เมืองไทย 360 องศา
แน่นอนว่า ในทางการเมืองย่อมมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ยิ่งในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มแบบนี้ รับรองว่า “ฝ่ายตรงข้าม” ต้องโวยวายหนักแน่ หรือแม้แต่ฝ่ายเดียวกัน ก็ต้องมองค้อนชุดใหญ่ โดยเฉพาะกับเรื่อง “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” หรือเรียกอีกทางหนึ่งว่า “บัตรคนจน” กับล่าสุด ที่มีการอนุมัติเพิ่มเงินให้กับสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ทั่วประเทศ พร้อมกับยกฐานะขึ้นเป็นเทศบาลทั้งหมด
ทั้งสองเรื่องรับรองว่าไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะมันมีผลต่อคะแนนเสียงในช่วงเลือกตั้ง
ต้องไม่ลืมว่า “บัตรคนจน” นั้น มีคนลงทะเบียนเกือบ 15 ล้านคน ซึ่งที่ผ่านมา “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็เพิ่งประกาศออกมาว่าจะเพิ่มเงินในบัตรเป็น “คนละหนึ่งพันบาท” มันก็ยิ่งถูกมองจากพรรคการเมืองคู่แข่ง และมีเสียงโจมตีออกมามากมาย
ล่าสุด สำหรับการขึ้นเงินเดือนให้กับ อบต.ทั่วประเทศ รวมไปถึงการยกฐานะขึ้นเป็นเทศบาลทุกแห่ง มันก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นผลในทางการเมือง ในช่วงก่อนเลือกตั้งอย่างชัดเจน เพราะสมาชิก อบต.ทั้งหมด มีประมาณเกือบสี่แสนคน ซึ่งเชื่อว่า คงไม่มีใครกล้าขวาง เพียงแต่ว่าภาพจำจะเกิดขึ้นกับใคร และพรรคการเมืองใดมากกว่า
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปาฐกถา “ท้องถิ่นต้องไปต่อ” และทำพิธีเปิดโครงการสัมมนา “บทบาทท้องถิ่นไทยกับการกระจายอำนาจเพื่อการไปต่ออย่างยั่งยืน” ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ว่า วันนี้พูดในนามนายกฯได้ ใช่ไหม พูดบนเวทีมันยากเหลือเกิน วันนี้ถือว่ามาขอบคุณ และภาคภูมิใจกับพวกเรา ซึ่งต้องร่วมมือกันแบบนี้ ซึ่งไม่รู้ว่าจะเผชิญกับอะไรอีกในโลกใบนี้ เพราะโลกเปลี่ยนแปลงไปด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ต่างๆ การทำหน้าที่ถือเป็นการสะท้อนปัญหาอย่างชัดเจน แม้ตนจะอยู่ในระดับบน แต่ก็ดูระดับล่างด้วย มีความสัมพันธ์กับท้องถิ่น อยากให้โครงการต่างๆ เกิดขึ้นในท้องถิ่นทุกชุมชนทั่วประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ครอบครัวคนไทยใครทำอะไรไม่ได้ นี่คือ สังคมของเราจะแตกแยกไม่ได้ สังคมครอบครัว สังคมส่วนรวม สังคมประเทศชาติ แตกไม่ได้อยู่แล้ว มีข่าวบางข่าวตนไม่แน่ใจใครพูดจะยุบท้องถิ่น จะให้เขายุบหรือ จะให้ยุบไหม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนี้ เหล่า อบต.ได้ตอบว่า ไม่ให้ยุบ นายกฯ จึงกล่าวอีกว่า ใครพูดตนไม่รู้ การจะให้อะไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นรัฐบาล เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องดูงบประมาณมีแค่ไหน ไม่ใช่ว่าได้เท่าไหร่จ่ายหมด มันไม่ได้ เรารับผิดชอบหนี้ ก่อนหน้านั้น ก็มีมาสมควร ไม่ใช่มาเริ่มที่สมัยตน ตนต้องดูมือซ้ายทำอย่างไรเงินจะเพิ่มขึ้น แต่ทางขวา ก็ต้องเตรียมความพร้อม นี่คือ สิ่งที่ต้องฝากลูกหลานทุกคน สุดท้ายนี้ขอชื่นชมพี่น้องท้องถิ่น ผู้บริหาร อบต.ทั่วประเทศ ที่เกี่ยวข้อง ช่วยการพัฒนาให้เกิดความเข้มแข็งดีขึ้นเรื่อยๆ และทำต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลสนับสนุนการกระจายอำนาจ ไม่หวงไว้ เราจะหวงไว้ทำไม แต่ทำอย่างไรถึงจะปลอดภัย วันเดียวกันนี้ ตนได้พูดคุยกับคณะกรรมการ และกระทรวงมหาดไทย รัฐบาลจะปรับค่าตอบแทนให้กับนายกองค์การบริหารส่วนตำบล รัฐบาลจะปรับค่าตอบแทนให้กับนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) รองนายก อบต. ประธานสภา และรองประธานสภา สมาชิกสภา อบต. และเลขานุการ ขณะนี้ รมว.มหาดไทย กำลังดำเนินการ คาดว่า จะลงนามแล้ว และประกาศในราชกิจจานุเบกษาในสัปดาห์หน้า ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ใช่การหาเสียง เพราะเรื่องนี้ทำมานานแล้ว แต่บังเอิญได้ในช่วงนี้ แต่มาที่นี่พอดี นอกจากนี้ รัฐบาลจะยกฐานะ อบต. เป็นเทศบาล ขณะนี้รัฐบาลกำลังทำร่างประมวลกฎหมายท้องถิ่นให้ อบต. ยกสถานะเป็นเทศบาล ตามหลักการของการปกครองท้องถิ่น ตามสากล ต่อไป ทุกคนจะต้องเรียกตัวเองว่า นายกเทศมนตรี “โอ้โห ใหญ่โตกันทั้งหมด ถือว่าใหญ่โต วันข้างหน้าก็จะได้เป็นนายกฯ จะมายืนอยู่ตรงนี้ โดยพอมาถึงตรงนี้ นายกฯ ได้ทุบอกตัว พร้อมบอกว่า แต่โจทก์เยอะหน่อย”
นายกฯ กล่าวอีกว่า เรื่องสวัสดิการของนายก และรองนายก อบต. ประธาน รองประธาน สมาชิกและเลขานุการ รัฐบาลทราบถึงความยากลำบากกำลังพิจารณาถึงสวัสดิการ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าเลี้ยงดูบุตร กำลังพิจารณาอยู่
“นี่ไม่ใช่การมาหาเสียง เป็นการมาทำงานตามปกติ แต่ผมจำเป็นจะต้องเร่งรัด ให้แล้วเสร็จให้เร็วๆ เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น วันข้างหน้าอาจจะมีการปรับเปลี่ยน พัฒนาไปให้ดียิ่งกว่าเดิมก็ได้ ซึ่งเริ่มไปแล้ว และทำไป ซึ่งเริ่มไปแล้วและทำไปแล้ว วันหน้าก็ทำต่อๆ ไป ไม่ใช่จะเสนอแต่จะให้ยุบองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น มันไม่ได้ พูดมากไป เดี๋ยวมีเรื่องอีก” นายกฯ กล่าว
แม้ว่าจะเน้นย้ำหนักแน่นเพียงใดก็ตาม ว่า “ไม่ได้มาหาเสียง” แต่จังหวะเป้าหมายนั้น มันใช่เลย ปฏิเสธไม่ได้ อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะต้องมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ตามขั้นตอน มีการลงนามอย่างเป็นทางการ แต่นี่ถือว่า “มีภาพจำ” ไปเรียบร้อยแล้ว ว่าเป็นผลงานของพรรคการเมืองใด ซึ่งเชื่อว่าในที่สุดแล้วก็ไม่มีพรรคใดกล้าออกมาขวางแน่นอน
นั่นเป็นเรื่องการขึ้นเงินเดือน อบต. และการยกฐานะขึ้นเป็นเทศบาลพร้อมกันทั่วประเทศ ถือว่าได้คะแนนจากสมาชิกอบต.ทั่วประเทศ เกือบสี่แสนคนไปเต็มๆ ขณะเดียวกัน ที่ถือว่าเป็นงานใหญ่ในเรื่องการอนุมัติ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ชุดใหม่ ที่เริ่มเปิดให้ยืนยันตัวตนกันไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยยอดลงทะเบียนเกือบ 15 ล้านคน แต่ที่ต้องจับตา ก็คือ มีการยืนยันว่าจะเพิ่มให้เป็นคนละหนึ่งพันบาท เป็นการตัดหน้า “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ออกนโยบายพรรคเพิ่มเงินให้เป็นคนละ 700 บาท หรือ “ป้อม 700” ซึ่งที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ก็ยืนยันความเป็นไปได้ เพราะใช้เงินเพิ่มอีกประมาณหมื่นล้านบาท
ดังนั้น หากพิจารณาจากทั้งสองเรื่องดังกล่าว มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะถูกมองว่านี่คือการหาเสียงในช่วงสุดท้าย เป็นช่วงเวลาสำคัญ ก่อนสิ้นสุดรัฐบาลชุดนี้ แล้วไปแข่งขันกันในสนามเลือกตั้ง ขณะที่ฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย หรือว่าพรรคไหนก็ตาม ได้แต่ขบกรามกรอดๆ เพราะนี่เป็นเรื่องหลักๆ แต่ถือว่าได้ไปเป็นกอบเป็นกำ รับไปเต็มๆ !!