่นดิน
“กูขออาสาเป็นทหารคู่กายให้นายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา ช่วยทำให้คนไทยกินดี อยู่ดี กู้ศักดิ์ศรี กู้เศรษฐกิจ”
นั่นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของสีสันวันแรกในการสมัครส.ส.เขต
ส่วนวันนี้ (4 เม.ย.) จะเริ่มสมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เป็นวันแรก ใครจะลง ใครไม่ลง ลำดับต้นๆของแต่ละพรรคมีใครบ้าง และก็จะได้รู้ว่า พรรคไหนส่งชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีกี่คน มีใครบ้าง
สำหรับ“ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชัดเจนแล้วว่า จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่ไม่ลงสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เช่นเดียวกับ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่โพลยกให้เป็นเต็งหนึ่ง นายกรัฐมนตรี และ “เศรษฐา ทวีสิน” ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ก็ชัดเจนแล้วเช่นกันว่า จะไม่ลงสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์
สำหรับ “อุ๊งอิ๊ง” กับ “เศรษฐา” นั้นว่ากันว่า เขาไม่ต้องการเป็น ส.ส.เพราะไม่ต้องการให้เข้าข้อกฎหมาย ที่อาจถูกร้องเรียนให้ป.ป.ช.ตรวจสอบในเรื่อง “จริยธรรมของนักการเมือง” ที่ทำเอาส.ส.ตกม้าตายมาหลายคนแล้ว
ขณะที่ “ลุงตู่” พร้อมที่จะเป็นนายกฯต่อ แต่ไม่พร้อมที่จะเป็นส.ส.แล้วเข้าไปเป็นตัว “ล่อเป้า”ในสภา ให้นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามเอาคืนแบบทบต้นทบดอก ... ขณะที่บางกระแสก็ว่า “ลุงตู่” ไม่อยากเป็นส.ส.หรือเป็นนักการเมืองที่ต้องมารับผิดชอบพรรค เพราะถ้าพลาดหวังจากตำแหน่งนายกฯ ก็อาจได้รับการโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรีก็ได้
แต่เหตุผลจากปาก “ลุงตู่” นั้นบอกว่า ที่ไม่ยอมไปอยู่ในปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 ของพรรค ก็เพราะว่า ... “ใครจะว่าอะไรก็ว่าไป ผมมองในเรื่องของการให้โอกาสคนอื่นเขาขึ้นมาเป็นบ้าง ก็เลยให้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นส.ส.บัญชีรายชื่ออันดับ 1 เพราะมีผลกับการอยู่ 2 ปีของผม หลายคนถามว่าผมอยู่ 2 ปี แล้วจะเป็นยังไง ก็นั่นไงคือคำตอบ ซึ่งเป็นตัวเลือกในการเลือกนายกรัฐมนตรี ครั้งต่อไป ถ้าผมได้อยู่ 2 ปี ก็จะมีคนสานต่อตรงนี้ ทุกอย่างมันคือยุทธศาสตร์ ยุทธศาสตร์ระยะยาวไป”
เมื่อ“ลุงตู่”ว่ามาอย่างนี้ก็คงต้องเชื่อไปอย่างนี้ ว่าที่ไม่ยอมเป็นเบอร์ 1 ของพรรคเป็นเพราะเช่นนี้นี่เอง
**เบื้องหลัง "หมอหนู" ลงปาร์ตี้ลิสต์ -ภท.ขอไม่ร่วมพรรคดึงฟ้าต่ำ-สร้างความรุนแรง
เปิดฉากการเลือกตั้ง 2566 ได้เห็นความชัดเจนของ "หัวหน้า" "ลูกพรรค" และ "แคนดิเดตนายกฯ" กันหลายพรรคว่า ไผเป็นไผ
บ้าง "แทงกั๊ก" บ้าง "ลับลวงพราง" บ้าง "รอเสลี่ยง" มาหาม โดยเฉพาะการสมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หรือ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ... แต่ไม่ใช่สำหรับ "หมอหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ "ชัด" มาตั้งแต่ในมุ้ง
แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งว่า “อนุทิน” จะลงปาร์ตี้ลิสต์ และเป็นแคนดิเดตนายกฯหนึ่งเดียวของพรรคภูมิใจไทย ฟังว่า เบื้องหลังการตัดสินใจ เพราะ มีความเชื่อว่า อยากเห็นนายกรัฐมนตรี ที่เป็นส.ส.ด้วย
เหตุผลง่ายๆ เพราะนายกฯ ที่เป็นส.ส.จะเข้าใจชาวบ้านได้มากกว่า จะรู้สึกว่า ตัวเองมาจากชาวบ้านเลือก และจะให้เกียรติ เขาจะเคารพประชาชน
นี่คือความคิดของพรรคภูมิใจไทย เป็นแนวทางของพรรคที่มีสโลแกน “พูดแล้วทำ”
เลือกตั้ง2566 ครั้งนี้ ภท. ถูกมองว่า เป็นพรรคใหญ่ "ตัวเต็ง" อันดับต้นๆ ที่จะซิวจำนวนส.ส.เขต และปาร์ตี้ลิสต์ ได้มากพอจะเข้าโซน "หล่อเลือกได้" จับขั้วจัดตั้งรัฐบาลล่วงหน้าได้เลย ว่ากันยังงั้น
กระนั้น ฟังว่า "หมอหนู" ยังสงวนท่าที บอกว่าจับไปตอนนี้ ไม่มีประโยชน์ ทุกอย่างต้องดูหลังเลือกตั้ง!
พูดจาภาษาชาวบ้านก็ต้องบอกว่า ยังไม่อยากออกตัวแรง ตัวแปรระหว่างช่วงหาเสียง ก่อนหย่อนบัตรยังมีอีกมาก
“อนุทิน” ย้ำว่าพรรคภูมิใจไทย ยังคงยืนยันเป้าเดิม คือ 120 ที่นั่ง แต่เป้าหมายก็คือเป้าหมาย ซึ่งมาจากการศึกษาวิเคราะห์ ว่ามีความเป็นไปได้
นี่ไม่ใช่เป้าเพื่อสร้างความฮึกเหิม แต่นี่คือสิ่งที่อยู่ในขีดความสามารถและศักยภาพของพรรค สุดท้ายจะออกมาเป็นอย่างไรขึ้นกับประชาชน
ความไม่แน่นอน คือ ความแน่นอน ข้อนี้คอการเมืองต่างรู้กันดี ใครออกตัวแรงตอนนี้โอกาสรถคว่ำเทกระจาดหลังเลือกตั้ง ก็มีให้เห็นกันมาแล้วในอดีต
ทางที่ดีจับขั้วไหน จะร่วมหอลงโรงกะใครไม่ผลีผลาม ขออยู่ในโหมด "รักนวลสงวนตัว" ไว้ก่อนย่อมเป็นทางที่ดีกว่า ทว่า สำหรับตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯ ก็ต้องบอกว่า “อนุทิน”รับแบบแมนๆ ถ้าประชาชนเลือกมาก็พร้อม แต่ขอทำตามกติกา ถ้าเสียงพรรคไหน ได้มาที่ 1 ต้องให้เขาตั้งรัฐบาลก่อน ถ้าตั้งไม่ได้ก็ถึงคิวพรรคลำดับถัดไป
ถามถึงเงื่อนไขการร่วมรัฐบาล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยบอกว่า จะร่วมงานกับพรรคที่ต้องการทำประโยชน์ให้กับชาติบ้านเมือง ใครก็ได้ที่คิดดีกับบ้านเมือง ใครก็ได้ที่ไม่นิยมความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา ใครก็ได้ที่ไม่ดึงฟ้าต่ำ ภูมิใจไทยร่วมได้หมด
งานนี้นับถอยหลังก็เหลือเวลาอีกไม่นาน ใครจะมาใครจะไป อยู่ที่ประชาชนตัดสินนะจ๊ะ