“ส.ว.อุปกิต” โต้ไม่ได้มอบตัว แต่ไปให้ข้อมูล พนง.เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ลั่นเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ไม่คิดหลบหนี กังขาบริษัทดังใช้ผู้รับโอนเงินเจ้าเดียวกัน ทำไมไม่ผิด
นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา ชี้แจงถึงการเข้าพบพนักงานสอบสวน กรณีถูกกล่าวหาดำเนินคดี โดยสื่อมวลชนหลายสำนักนำเสนอข่าวเป็นการชิงมอบตัว โดยยืนยันว่า ไม่ใช่การไปมอบตัว เพราะในข้อเท็จจริงเป็นที่รับทราบกันโดยทั่วไป ว่า ทั้ง นายรังสิมันต์ โรม และ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ กล่าวหาตนและเข้าไปให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน รวมถึงพยายามสร้างกระแสเพื่อเร่งรัดกระบวนการยุติธรรม จึงเป็นสิทธิโดยชอบของตนที่จะเดินทางไปชี้แจงข้อเท็จจริง และแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมจะให้ความร่วมมือกับกระบวนการยุติธรรม เพื่อปกป้องเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ของตนเองและวงศ์ตระกูล
นายอุปกิต กล่าวว่า หลังการเข้าพบ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา สมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งไม่มีข้อหาค้ายาเสพติดแต่อย่างใด
“ผมเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ขอยืนยันว่า ไม่มีการหลบหนี จะสู้จนถึงที่สุด จนกว่าจะได้รับความยุติธรรมกลับมา” นายอุปกิต ระบุ
นายอุปกิต กล่าวว่า ในการเข้าไปชี้แจงข้อเท็จจริงกับพนักงานสอบสวนได้นำพยานหลักฐานที่เป็นเส้นทางการเงินเทียบเคียงกับคดี นาย ดีน ยัง จุลธุระ ลูกเขย ไปชี้แจงให้เห็นว่า ในช่วงปี 2563 ขณะสถานการณ์โควิด-19 ระบาดหนัก มีการปิดด่านท่าขี้เหล็ก ไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ตามปกตินั้น นอกจาก บริษัท อัลลัวร์กรุ๊ป (พีแอนด์อี) ที่ต้องโอนเงินผ่านผู้รับบริการโอนเงินฝั่งเมียนมา เพื่อชำระค่าไฟฟ้าให้กับ กฟภ. แล้ว ยังมีบริษัทชั้นนำของไทยที่เข้าไปทำธุรกิจในเมียนมาอีกหลายบริษัท ใช้บริการรับโอนเงินจากบัญชีผู้รับบริการโอนเงินเจ้าเดียวกัน และผู้รับโอนเงินนั้นก็ใช้บัญชีเดียวกันกับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ อ้างว่า เป็นบัญชีเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด ในคดีจับกุมลูกเขยตนเช่นเดียวกัน แต่ทำไมไม่มีการกล่าวโทษด้วย