xs
xsm
sm
md
lg

รู้คน รู้งาน คนท้องถิ่น “ชนินทร์ รุ่งแสง” ส.ส.เขต สเปกตอบโจทย์พื้นที่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมื่อต้นสัปดาห์ “พรรคประชาธิปัตย์” ถือฤกษ์วันมาฆบูชา จัดงานเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร ทั้ง 33 เขตเลือกตั้ง โดยการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ในส่วนพื้นที่ กทม.ซึ่งถือเป็นฐานเสียงหลักของพรรค กลับไม่ได้ ส.ส.แม้แต่คนเดียว แต่การเลือกตั้งรอบหน้า “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรค มั่นใจพรรคจะฟื้นทวงคืนพื้นที่เมืองหลวงได้

เวลาพิสูจน์คนและผลของงาน บางคนได้เป็น ส.ส.สมดั่งใจแต่กลับละเลยพื้นที่ ตรงกันข้ามกับบางคนแม้ไร้ตำแหน่ง แต่ยังคงทำหน้าที่เป็น “ส.ส.นอกสภา” คอยดูแลทุกข์สุขประชาชนอย่างสม่ำเสมอ เลือกตั้งเที่ยวนี้ ต้องไม่ลืมมีบัตร 2 ใบ เลือกพรรคที่ชอบ และเลือกคนที่ใช่ วันนี้พามาส่องสเปกว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ประชาธิปัตย์ “ชนินทร์ รุ่งแสง” อดีต ส.ส.กทม. ปัจจุบันเป็นกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และเพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆ เลือกตั้งเที่ยวนี้ขอชิงเก้าอี้ผู้แทนราษฎร “เขตบางพลัด บางกอกน้อย”

“ชนินทร์” บอกว่า ส ส แบบเขตต้องทำงานได้ดีทั้งในสภาและโดยเฉพาะงานพื้นที่ งานในสภาสมัยตนเป็น ส.ส. เคยเป็นประธานกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ ตั้งกระทู้ถาม อภิปรายญัตติต่างๆ ในสภา ส่วนงานพื้นที่วิกฤต หรือไม่วิกฤตก็อยู่กับประชาชนตลอด น้ำท่วม โควิด มีโครงการต่างๆ บางกอกน้อย บางพลัด 100 เปอร์เซ็นต์ ส่งต่อผู้ป่วย ฉีดวัคซีน พ้นโควิดชาวบ้านประสบปัญหาประกอบอาชีพอีก จึงหาอาหารกล่องแจกจ่ายให้ชาวบ้าน ประมาณ 5 หมื่นกล่อง เพื่อลดค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ ยังไปเดินแจกถุงเติมสุขจากใจไปถึงบ้านด้วย ไปเยี่ยมเยียนถึงหน้าประตูบ้าน ซึ่งถือเป็นการเยียวยา โครงการไถ่เติมสุข บ้านฟ้าใสซ่อมบ้านผู้สูงอายุ กลุ่มเปราะบาง ร้านข้าวแกง 20 บาท ถือคติว่าเป็นอดีต ส.ส.ที่ทำมาแล้ว แล้วต้องทำต่อ ทำได้ทันที

“พี่เกิดบางกอกน้อย เกิดที่นี่ และคนบางกอกน้อยก็ให้พี่เกิดในทางการเมือง พี่ก็อยากทำงานตอบแทนประชาชน อยู่ในจิตสำนึกเสมอ งานการเมืองคืองานอาสา ที่ผ่านมา เราโชคดีประชาชนไว้ใจเรา เขาใช้เราเราก็ทำงานตอบแทนให้ประชาชนอย่างเต็มที่ 29 ปี ที่ทำงานทางการเมืองไม่เคยรู้สึกเคอะเขิน เพราะรู้สึกกลมกลืน เกิดที่บางกอกน้อย ทำงานให้ชาวเขตบางกอกน้อย บางพลัด ไม่ใช่เด็กสอบเทียบที่มาทำงานการเมืองภาพใหญ่เลย แต่พี่เป็นตั้งแต่ ส.ก. ทำการเมืองตั้งแต่ระดับท้องถิ่น แล้วค่อยขึ้นมาทำการเมืองระดับประเทศ ปูพื้นฐานมาเลย ซึ่งคิดว่าได้เปรียบ เพราะมองปัญหาพื้นที่ออก รู้จักคน รู้จักว่าจะต้องแก้ไขปัญหาอย่างไร มีวิธีแก้ไขปัญหา เราดูแลหมดยุงชุม น้ำท่วม ท่อตัน”

“แบง”- ชนินทร์ กล่าวถึงการเลือกตั้งรอบที่จะถึงนี้ ว่า เป็นระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ใบหนึ่งเลือก ส.ส.ในดวงใจ อีกใบเลือกพรรคการเมืองที่ชอบ เป็นการเลือกตั้งในช่วงเปลี่ยนผ่านยุค แต่เห็นว่าคนรุ่นใหม่และรุ่นเก่าต้องอยู่ร่วมกันได้ พูดเสมอว่าตนไม่ใช่คนรุ่นใหม่และไม่ใช่คนรุ่นเก่าด้วย แต่เป็นคนรุ่นปัจจุบันที่อยู่กับความจริง สามารถที่จะทำงานตอบโจทย์ให้กับคนทุกรุ่น ทุกคนได้ เป็นคนหนุ่มที่พร้อมทำงานให้กับทุกคนโดยมีประสบการณ์การทำงานมาแล้ว 29 ปี ดังนั้น จึงอยากให้ชาวบางพลัด บางกอกน้อย ไว้ใจ เชื่อใจ และเชื่อมือ ว่าตนและพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ทอดทิ้งใครทั้งในยามที่มีปัญหาและไม่มีปัญหา

พรรคมีความมั่นคงและเป็นพรรคเดียวที่เป็นสถาบัน ชัดเจนว่า เป็นทางหลักของสังคมไทย ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ไม่ใช่เสร็จภารกิจแล้วปิดร้านหนี เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้ว อยู่มา 77 ปี ที่สำคัญ ซื่อสัตย์ จริงใจ ตรงไปตรงมา ภาพชัดเจนคือเราจงรักภักดี และไม่นำเรื่องจงรักภักดีมาเป็นข้ออ้างเป็นผลประโยชน์ทางการเมือง อีกทั้งไม่โกงชาติโกงเมือง หรือไม่ใช่พวกไม่เคารพกฎหมาย หนีเอาตัวรอด ไม่มีประวัติด่างพ้อย หรือสืบทอดอำนาจให้กับใคร

ส่วนปัญหาเลือดไหลออก “ชนินทร์” มองว่า ประชาธิปัตย์ยุคนี้อยู่ในช่วงกอบกู้ อยู่ในช่วงพิสูจน์ให้เห็นว่าพรรคคือของจริง แม้คราวที่แล้วตนจะได้รับผลกระทบจากการบริหารของพรรคบ้าง จนไม่ได้เป็น ส.ส. แต่ไม่คิดย้ายพรรค เพราะนั่นหมายถึงเปลี่ยนแปลงอุดมการณ์ การย้ายพรรคคือการหนีปัญหา เมื่อกลไกของพรรคมีปัญหาเราต้องอยู่ช่วยคิดแก้ไขให้ดีขึ้นและส่งต่อให้กับคนรุ่นต่อไป หลายคนได้รับผลกระทบ แต่ไม่ใช่ทุกคนย้ายหนี การเมืองต้องแยกให้ออก ระหว่างผลประโยชน์ประเทศ ผลประโยชน์พรรค และผลประโยชน์ส่วนตัว

“ชนินทร์” บอกอีกว่า สิ่งที่ทำมาแล้วและต้องทำต่อให้เร็วที่สุด คือ เศรษฐกิจปากท้อง ตลอดระยะเวลาที่ลงพื้นที่พบว่าคือช่วงการเปลี่ยนแปลงในการทำงานหากิน ร้านค้าต่างๆปรับตัว พ่อแม่ทำกับข้าวขาย ลูกหลานทำเรื่องโซเชียล ซึ่งเขาต้องการให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือตรงนี้ พรรคประชาธิปัตย์เองมีวิธีลดต้นทุนในการค้าขายให้กับเขา รวมถึงระบบภาษีที่ต้องยุติธรรม ไม่เอาเปรียบทั้งในผู้ขายและผู้ซื้อ เพื่อให้ประชาชนมีกำลังต่อสู้กับทุนใหญ่ ทำมดตัวเล็กกลายเป็นกองทัพมดที่เข้มแข็ง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ

งานบริการประชาชนขาดไม่ได้ โดยเฉพาะคูคลองที่ฝั่งธนมีจำนวนมาก เราต้องดูแลลอกท่อ เปิดทางระบายน้ำ หมู่บ้านเก่า หมู่บ้านใหม่มีกองทุนนิติบุคคลแก้ไขปัญหาได้ แต่หมู่บ้านเก่าโดนทิ้ง จะทำอะไรก็ไม่ได้ เพราะไม่ใช่ที่สาธารณะ เป็นที่เอกชน แต่ไม่มีนิติบุคคล ดังนั้น ไปบอกราชการ ราชการก็ทำไม่ได้ อากาศต้องคิดออกร่วมกันระหว่างระดับชาติกับท้องถิ่น แน่นอนไม่มีใครได้ร้อย และเสียร้อย นับหนึ่งดีกว่าไม่เริ่มต้น น้ำท่วม น้ำขังต้องดูแล อากาศบริสุทธิ์สำคัญ ไม่ใช่อยู่กับฝุ่นมลพิษ อาจต้องกำหนดออกกฎหมายพื้นที่ควบคุม

แม้แต่การเรียกเก็บเงินใต้โต๊ะของหน่วยงานราชการเวลาที่ประชาชนไปติดต่อขอสร้าง ซ่อมแซมตึกแถวอาคารที่พักอาศัย ก็ต้องมีวิธีจัดการปัญหาเหล่านี้ ที่สำคัญ คือ ยาเสพติดในชุมชนโดยเฉพาะกัญชา พรรคประชาธิปัตย์จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันแบบรอบคอบ กัญชาต้องจัดการให้จบ พรรคเห็นด้วยและสนับสนุนการใช้กัญชาทางการแพทย์ แต่ไม่เห็นด้วยกับกัญชาที่เสรี ต้องชัตดาวน์กัญชาเสรีเดินหน้าร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม เราต้องนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการแจ้งตำรวจว่าใครขาย ใครเสพ ให้ตำรวจทราบ และสุดท้ายต้องทำให้ได้ คือการปราบปรามการทุจริต เพราะคนกรุงเทพรับไม่ได้ เอกชน ข้าราชการดีๆมีจำนวนมาก ดังนั้นทำดีต้องให้กำลังใจให้พื้นที่เขา และต้องปลูกฝั่งความกตัญญูและความซื่อสัตย์ให้แก่เด็กๆ เยาวชนด้วย




กำลังโหลดความคิดเห็น