ครม.มีมติ เห็นชอบเพิ่มค่าตอบแทน อสม.เป็นเดือนละ 2,000 บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ เริ่มมีผลปีงบประมาณ 2567 “อนุทิน” ขอบคุณ ครม.ให้ความสำคัญ และจะเป็นกำลังใจปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจที่รัฐบาลมอบหมายเพิ่มเติม
วันนี้ (7 มี.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบให้เพิ่มค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และ อาสาสมัครกรุงเทพมหานคร (อสส.) จากเดิมเดือนละ 1,000 บาท เป็น 2,000 บาทต่อคน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ตั้งคำของบประมาณรายจ่ายประจำปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2567 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ต้องขอบคุณ ครม. ที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของพี่น้อง อสม. และได้อนุมัติการเพิ่มเงินค่าป่วยการในครั้งนี้ให้สอดคล้องกับภารกิจของ อสม. และ อสส. ที่เพิ่มขึ้นมีทั้งภารกิจ 9 งานหลัก และภารกิจที่รัฐบาลมอบหมายเพิ่มเติมใน 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1) การคัดกรองเพื่อประเมินสุขภาวะผู้สูงอายุ 9 ด้าน 2) สร้างความรอบรู้และให้บริการดูแลสุขภาพตามสภาพปัญหาในแต่ละด้าน 3) ประสานภาคีเครือข่ายดูแลผู้สูงอายุให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ปฏิบัติงานในระยะ Post-Pandemic ของโรคโควิด-19 และ 4) ติดตามผู้ผ่านการบำบัดยาเสพติดในระบบสมัครใจบำบัด
นายอนุทิน กล่าวว่า อสม.และ อสส. ได้รับค่าป่วยการในอัตราปัจจุบันที่ 1,000 บาทต่อเดือน มาตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2561 โดยผู้จะได้รับค่าป่วยการจะต้องเป็น อสม.และ อสส. ที่มีรายชื่อในฐานข้อมูลประวัติของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ มีระยะเวลาปฏิบัติงานที่แน่นอน มีการรายงานผลปฏิบัติงานตามหลักเกณฑ์ ซึ่งปัจจุบันมี อสม. อยู่ 1,075,163 คน และ อสส. 15,000 คน รวม 1,090,163 คน ก่อนจะเสนอต่อ ครม. ในครั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ศึกษาเปรียบเทียมอัตราค่าป่วยการ กับค่าใช้จ่ายของ อสม. ในการปฏิบัติงานแล้ว พบว่า ค่าป่วยการที่ได้นั้นต่ำกว่าค่าใช้จ่ายที่ อสม. ได้มาโดยตลอด
“กระทรวงสาธารณสุข เห็นถึงความเสียสละของพี่น้อง อสม.และ อสส.กว่า 1.09 ล้านคน ที่นอกจากจะให้เวลาเพื่อส่วนรวมแล้ว หลายครั้งยังต้องแบกรับในค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามภารกิจ และปัจจุบันนี้ค่าครองชีพต่างๆ ก็สูงขึ้นด้วย จึงเห็นควรเสนอให้ปรับเพิ่มค่าป่วยการขึ้นเป็น 2,000 บาทต่อเดือน และให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานในการทำหน้าที่ดูแลสุขภาพของพี่น้องประชาชนต่อไป” นายอนุทิน กล่าว