“ศุภชัย-ธนิต” ตั้งโต๊ะแจงยิบ ยัน ภท.เงินบริจาคถูกต้องตาม กม.พรรค ไม่นำไปสู่ยุบพรรค ตาม ม.72 ของ พ.ร.ป.พรรค ย้อน “ชูวิทย์” จินตนาการไปเอง เตรียมฟ้องหมิ่น “คนทำลายคะแนนนิยม” ต่อศาล หลัง มี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง-ทำไพรมารีโหวตเสร็จ 26-27 มี.ค.นี้
วันนี้ (22 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และ นายธนิต ศรีประเทศ อดีครองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หนึ่งในทีมกฎหมายพรรค ภท. ร่วมกันแถลงถึงกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยื่นต่อ กกต.ให้ยุบพรรค ภท. อันเนื่องมาจากเงินบริจาคพรรคการเมือง ไม่เป็นไปตาม ม.72 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง
โดย นายศุภชัย กล่าวยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยทำถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ การบริจาคเงินให้พรรคการเมือง เป็นไปตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ได้กำหนดรายละเอียด ว่า จะหากจะมีการดำเนินการใดๆ จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ที่แบ่งเป็นสองส่วนคือการบริจาคเงินจากบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล ซึ่งเมื่อมีการบริจาคตจากทั้ง 2 ส่วน ทางพรรค ภท.ในฐานะเป็นผู้รับบริจาค จะต้องตรวจสอบว่า แหล่งที่มาของเงินถูกต้องหรือไม่ ซึ่งยืนยันว่า เราทำถูกต้อทุกประการ โดยยอดบริจาคตั้งแต่ปี 2561-ปัจจุบัน อยู่ที่ 355,033,639 บาท แบ่งเป็นปี 2561 จำนวน 10 ล้านบาท ปี 2562 จำนวน 161 ล้านบาท ปี 2563 จำนวน 24,884,289 บาท ปี 2564 จำนวน 35,952,000 บาท ปี 2565 จำนวน 123,197,350 บาท และปี 2566 จำนวน 8,730,000 บาท โดยทั้งหมดบริจาคเป็นเงินสด รวมถึงมีบางส่วนที่บริจาคเป็นทรัพย์สิน ซึ่งต้องมีการลงทะเบียนแล้วแจ้งต่อ กกต. เพื่อประกาศต่อสาธารณะ และขอยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทย ทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
ด้าน นายธนิต กล่าวยืนยันว่า การบริจาคของพรรคเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของ กกต. รวมถึงมีระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้หมดแล้ว ที่พรรคการเมืองจะต้องพึงสังวร เนื่องจากที่ผ่านมา มีหลายพรรคการเมือง โดนโทษจนถึงขั้นถูกยุบพรรค ขณะที่ขั้นตอนการบริจาคทั้งในส่วนของบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล ได้กำหนดไว้ให้บริจาคไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะต้องมีหลักฐานยืนยัน อาทิ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน หนังสือบริคณห์สนธิ (ตราสารที่ผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทได้ตกลงร่วมกันจัดทำขึ้น) หนังสือลงนามมอบอำนาจต่างๆ ที่จะต้องรวบรวมแล้วส่งไปยัง กกต.ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม หลังจากส่งให้ กกต.ตรวจแล้ว ก็จะต้องไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ตรวจสอบในแง่ของนิติบุคคลอีกด้วย ทั้งนี้ เงินบริจาคไม่สามารถนำไปใช้อย่างอื่นได้ ซึ่งจะต้องนำมาดำเนินการ เพื่อทำกิจกรรมทางการเมืองและการเลือกตั้งเท่านั้น
เมื่อถามว่า นายชูวิทย์ มีการอ้างถึงความเชื่อมโยง พฤติการณ์นอมินีถือหุ้นแทนนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ภท. ในห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น เข้าข่ายความผิด มาตรา 72 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่อาจนำไปสู่การยุบพรรคนั้น นายศุภชัย กล่าวว่า บริษัทดังกล่าว เป็นนิติบุคคล ทำธุรกิจ รับเหมาก่อสร้าง นายชูวิทย์ คงไปจินตนาการคิดเอา ตนขอชี้แจงว่า บริษัทดังกล่าวทำถูกต้องตามกฎหมาย และแหล่งเงินที่เขาได้นำมาบริจาคนั้น มาจากการประกอบธุรกิจ พรรคมีหน้าที่ตรวจสอบให้ครบถ้วน ส่วนจะเป็นนอมินีใครนั้น ทางพรรคภูมิใจไทยไม่มีหน้าที่เข้าไปพิจารณา ซึ่งตนขอยกตัวอย่าง สมมติว่านายชูวิทย์ ไปเปิดกิจการอาบอบนวดที่ได้รับอนุญาต ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ต่อมาหากมีการกระทำผิดอย่างอื่น เช่น ค้าประเวณี หรือค้ามนุษย์ ในแง่ของพรรคการเมือง เมื่อได้รับเงินบริจาค ที่เขาจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล มีใบอนุญาตถูกต้อง ในแง่ของพรรคไม่มีเหตุผลที่จะต้องมองลึกไปขนาดนั้น ดังนั้น ในกรณีนี้ถือว่าพรรค ภท.ทำถูกต้องตามกฎหมาย เพราะได้มีการตรวจสอบสัญชาติ และตรวจสอบนิติบุคคลที่ไม่ใช่บุคคลที่ไม่ใช่สัญชาติไทย หรือนิติบุคคลที่ทำธุรกิจนอกราชอาณาจักร ไม่มีเหตุที่จะต้องทำให้ถูกยุบพรรคได้
นายศุภชัย ยังแถลงถึงกรณีที่มีบุคคลบางคนกระทำความผิดตามกฎหมาย พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 เป็นการทำลายความนิยมของพรรคภูมิใจไทย แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อพรรคการเมืองโดยตรง แต่เรื่องนี้ทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยไม่สุจริต เที่ยงธรรม ซึ่งเมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยได้ยื่นต่อ ประธาน กกต. ไปแล้ว แต่จนถึงบัดนี้ กกต. ก็ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร ให้บุคคลดังกล่าวยุติ ซ้ำยังปล่อยให้กระทำความผิด ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตนจึงขอเรียกร้องไปยัง กกต. นอกจากการจัดการเลือกตั้งแล้ว จะต้องดูแลการเลือกตั้ง ให้เป็นไปโดยสุจริต ตามกฎหมายของ กกต.เพราะเรื่องนี้ กกต. มีอำนาจโดยตรงที่จะสืบสวนผู้ที่กระทำผิด เพราะผู้กระทำ ได้ทำให้บ้านเมืองปั่นป่วน เสียหาย ดังนั้น กกต.อย่ารีรอ ต้องดูแลให้เรียบร้อย ขณะเดียวกัน ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยทั่วประเทศ ก็ได้ทยอยฟ้องคดี ต่อ กกต.จังหวัด ไปแล้ว
เมื่อถามว่า ถ้าบุคคลดังกล่าวยังมีพฤติกรรมแบบนี้ ไม่ยอมเลิก ทางพรรคภูมิใจไทย จะมีการดำเนินการอย่างอื่นหรือไม่ นายศุภชัย กล่าวต่อว่า พรรคภูมิใจไทยจะดำเนินการฟ้องในคดีหมิ่นประมาทต่อศาล ภายหลังจากมีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เลือกตั้ง และหลังกระบวนการทำไพรมารีโหวตของพรรค เสร็จสิ้นลงในวันที่ 26-27 มี.ค.นี้ เพื่อให้เกิดความมั่นใจ โดยไม่ใช่เป็นแค่การร้องทุกข์ กล่าวโทษเท่านั้น
เมื่อถามว่า ได้มีการกำหนดเวลาหรือไม่ ที่จะให้ กกต.ดำเนินการ นายศุภชัย กล่าวว่า คงมากำหนดเวลา เพราะ กกต. มีอำนาจ หน้าที่ ตามกฎหมาย ที่จะสอดส่อง สืบสวน ตามกฎหมาย และคงไม่ฟ้อง กกต. ฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 แต่ตนจะทวงถามไปเรื่อยๆ เพราะมีประชาชนสอบถามเข้ามาที่พรรคเป็นรจำนวนมาก ว่า ทำไม กกต.ยังเพิกเฉย เปรียบเสมือน เหตุการณ์ มีการทำผิดวิ่งราวทรัพย์ต่อหน้า แล้วตำรวจยังยืนเฉย