องค์การต่อต้านคอร์รัปชัน เผย ปมสายสีเขียวยืดเยื้อมานาน ถึงเวลาต้องได้ข้อสรุปโดยเร็ว ย้ำ ส่วนบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ต้องยึดหลักธรรมาภิบาลเป็นหลัก
วันนี้ (14 มี.ค.) นายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์การต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT เปิดเผยถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติแจ้งข้อกล่าวหา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร อดีตผู้ว่าฯ กทม.และพวกรวม 13 คน กรณีว่าจ้าง บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 3 เส้นทางไปจนถึงปี 2585 ซึ่งเป็นเอื้อประโยชน์ให้แก่ BTSC เพียงรายเดียว ตามที่องค์คณะไต่สวนเสนอ ว่า เป็นคดีที่ใช้เวลาในการพิจารณายาวนานมาก จะเห็นว่า ที่ผ่านมา รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนแรกและส่วนขยาย มีความไม่ชอบมาพากลหลายๆ อย่าง
ทั้งนี้ เห็นชัดได้จากเอกชนรายนี้ ยังสามารถเป็นผู้บริหารจัดการโครงการช่วงเริ่มแรกได้อย่างต่อเนื่อง และยังมีสัญญาผูกพันกันอีก 10 กว่าปี เป็นอย่างน้อย เมื่อมีเสียงเรียกร้องให้มีการทบทวนค่าโดยสารที่เป็นธรรมกับผู้บริโภค คนที่เป็นผู้ว่าฯ กทม.ก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ชัดเจนในเรื่องนี้ เมื่อมีการเรียกร้องให้มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสัญญาให้ประชาชนได้รับรู้ว่าเกิดอุปสรรคอะไร จนถึงบัดนี้ก็ไม่สามารถเปิดเผยได้
ขณะที่ส่วนต่อขยายช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และ หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่ยังไม่มีการเก็บค่าโดยสารจากประชาชน แต่ กทม.ต้องเป็นผู้รับภาระเองทั้งหมดก็ยังคาราคาซัง เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องน่ายินดีมากจะมีความชัดเจนในการพิจารณาคดีดังกล่าวนี้ แต่กรณีดังกล่าวนี้ ยังเป็นเพียงการแจ้งข้อกล่าวหา ถือว่ายังไม่ได้มีการชี้มูลความผิด ซึ่งผู้ที่กล่าวหาสามารถนำข้อมูลหลักฐานโต้แย้งได้
อย่างไรก็ตาม กรณีที่บริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์นั้น โดยหลักการแล้วผู้ที่เป็นกรรมการบริหารของบริษัทนั้น ต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เรื่องธรรมมาภิบาลของตลาดหลักทรัพย์ที่ค่อนข้างจะเข้มงวด เพาะฉะนั้นหลักเลี่ยงไม่ได้ที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม