xs
xsm
sm
md
lg

“ไตรรงค์” แฉ นักเลือกตั้งบางพรรคสมคบต่างชาติ “ค้ายา-พนันออนไลน์” นำเงินซื้อเสียง “อดีตบิ๊กข่าวกรอง” ชำแหละ วีรกรรม “ส.ส.”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี จากแฟ้ม
สุดเสื่อม! “ไตรรงค์” แฉ นักการเมืองบางพรรค สมคบต่างชาติ “ค้ายา-พนันออนไลน์” แล้วนำเงินจากธุรกิจสีเทาดำมา “ซื้อเสียง” เลือกตั้ง “อดีตรอง ผอ.ข่าวกรอง” ชำแหละวีรกรรม ส.ส. ซัด พวกหนีประชุม ทำสภาล่ม อย่าเลือก

น่าสนใจเป็นอย่ายิ่ง วันนี้ (25 ก.พ. 66) นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า

“#บรรพบุรุษไทยกับยาเสพติด (นานๆ จะเขียนสักที ก็ยาวหน่อย กรุณาอดทนอ่านครับ)

ผมไม่ใช่ลูกผู้ดีมีอันจะกินมาแต่กำเนิด พ่อและแม่มีอาชีพหลัก คือ ทำนาทำสวนแตงโม แม่ไม่เคยเรียนหนังสือ (แม้แต่ชั้นประถมก็ไม่เคยเรียน) อาศัยว่าพ่อเป็นลูกกำนัน (หมื่นสุวรรณคีรีรักษ์) ซึ่งถูกปู่บังคับให้เรียนหนังสือและให้บวชเป็นสามเณรเมื่ออายุครบ 20 ปี ก็ให้บวชใหม่เป็นพระภิกษุ พ่อเป็นคนเรียนหนังสือเก่ง จึงอ่านภาษาบาลีและภาษาขอมได้ พ่อบวชอยู่ประมาณ 20 ปี จนเป็นรองเจ้าอาวาสและรองเจ้าอาวาสคณะอำเภอ เป็นอาจารย์ใหญ่สอนเด็กๆ ให้อ่านออกเขียนได้ (เพราะทั้งอำเภอไม่มีโรงเรียนเลย) และฉวยโอกาสสอนธรรมะแก่เด็กๆ ทั้งที่เป็นสามเณรและไม่เป็นสามเณร ลูกศิษย์รุ่นแรกๆ ของพ่อ ก็คือ ท่านปัญญานันทภิกขุ เป็นต้น

อำเภอสทิงพระ (เมื่อก่อนชื่อจะทิ้งพระ) เป็นอำเภอที่เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน โจรผู้ร้ายชุกชุมมาก พระเพชรคีรีผู้เป็นเจ้าเมือง ซึ่งมีภรรยา คือ แม่แช่ม ลูกสาวพระยาวิเชียรคีรี (ชม) (ซึ่งเป็นญาติของพ่อ) ได้มาขอให้พ่อสึกเพื่อไปเป็นกำนันเพราะกำนันเก่าเกิดเสียชีวิตลง พ่อผมเคยเล่าให้ผมฟังว่า “ในชีวิตของพ่อ พวกคนชั่วที่เป็นภัยของแผ่นดินในอำเภอจะทิ้งพระสมัยก่อนนั้น ก็คือ พวกคนชั่วๆ ใจทรามได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มโจร มีอาชีพลักขโมยวัว ควาย ซึ่งเป็นเครื่องมือทำมาหากินของชาวนาชาวไร่หนักไปกว่านั้นก็คือการปล้นจี้เอาทรัพย์สินเงินทอง บางครั้งก็ถึงกับฆ่าเจ้าของทรัพย์สินที่ขัดขืน บางคนตั้งตัวเป็นผู้มีอิทธิพล โดยฝึกลูกและหลานให้หัดขโมยหัดปล้นและหัดฆ่า ส่วนมากก็จะฆ่าหรือปล้นคนที่ขัดขืนไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจเพื่อสร้างอิทธิพลให้ชาวบ้านหวาดกลัว เมื่อชาวบ้านหวาดกลัวแล้วก็จะใช้วิธีซื้อไก่ หมูและวัว ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ ในราคาถูกๆ ชาวบ้านต้องขายเพราะกลัว แล้วผู้มีอิทธิพลก็จะนำสัตว์เหล่านั้นไปขายในตัวจังหวัดสงขลา ได้กำไรมาก แล้วค่อยนำเงินมาจ่ายให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงในภายหลัง บางคนที่เป็นชาวนาที่ยากจนอ่อนแอ ก็จะถูกชักดาบคือจ่ายให้ต่ำกว่าราคาที่ตกลงกันหรือบางที่ก็ไม่จ่ายให้เสียเฉยๆ ชาวนาจนๆเหล่านั้นก็ได้แต่เช็ดน้ำตา เพราะไม่กล้าแจ้งความ เนื่องจากมี “ความกลัว” ส่วนตำรวจนั้นมีจำนวนน้อยมาก ไม่ถึง 20 คน (สมัยยังเป็นกิ่งอำเภอจะทิ้งพระ) คนที่ชั่วเมื่อทำชั่วครั้งที่1ได้ก็สามารถทำชั่วครั้งที่2ได้อย่างไม่ต้องเกรงศีลธรรมใดๆ ก็คือ การต้มเหล้าเถื่อน และกัญชา แอบขายกันตามหมู่บ้านและในตำบลต่างๆ ตำรวจจะทราบหรือไม่ทราบก็ไม่อยากจะพูดถึงแต่คนที่เป็นกำนันมีญาติมากจะรู้เรื่องนี้หมดทั่วทั้งอำเภอเลยทีเดียว (กลุ่มโจรเหล่านี้กระจายอยู่โดยรอบทะเลสาบสงขลาทั้งอยู่บริเวณพื้นที่จังหวัดสงขลา นครศรีธรรมราช และพัทลุง)

พ่อผมยังสอนผมว่า คนชั่วประเภทนี้ พ่อไม่เคยเห็นใครมีความสุขและมีอายุยืนยาว ไม่ติดคุกติดตารางก็จะถูกลูกหลานของคนที่เคยถูกเอาเปรียบและถูกรังแกมาฆ่าล้างแค้นให้หรือไม่ก็จะถูกเจ้าหน้าที่รัฐ (ทั้งตำรวจและนายอำเภอรวมทั้งกำนัน) ทำวิสามัญฆาตกรรมเมื่อมีคำสั่งมาจากทางจังหวัดหรือทางกระทรวง พ่อบอกว่าประเทศอื่นๆ ก็น่าจะทำเช่นนี้ ดังนั้นถ้าลูกพ่อเป็นคนชั่วก็ให้ไปชั่วประเทศอื่นเพราะในที่สุดก็จะถูกฆ่าอยู่ดี พ่อไม่อยากรับรู้ไม่อยากร่วมเผาศพ ไม่อยากนำกระดูกกลับประเทศเพราะเป็น #อัปมงคล ต่อประเทศความเป็นพ่อลูกต้องเลิกกันอย่างเด็ดขาด

#ประเทศไทยในปัจจุบัน ประเทศไทยอันเป็นที่รักของพวกเราทุกคนเป็นประเทศที่บรรพบุรุษของเราไม่ว่าจะเป็นชาวพิษณุโลก สุโขทัย และชุมชนรอบๆ สุโขทัยในสมัยโบราณ รวมทั้งวีรชนที่นำโดยพ่อขุนผาเมืองจากโคราช (ที่เรียกกันในสมัยโบราณว่า เจ้าเมืองราด) ได้ร่วมกันทำสงครามขับไล่พวกขอมที่ปกครองอยู่ แล้วประกาศตั้งอาณาจักรสุโขทัยที่มีเอกราชไม่เป็นเมืองขึ้นผู้ใด มีพ่อขุนศรีอินทราทิตย์เป็นกษัตริย์ในปี พ.ศ. 1780 ภายหลังอาณาจักรสุโขทัยก็ได้รวมกับอาณาจักรอยุธยา อาณาจักรล้านนาก็ได้เข้ารวมกับอาณาจักรอยุธยา

ภาคใต้ซึ่งเคยมีเอกราชในฐานะเป็นเมืองอิสระหลังจากสหพันธรัฐศรีวิชัยล่มสลาย ก็ได้เข้าร่วมกับ อาณาจักรสุโขทัยด้วยความยินดีปราศจากสงคราม และเมืองสุโขทัยเข้าร่วมกับศรีอยุธยา ภาคใต้ทั้งหมดก็ยินดีเข้าร่วมโดยไม่เคยมีสงครามใดๆ เกิดขึ้น

ราชอาณาจักรอยุธยารอดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกามาได้ ก็เพราะมีวีรชน เช่น สมเด็จพระนางเจ้าศรีสุริโยทัยยอมพลีชีพในสงคราม สมเด็จพระนเรศวรยอมเสี่ยงชีวิตโดยการทำยุทธหัตถี เบื้องหลังวีรชนของชาติแต่ละคน ย่อมมีวีรชนเป็นหมื่นเป็นแสนที่เป็นทหารกล้ายอมพลีเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อแลกกับเอกราชของประเทศ แต่ในที่สุดกรุงศรีอยุธยาก็เสียท่าเสียกรุงเสียเอกราชให้แก่พม่าเมื่อปี พ.ศ. 2310 จนพระเจ้าตากสินมหาราชร่วมกับสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกและเจ้าพระยาสุรสีห์ และวีรชนหลายหมื่นหลายแสนคนสามารถกอบกู้เอกราชกลับมาได้ให้พวกเราได้อาศัยอยู่-กินด้วยความภาคภูมิใจในเอกราชของประเทศมาจนถึงปัจจุบัน (และต้องไม่ลืมบุญคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงใช้พระปรีชาสามารถรักษาเอกราชให้เราได้อาศัยจนถึงปัจจุบันด้วยครับ)

เราคนไทยทั่วทั้งประเทศล้วนเป็นหลานของบรรพบุรุษจำนวนแสนจำนวนล้านที่ได้ร่วมกันเสียสละชีวิตและเลือดเนื้อ ทำสงคราม รบทัพจับศึกปกป้องประเทศเอาไว้ตลอดประวัติศาสตร์ของชาติไทย

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า “ความมีกตัญญูกตเวที เป็นคุณสมบัติของคนดี” คนไทยส่วนใหญ่เป็นคนดีมีกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณเสมอ เราจึงต้องตอบแทนบุญคุณต่อวิญญาณของบรรพบุรุษเหล่านั้นให้ได้ ก็โดยการไม่สนับสนุนนักการเมืองเลวและพรรคการเมืองชั่ว (อาจดูสวยภายนอกแต่ชั่วภายใน) เพราะปัญหาการบ่อนทำลายความมั่นคงและสันติภาพของประชาชนในชาติที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมักแตกต่างกันมากกับปัญหาการบ่อนทำลายและความสงบสุขของประชาชนที่เกิดขึ้นกับประเทศเมื่อ 70 ปีที่แล้ว อย่างที่ผมยกตัวอย่างให้ฟังในกรณีของอำเภอสทิงพระ (หรือกิ่งอำเภอจะทิ้งพระเก่า) จังหวัดสงขลา

ปัจจุบันนี้ ปัญหาที่รุกรานประเทศของเรากลับเป็นศัตรูตัวใหม่ที่มิใช่มหาอำนาจนักล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก แต่เป็นยาเสพติดและของผิดกฎหมายอื่นๆ เช่น การพนันออนไลน์ เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นและคงอยู่ได้ก็เพราะทั้งคนไทยและต่างชาติร่วมมือกันให้มันเกิดขึ้น ต่างชาติมีทั้งจีน ลาว พม่า เขมร รัสเซีย และไนจีเรีย เป็นต้น ทำไมคนพวกนี้จึงกล้ามาทำชั่วและทำผิดกฎหมายบั่นทอนความมั่นคงของชาติได้ ก็คงเพราะอย่างที่นายตู้ห่าวเคยพูดว่า “มีเงินเสียอย่างอะไรๆ ก็สามารถซื้อได้ทำได้ในประเทศไทย” ซึ่งก็เป็นจริงหลายอย่างที่มันพูด เพราะประเทศไทยเต็มไปด้วยข้าราชการชั่วและนักการเมืองเลวที่คอยให้ความสะดวก และคุ้มครอง ธุรกิจเทาดำเหล่านี้จึงเกิดและเจริญกว้างขวางยิ่งขึ้นมาก ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาแพร่กระจายจากเหนือสุดใต้ ตะวันตกสุดตะวันออก ไม่ต้องพูดถึง กทม. ซึ่งเป็นศูนย์กลางของธุรกิจชั่วนี้มากที่สุด ต่างจังหวัดจะมีบ้างเท่าที่เป็นข่าวก็คืออาณาจักรการค้ายาเสพติดของ “โทนี่ เตียว” ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ตำบลด่านนอก อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา (หมายเหตุ : ขอขอบคุณ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ผมเห็นว่าดีและมือสะอาดที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ได้ออกมาประกาศจะปฏิรูปตำรวจเมื่อปราบตำรวจชั่วที่เข้าไปเกี่ยวข้องและคุ้มครองธุรกิจผิดกฎหมายเชื่อผมเถอะตำรวจที่ดีมีมากกว่าตำรวจที่ชั่วอยู่แล้ว ถ้าทุกฝ่ายมีความจริงจังจริงใจในการปราบปราม บ้านเมืองคงดีขึ้นอย่างแน่นอน)

ปัญหาของชาติในปัจจุบัน ก็คือ #มีนักการเมืองของบางพรรคได้แอบร่วมกันกับต่างชาติในการค้ายาเสพติดและการพนันออนไลน์ แล้วนักการเมืองเหล่านั้นก็นำเงินสกปรกที่ได้มาเข้าไปใช้ในพรรค มีการเชื่อมต่อเพื่อนำเงินชั่วเข้าพรรคอยู่หลายวิธี เช่น ผู้ใหญ่เจ้าของพรรคทำหมู่บ้านจัดสรรขายให้พวกค้ายาเสพติดเพื่อฟอกเงิน โดยขายในราคาแพงเกินจริงเพื่อทำกำไรส่วนนี้มาใช้ในการซื้อเสียงในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น หรือบางพรรคก็มีบุคคลสำคัญของพรรคเป็นตัวเชื่อมนำเงินสกปรกเหล่านี้ส่งให้หัวหน้าพรรคก็จะใช้เงินพวกนี้ในการซื้อความภักดีของส.ส.ของพรรค เชื่อไหมว่า อ้ายที่บางคนไม่ยอมย้ายพรรคกันไม่ใช่มีอุดมการณ์อะไรหรอก แต่เพราะเกิดอาการเสพติดจากเงินค้ายาเสพติด (และเงินที่ได้จากรัฐมนตรีของมันโกงกันมา) ที่มีการแจกกันเป็นประจำทุกๆเดือนนั้นแหละ

เราคนไทยที่ต้องการตอบแทนบุญคุณต่อวิญญาณของบรรพบุรุษที่เสียสละเลือดเนื้อและชีวิตปกป้องแผ่นดินนี้ไว้ให้เรา ก็สามารถจะกระทำได้โดยการร่วมกันไม่สนับสนุนนักการเมืองเลว ข้าราชการชั่ว และพรรคการเมืองอุบาทว์ในคราบของนักบุญ ในเดือนพฤษภาคมปีนี้จะมีการเลือกตั้งทั่วไป เราคนไทยต้องร่วมกันลงโทษ นักการเมืองเลว และพรรคการเมืองชั่ว (เฉพาะที่แอบสนับสนุนคุ้มครองธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ) เราต้องไม่เลือกพรรคมันเพื่อป้องกันมิให้พวกมันสามารถใช้เงินสกปรกจากธุรกิจเทา-ดำ (เช่นการค้าเฮโรอีนและยาบ้า) มาซื้ออำนาจรัฐเพื่อขอเป็นรัฐบาลบริหารประเทศอย่างเด็ดขาด

เชื่อเถิดครับ วิญญาณของบรรพบุรุษจะต้องขอบใจและขอบคุณที่พวกเราซึ่งเป็นลูกหลานของท่านได้ช่วยกันกอบกู้ชาติเอาไว้ให้พ้นภัยมิให้ล่มจมลงไปกว่านี้จากอิทธิพลของยาเสพติด มิฉะนั้น วิญญาณของบรรพบุรุษของเราก็มีสิทธิจะด่าเราว่า #อ้ายลูกหลานจัญไร”

ภาพ นายนันทิวัฒน์ สามารถ จากแฟ้ม
ขณะเดียวกัน นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า

“พวกหนีประชุมสภา อย่าเลือกมัน

ใกล้จะหมดอายุสภาแล้ว จะต้องมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ อยากฝากคนไทยให้จดจำวีรกรรม ความจริงน่าจะเรียกวีรเวรของบรรดาเหล่า ส.ส.

หนีประชุมสภา ทำสภาล่ม ไม่เข้าประชุมสภา แต่พอจะเลือกตั้งมายกมือไหว้ประชาชนขอกลับเข้าไปเป็น ส.ส.อีก คนเหล่านี้ เป็นคนหน้าด้าน มีหน้าที่ไม่ทำ แต่ขอกลับเข้าไปเสวยสุขในสภา

เป็นทหารต้องจับอาวุธต่อสู้กับศัตรู หันหลังให้ข้าศึก หนีการต่อสู้. หนีสงคราม เท่ากับละทิ้งหน้าที่ หลบอริราชศัตรูซึ่งหน้า ท่านว่าให้ฆ่าได้

เมื่อไม่มีสภา. นักการเมืองมักจะพูดเสมอๆว่า มีอะไรให้ไปพูดกันสภา แต่เอาเข้าจริง สภามีไว้ให้คนพวกนี้เล่นเกมการเมือง สารพัดข้ออ้างที่จะไม่เข้าประชุมสภา อ้างหน้าด้านๆ ว่า องค์ประชุมสภาเป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลที่จะต้องเกณฑ์ ส.ส.มาเข้าประชุม หากคิดกันอย่างนี้ ไม่ต้องมีสภาก็คงได้ อยากเป็นแต่รัฐบาล ไม่อยากเป็นฝ่ายค้าน

นักการเมืองพูดว่าข้าราชการบำนาญเหมือนช้างป่วยเสียดายเงินภาษีที่ต้องจ่ายเป็นเงินเดือนให้ข้าราชการบำนาญ แต่คนไทยรู้หรือไม่ ส.ส.ทุกคนได้รับบำนาญเหมือนกัน เป็น ส.ส.เพียงสองปีจะได้รับบำนาญสองหมื่นกว่าบาท แต่ข้าราชการต้องทำงานนานถึง 25 ปี ถึงจะมีสิทธิได้รับบำนาญ และบำนาญที่ได้ น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของเงินเดือนเดือนสุดท้ายที่ได้รับอยู่ ใครคือช้างป่วยตัวจริง ใครคือคนที่สูบเลือดประชาชนกันแน่ ใครที่เสียสละ อุทิศตัวเพื่อประชาชน ใครที่เอาเปรียบ ใครที่เอาแต่ได้ตัวจริง

จำไว้เลยใครที่เคยหนีประชุมสภา ใครที่ทำสภาล่ม ใครที่ไม่ทำงานแต่กินเงินเดือน กินบำนาญ ส.ส.โดยไม่ทำงาน อย่าไปเลือกมัน”

แน่นอน, ใกล้เลือกตั้งเข้ามาทุกที หลากหลายความคิดเห็นของ “กูรู” ผู้มีประสบการณ์และใกล้ชิดแวดวงการเมืองทั้งหลาย ต่างให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชน

โดยเฉพาะพรรคการเมืองบางพรรค นักการเมืองบางคนบางกลุ่ม ที่มีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ หรือ มีข่าว มีข้อมูลพัวพันกับธุรกิจสีเทา สีดำ เป็นเรื่องที่คนไทยจะต้องมีการทบทวน ไต่ตรองให้รอบคอบ ว่า ควรมอบความไว้วางใจให้เข้ามายึดกุมอำนาจรัฐ และเป็นผู้แทนฯหรือไม่

เพราะถ้าตัดสินใจผิดพลาด สิ่งที่เกิดขึ้นตามมา อาจเสียหายใหญ่หลวงเกินกว่าที่คาดคิดก็เป็นได้ ใครจะรู้!?


กำลังโหลดความคิดเห็น