“วราวุธ” ลั่น ชทพ.พร้อมลุยเลือกตั้ง 24-27 มี.ค.เจาะอีสาน หวังได้ ส.ส.เพิ่ม ไม่หวั่นแลนด์สไลด์ พท. ตั้งเป้ากวาดไม่ต่ำกว่า 5 ปาร์ตี้ลิสต์ กำชับลูกพรรคปฏิบัติตามกรอบ กกต. มั่นใจแยกงาน รมต.-หน.พรรค ได้ชัดเจน ไม่ฉวยโอกาสใช้อำนาจแน่
วันนี้ (22 มี.ค.) นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ชทพ. ให้สัมภาษณ์ถึงยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง หลังจากมีการยุบสภาแล้วว่า มีการเตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว เพราะเราเริ่มตั้งแต่ก่อนมีการยุบสภา มีการเตรียมผู้สมัคร ส.ส.ไว้พร้อมแล้วทุกภาคการเมือง ทำงานที่เต็มที่ตลอดมา ตอนนี้เรานับถอยหลังกัน เหลือเวลา 53 วัน ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ส่วนการทำไพรมารีโหวตของพรรค เตรียมการไว้หมดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งต้องขอบคุณคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มีการแก้ไขการทำไพรมารีโหวตทำให้การทำงานมีความคล่องตัวมากขึ้น ทำตามเงื่อนไขที่ กกต.กำหนดไว้ได้ เพราะหากไม่มีการแก้ไขแล้วใช้รูปแบบเดิมจะทำให้ช่วงนี้ชุลมุนมาก อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 31 มี.ค. จะมีการประชุมใหญ่พรรค เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคเพิ่มเติม คือ ตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์การแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ เรื่องดังกล่าวมีผลกระทบกับ ชทพ.หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า อาจจะมีผลในพื้นที่ จ.เชียงราย เพราะของเราหายไป 1 พื้นที่ เรื่องนี้หากใครเสียประโยชน์จะมีการท้วงติง แต่หากได้เปรียบจะไม่พูดอะไร ดังนั้น เป็นหน้าที่ของ กกต.จะต้องนำไปพิจารณา เพราะ ชทพ.จัดสรรตามพื้นที่ที่ กกต.แบ่งมา ไม่มีประโยชน์ที่จะไปท้วงติง เราทำหน้าที่ของเราให้เต็มที่
เมื่อถามถึงกรณีมีพรรคการเมืองไปร้องศาลปกครองให้เพิกถอนประกาศ กกต.เรื่องแบ่งเขตเลือกตั้ง จะมีผลกระทบต่อการเลือกตั้งหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า คงไม่ก้าวล่วงอำนาจศาล ถ้าศาลตัดสินไปอย่างไรคงเป็นหน้าที่ของ กกต.ต้องพิจารณาว่าห้วงเวลานั้นสามารถดำเนินการได้ทันหรือขยับอะไรอย่างไร คงต้องรอให้ศาลตัดสินก่อน แต่อาจจะกระทบต่อการทำงานของ กกต.บ้าง คงต้องแก้ไขต่อไป
ต่อข้อถามว่า อาจจะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า อย่าตีตนไปก่อนไข้ เพราะขณะนี้มีการสมมติสถานการณ์เกิดขึ้นมากมาย และส่วนใหญ่จะเป็นไปในทางลบ แต่วันนี้เรากำลังเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง เปลี่ยนผ่านประเทศไทย เราควรจะมองอะไรในเชิงสร้างสรรค์ เอาไว้ให้เกิดปัญหาก่อนค่อยมาแก้ไขกันดีกว่า อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ ชทพ. เราเตรียมผู้สมัคร ส.ส. อย่างดีที่สุด หากเกิดปัญหาอะไรภายหน้าเราค่อยมาแก้กัน คงไม่เจาะจงไปพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นทุกพรรค
นายวราวุธ ยังกล่าวถึงการจัด ‘ว้าว ทัวร์’ ในพื้นที่อีสานระหว่างวันที่ 24-27 มี.ค. ว่า วันที่ 24 มี.ค.จะเดินทางไปปราศรัยที่ จ.กาฬสินธุ์ จากนั้นวันที่ 25 มี.ค.จะไปปราศรัยที่ จ.ยโสธร และวันที่ 26 มี.ค.จะปราศรัยที่ จ.ยโสธร ซึ่งก่อนจะเดินทางไปภาคอีสานจะมีการประสานงานไปยังว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในแต่ละพื้นที่ว่าต้องการให้ไปทำกิจกรรมในลักษณะใด แล้วแต่แต่ละคนว่าต้องการให้ช่วยลักษณะไหน จะพบปะหรือให้ไปปราศรัย ให้ไปเสนอมาที่พรรค โดยทุกพื้นที่ที่ไป เราหวังที่จะปักธงให้ได้ ซึ่งในภาคอีสานครั้งก่อนเราได้มา 1 ที่นั่งคือ นายอนุรักษ์ จุรีมาศ อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด ครั้งนี้เราหวังจะได้ ส.ส.เพิ่ม ทั้งนี้ ภาพรวมการเลือกตั้งครั้งก่อนของพรรค เราได้ ส.ส.แบบแบ่งเขตมา 6 คน คาดหวังว่าจะได้เพิ่มขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในพื้นที่อีสาน หวังว่าจะสู้แลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชนว่าการนำเสนอของแต่ละพรรคจะสามารถผูกมัดใจและไปโน้มน้าวของแต่ละภาคได้อย่างไร ตนเชื่อว่าแต่ละภาคมีความเชื่อมั่นแตกต่างกัน นโยบายในแต่ละพรรคที่นำเสนอก็ต้องสามารถจูงใจประชาชนแต่ละภาคได้ ชทพ.เองคาดหวังว่าแนวทางว้าว ไทยแลนด์ ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การพลิกโฉมการเกษตรของประเทศไทย ทำให้เงินในกระเป๋าของประชาชนเพิ่มขึ้น เป็นแนวทางที่ยั่งยืน ไม่ได้ฉาบฉวย สามารถจูงใจและทำให้ประชาชนแต่ละภาคได้เห็นความยั่งยืนในการทำนโยบายของพรรคการเมือง
เมื่อถามถึงกรณีพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) วางตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 นายวราวุธ กล่าวว่า เป็นสิทธิของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะวันนี้เข้ามามีบทบาททางการเมือง และการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการแสดงให้เห็นว่าโดดเข้ามาเล่นการเมืองเต็มตัว ไม่ใช่เป็นแค่แคนดิเดตนายกฯ ของ รทสช. ขอเป็นกำลังใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ และพรรคอื่นๆ รวมถึง ชทพ. ที่ผู้บริหารพรรคเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อในลำดับต้นๆ และเป็นแคนดิเดตนายกฯด้วย เป็นเรื่องที่ไม่ได้แปลกประหลาดอะไร ส่วนตนนั้น พรรคได้มีมติไปแล้วว่าจะเสนอให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 แต่ทำตามขั้นตอนก่อน
เมื่อถามว่า การจัดผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของ ชทพ.เรียบร้อยแล้วหรือยัง นายวราวุธ กล่าวว่า เราได้รายชื่อครบแล้ว 100 คน แต่การจัดลำดับต้องหารือผู้ใหญ่ในพรรคอีกครั้งหนึ่ง ส่วนการคัดเลือกว่าจะให้ใครอยู่ลำดับใด ต้องดูว่าตัวบุคคลนั้นๆ จะเข้ามาเติมเต็ม ชทพ.ได้หรือไม่ ต้องมาจากหลากหลายวงการ ต้องดูความสำคัญแล้วมาไล่เรียงลำดับกัน เมื่อถามอีกว่า ตั้งเป้า ส.ส.บัญชีรายชื่อไว้กี่ที่นั่ง นายวราวุธ กล่าวว่า ไม่ต่ำกว่า 5 ที่นั่ง
นายวราวุธ ยังให้สัมภาษณ์ถึงการทำงานช่วงที่มีพะราชกฤษฎีกายุบสภา ว่า สำหรับการประชุม ครม. ในฐานะรัฐบาลรักษาการมีไปตามปกติ รัฐมนตรีทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินให้มีประสิทธิภาพซึ่งจะเป็นการดำเนินงานทั้งสองส่วนควบคู่กันไป กับการหาเสียงของพรรคการเมือง ทุกกระทรวงทำงานอย่างเต็มที่ ดังนั้น ขอเพื่อนๆ ราชการอย่าเกียร์ว่าง เพราะความเดือดร้อนของประชาชนไม่ได้ขึ้นอยู่กับการยุบสภาหรือการเลือกตั้ง
นายวราวุธ กล่าวว่า การปฏิบัติตนในตำแหน่งหัวหน้าพรรค และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ไม่มีปัญหาแยกกันอย่างชัดเจน ตนไม่เคยนำการบริหารพรรคชาติไทยพัฒนาไปเกี่ยวข้องกับการบริหารงานกระทรวง ทส. และทุกครั้งในการออกกตรวจราชการไม่เคยนำเรื่องการเมืองไปเกี่ยว และเมื่อมีการยุบสภาแล้ว ยังไม่ยุ่งเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของส.ส.ในพื้นที่ เพียงแต่หน้าที่รัฐมนตรียังดำเนินการต่อไป และในการลงพื้นที่ของตนในฐานะรัฐมนตรี ไม่ได้ใส่เสื้อพรรค ไม่ได้พูดถึงกรหาเสียงแต่อย่างใด นอกจากนี้ตน ยังได้กำชับผู้บริหารของพรรคทุกคน ว่าการเข้าร่วมงานต่างๆ ไม่ว่างานรื่นเริง งานบวช งานศพ งานแต่งงาน ขอให้ระมัดระวังตัว จะไปร่วมรำวงจะเกรงว่าไปร่วมงานแสดงมหรสพขอให้ทุกคนระมัดระวังตัวให้มากขึ้น การจัดงานเลี้ยงใดๆ ขอให้งดไปก่อน การขึ้นเวทีพูดจาอะไรขอให้ระมัดระวังคำพูดให้มาก อย่าพูดในเชิงหาเสียง