รองโฆษกรัฐบาล เผย กฎหมายใหม่! พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2566 เพิ่มโอกาสทวีค่าเงินออมให้สมาชิก กบข. มีผลบังคับใช้แล้ว
วันนี้ (23 มี.ค.) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) แจ้งกฎหมายใหม่ พระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ 8 พ.ศ. 2566) มีผลบังคับใช้แล้ว โดยกฎหมายฉบับนี้ได้มีการแก้ไขปรับปรุงทั้งหมด 5 ประเด็นสำคัญ เพื่อทวีค่าเงินออมให้แก่สมาชิก สรุปสาระสำคัญดังนี้
1. สมาชิก กบข. สามารถออมเพิ่มได้สูงสุด 27% ของเงินเดือน เมื่อรวมกับเงินสะสม 3% จะสามารถออมกับ กบข. ได้สูงสุดถึง 30% จากเดิมที่ออมเพิ่มได้สูงสุดเพียง 12% เท่านั้น
2. เมื่อสมาชิกเลือกหรือเปลี่ยนแผนการลงทุน จะมีผลต่อเงินทุกประเภทในบัญชีรายบุคคล ประกอบด้วย เงินสะสม เงินออมเพิ่ม เงินสมทบ เงินชดเชย และเงินประเดิม จากเดิมที่เงินประเดิม และเงินชดเชย จะถูกกำหนดให้ลงทุนในแผนหลัก สมาชิกจะไม่สามารถเลือกแผนการลงทุนได้
3. สมาชิก กบข. ใหม่ หากไม่ใช้สิทธิเลือกแผนการลงทุน กบข. จะกำหนดแผนการลงทุนเริ่มแรกเป็นแผนสมดุลตามอายุ จากเดิมที่สมาชิกใหม่จะถูกกำหนดให้อยู่ในแผนหลัก
สำหรับ 3 ประเด็นดังกล่าว มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา
ส่วนประเด็นที่ 4 สมาชิก กบข. สามารถโอนย้ายเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมาให้ กบข. บริหารได้ และ 5. ผู้ออมต่อกับ กบข. สามารถเลือกเปลี่ยนแผนการลงทุนได้ จากเดิมถูกกำหนดให้ลงทุนในแผนเดิมก่อนออกจากราชการนั้น จะมีผลบังคับใช้ก็ต่อเมื่อคณะกรรมการ กบข. ประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดแล้ว ทั้งนี้ สมาชิก กบข. สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก โทร.1179
“ประเทศไทยก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ ปัจจุบันประเทศไทยมีประชากรสูงอายุ 12.5 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 19 ของประชากรทั้งประเทศ โดยคาดการณ์ว่าอีก 1-2 ปีข้างหน้า จะมีประชากรสูงอายุมากกว่าร้อยละ 28 ในปี 2577 ส่งผลให้มีประชากรที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงมากขึ้น ดังนั้น ประชาชนทุกคนจึงควรมีการเตรียมความพร้อม โดยเฉพาะการออมเงินระยะยาวให้เพียงพอสำหรับการใช้จ่ายตลอดช่วงวัยเกษียณ รวมทั้งตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการบริหารจัดการเงิน มีความรู้และทักษะทางการเงินเพียงพอที่จะนำไปประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสมเพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิต” นางสาวรัชดา กล่าว