xs
xsm
sm
md
lg

เตือน “ชูวิทย์” แฉรถไฟฟ้าสีส้ม อย่ารับข้อมูลมั่วและตกเป็นเครื่องมือใคร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สนธิ” เตือน “ชูวิทย์” ระวังอย่าตกเป็นเครื่องมือใครในช่วงกำลังฮ็อต ชี้ประมูลรถไฟฟ้าสีส้มเป็นเรื่องปกติของการประมูลงานภาครัฐ เอกชนที่เข้าร่วมมีทั้งผู้สมหวังและผิดหวัง ระบุที่ต้องเปลี่ยน TOR มีสาเหตุ และไม่ทำให้ใครได้เปรียบเสียเปรียบ “อินชอน-อิตาเลี่ยนไทย” ยังเข้าร่วมประมูลได้ เรื่องเงินทอน 3 หมื่นล้านอย่าอ้างลอยๆ ตีกินข้างเดียว แนะไล่แฉตำรวจทุจริต-ทุนสีเทา ตามถนัดดีกว่า มาแตะเรื่องที่ไม่เคยพูดเดี๋ยวคนสงสัยว่ารับงาน

ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ไปยื่นร้องเรียนปัญหาการทุจริตถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา


โดยในวันดังกล่าวมีคนทำงานใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ คือ นายหิมาลัย ผิวพรรณ หรือ เสธ.หิ ออกมาเชินายชูวิทย์เข้าทำเนียบฯ หลังจากนั้นนายชูวิทย์ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ได้พูดคุยกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกฯ และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งได้ต่อสายคุยกับนายกฯ เรียบร้อย มีข้อสรุปว่าจะทำลายคอร์รัปชันให้ได้

ทั้งนี้ นายชูวิทย์ได้ร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องคอร์รัปชัน ข้อแรกคือเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งวางขายและสูบก็เสียเงิน ข้อที่สอง การพนันออนไลน์ ซึ่งมีผลกระทบกับคนทุกวัย กรณีของสารวัตรซัว ที่พบแล้ว เซ่นเงินไปเป็นหมื่นล้าน จึงเป็นปัญหาว่าทำไมให้ตำรวจมาเป็นนายบ่อนได้ กรณีพนันออนไลน์ นายชูวิทย์อธิบายว่ มันมีไซส์ S, M, L และ XL

เรื่องที่สาม นายชูวิทย์พูดถึงเรื่องกรมอุทยานแห่งชาติฯ มีปัญหา ต้องจัดการแก้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อผิดพลาดในเรื่องของการที่มีการคอร์รัปชันโดยอธิบดี ซึ่งได้ถูกพิสูจน์กันเรียบร้อยแล้ว และเรื่องส่งไปที่ ป.ป.ช. แล้ว

ข้อที่สี่ คือการฮั้ว นายชูวิทย์เข้ามาแตะในเรื่องซึ่งนายชูวิทย์ไม่เคยพูดเลย เพิ่งจะมาพูดครั้งนี้เป็นครั้งแรก คือเรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้ม และอ้างว่ามีเงินตกหล่นอยู่สามหมื่นล้าน ทั้งหมดเป็นเรื่องคอร์รัปชันที่นายชูวิทย์อยากจะมาขอความชัดเจน เพราะคิดว่านายกฯ เป็นคนสุจริต อยากให้ทำเรื่องนี้ให้ชัดเจน โปร่งใส

เตือน “ชูวิทย์” อย่าตกเป็นเครื่องมือใคร

นายสนธิ กล่าวว่า ตนได้เดินแนวทางการต่อสู้ วิ่งสู้ฟัดเกี่ยวกับประเด็นการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นชัดเจนแล้ว ผ่านรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ไม่ว่าจะเป็นกรณีเสี่ยโป้ หลงจู๊สมชาย นายบอส อยู่วิทยา ผู้กำกับโจ้ถุงดำ ตู้ห่าว ทุนจีนสีเทา การทุจริตในกรมอุทยานฯ รวมถึงการพนันออนไลน์ ที่ในประเทศไทย ก็มีแค่ตนกับนายชูวิทย์ และสื่อสังคมออนไลน์อีกบางส่วนเท่านั้น ที่กล้าออกมาเปิดโปงอาชญากรรมอย่างพนันออนไลน์ที่แผ่ขยายอิทธิพลไปทุกวงการ

อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นเพื่อนรุ่นพี่ของนายชูวิทย์ และทำวิชาชีพสื่อมวลชนมากว่าห้าสิบปี มีประเด็นที่อยากจะเตือน ให้ข้อคิดแก่นายชูวิทย์ในการแฉ เปิดโปงเรื่องเหล่านี้ ว่า มีเรื่องที่นายชูวิทย์ต้องระวังให้มากๆ เพราะภาพรวมตอนนี้ นายชูวิทย์ต้องรู้ว่าเป็นการฟาดฟันกันระหว่างกลุ่มคนรอบตัว “ลุงตู่” และกลุ่มคนรอบตัว “ลุงป้อม” โดยใช้ลูกน้องออกมาฟาดฟันกัน จึงอยากจะเตือนว่าอย่าตกเป็นเครื่องมือของใคร


“คุณชูวิทย์ไปหานายกฯ ทีไร ไม่ว่าจะเป็นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ หรือที่ทำเนียบรัฐบาล ก็จะมี "เสธ.หิ" คุณหิมาลัย ผิวพรรณ หรือมีคนอย่างคุณวรัญชัย โชคชนะ ยืนอยู่ข้างๆ พอพูดเสร็จ คนโน้นคนนี้ลงมาจัดการ กรณีนี้คุณพีระพันธุ์ หัวหน้าพรรคฯ เลขาธิการนายกฯ ก็ลงมาจัดการ คุณชูวิทย์ต้องระวังว่า คนจะมองว่าคุณมีนอกมีในกับคนพวกนี้หรือเปล่า


“ที่สำคัญ คุณชูวิทย์ ช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อการเลือกตั้งใหญ่ ที่กำลังจะยุบสภาฯ ภายในเดือนหน้า คือมีนาคมนี้ คงมีการจัดการให้มีการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคม เรื่องเหล่านี้คุณชูวิทย์ต้องระวังให้มากๆ เดี๋ยวจะกลายเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะขณะนี้สายลุงตู่ กับสายลุงป้อม ฟาดฟันกันอย่างหนัก”

นายสนธิกล่าวอีกว่า มีคนตั้งข้อสังเกตว่า "สารวัตรซัว" ซึ่งนายชูวิทย์จะเอาให้ตาย ซึ่งตนเห็นด้วยว่าเอาให้ตายเลย คนอย่างนี้ไม่ควรจะเก็บไว้ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่มีคนติงมาว่า ทำไมทีเรื่องของนายอุปกิต ปาจรียางกูร ส.ว.ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น นายชูวิทย์ ไม่พูดถึงเลย นี่เป็นคำพูดที่คนอื่นเขาฝากให้นายชูวิทย์ ไม่ได้หมายความว่าตนจะกล่าวหานายชูวิทย์

ตอนนี้นายชูวิทย์กำลังไปได้ดี เรื่องที่ออกมาแฉคนชั่ว คนเลว ทั้งทุนสีเทา พนันออนไลน์ ที่เป็นการช่วยเหลือชาวบ้าน แบบนี้ควรปรบมือให้ แต่มีประเด็นหนึ่งที่นายชูวิทย์หนีบเข้ามาแถลงด้วย มีอะไรผิดปกติมาก นั่นคือการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม


“คุณชูวิทย์ครับ เรื่องนี้สำหรับผมแล้วเป็นเรื่องเอกชน การพูดจาอะไรต้องระวัง เพราะว่าในการประมูลของภาครัฐทุกครั้ง ทุกรอบ ทุกยุค ทุกสมัย ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มีทั้งเอกชนที่สมหวังและผิดหวัง มีคนได้ มีคนเสีย ผมเกรงว่าจะมีคนกล่าวหาคุณชูวิทย์รับงานมา ว่า พอคุณชูวิทย์เริ่มดังขึ้นมา ก็เริ่มรับงานร้องเรียนที่เกี่ยวกับประเด็นปัญหาการประมูลที่เป็นคู่แข่งระหว่างเอกชนกับเอกชน”

ข้อเท็จจริง สาเหตุต้องเปลี่ยน TOR

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ในการประมูลงานนั้น มีกรอบของการประมูลหลายๆ อย่าง ซึ่งจะต้องมีความโปร่งใส ถ้าไม่โปร่งใสก็จะต้องมีการร้องเรียนกัน มีการฟ้องศาลปกครอง แล้วคำพิพากษาของศาลปกครองเป็นอย่างไรก็ว่ากันไปตามนั้น หรือบางเรื่อง ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐเอื้อเอกชนคนไหนแล้วมีข้อผิดพลาด ก็จะมีการฟ้องร้อง ป.ป.ช. ไป นี่คือระบบที่เกิดขึ้น

แต่นายชูวิทย์พยายามอุปมาอุปไมยว่าปัญหาที่เกี่ยวกับเรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้มนั้นมีอยู่ 5 สถานี คือ ข้อแรก สถานีโกง คือการปรับเปลี่ยน TOR ทั้งที่เปิดขายซองประกวดราคาไปแล้ว รูปแบบเดิมเป็นการให้คะแนนค่าก่อสร้าง เงินตอบแทนที่ รฟม.ต้องคืนให้เอกชน เปลี่ยนเป็นการให้คะแนนค่าก่อสร้าง + คะแนนเทคนิค ทำให้จากที่ต้องจ่ายรัฐเจ็ดพันกว่าล้าน กลายเป็นรัฐต้องจ่ายเจ็ดหมื่นกว่าล้าน

ในข้อเท็จจริง รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกเปลี่ยนหลักเกณฑ์ประเมิน TOR เป็นตัดสินด้วยคะแนนรวมด้านเทคนิค + การเงิน คือ เทคนิค 30 เปอร์เซ็นต์ การเงิน 70 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้เอกชนให้ความสำคัญกับเทคนิคการก่อสร้างและการเดินรถควบคู่กับเงินที่ขอรัฐสนับสนุน ไม่อย่างนั้นจะเกิดการฟันราคากันโดยไม่คำนึงถึงคุณภาพงาน ทำให้ก่อสร้างไม่ปลอดภัยกับประชาชน และทำให้สถานที่สำคัญในเกาะรัตนโกสินทร์ชั้นใน เช่น ถนนราชดำเนิน สนามหลวง สะพานพระปิ่นเกล้า หรืออาจจะรวมถึงพระบรมมหาราชวัง และวัดพระแก้ว ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่สำคัญ มีโบราณสถานอายุนับหลายร้อยปี เกิดความเสียหายได้


“เรื่องนี้ผมเคยพูดมาแล้วตั้งแต่ปี 2564 สองปีที่แล้ว รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 78 ออกอากาศในวันศุกร์ที่ 26 มีนาคม 2564 แต่คุณชูวิทย์ไม่เคยสนใจ ไม่เคยมีข้อมูลมาก่อน จู่ๆ คุณก็เกิดการให้ความสนใจขึ้นมาทันที


“เรื่องหลักๆ มันเป็นอย่างนี้ครับ มีภาคประชาชน NGO หลายคนเข้ามาหาผม แล้วก็บอกว่าเขาเป็นห่วงในเรื่องของรถไฟฟ้าสายสีส้มที่ TOR แรกนั้น เน้นเรื่องใครให้รัฐได้มากที่สุด คนนั้นจะชนะไป เขาบอกว่า ถ้าเอาเงินเป็นตัวตั้งนำทางไป ในที่สุดแล้วเอกชนที่ไม่มีเทคนิคที่ดีก็จะชนะไป แล้วก็จะก่อให้เกิดความเสียหายได้ เมื่อเวลาก่อสร้างขึ้นมา แล้วทำให้โบราณสถานเสียหายหลายแห่ง ใครจะรับผิดชอบ ผมก็เลยบอกเขาว่าให้เขาไปร้องเรียนกับ รฟม. แล้วเขาก็ไปร้องเรียนกับ รฟม. และในที่สุด รฟม. ก็เห็นด้วย ก็เลยเอาเรื่องของเทคนิคนำหน้า ก็คือทุกคนต้องผ่านเงื่อนไขเทคนิคก่อน เมื่อผ่านไปแล้ว ก็สามารถที่จะมาต่อสู้กันในเรื่องของผลประโยชน์รายได้ที่ รฟม. จะได้ นั่นคือที่มาของการเปลี่ยน TOR เพราะ TOR สมัยก่อนหน้านั้นจะเป็น TOR ที่เน้นว่าใครให้รัฐมากที่สุด เทคนิคจะเป็นอย่างไร ไม่สนใจ”

นายสนธิกล่าวอีกว่า อีกประการหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การประเมิน ไม่ทำให้เอกชนรายใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบ เพราะว่าการเปลี่ยนวิธีประเมินผู้ชนะ ให้เอกชนทุกรายให้ความสำคัญกับทางด้านเทคนิค พูดง่ายๆ ว่า เอกชนคนไหนถ้าไม่มีเทคนิค ก็ไปเอาคนข้างนอก หรือบริษัทข้างนอกที่มีเทคนิค เข้ามาร่วมประมูล เมื่อประมูลเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขายังขยาย TOR ให้เพิ่มอีก 45 วัน เพื่อให้เอกชนมีเวลาที่จะไปเอาเจ้าต่างๆ มาร่วมทุนกัน มีบริษัท อินชอน จากเกาหลีใต้มาร่วมกับอิตัลไทย ก็เข้าประมูล ถ้าผ่านเทคนิคแล้ว จะเป็นใครก็ตาม ขอให้เทคนิคผ่านไปได้ ก็สามารถที่จะเจรจาในเรื่องของค่าตอบแทนให้ รฟม. แล้วก็ชี้ไปเลยว่าใครควรที่จะได้


ถ้าเอาราคาถูกอย่างเดียว เอกชนที่เอาเงินเป็นตัวตั้งว่าสามารถสร้างได้ในราคาถูก แต่สุดท้ายทำงานไม่สำเร็จ ขุดไป ก่อสร้างไป ทำให้สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติเสียหาย ซึ่งเมื่อเสียหายแล้ว ไม่สามารถจะซ่อมแซมเอากลับคืนมาได้เหมือนเดิม

“เพราะฉะนั้นแล้ว ข้อหนึ่งที่คุณชูวิทย์พูดมา นั่นคือคำชี้แจง ผมไม่ได้มีหน้าที่มาแก้ตัวให้ใคร แต่ผมคิดว่าสำคัญมากในเรื่องข้อเท็จจริง เพราะว่า อย่างที่ผมเรียนให้ทราบ คุณชูวิทย์กล่าวหา 5 ข้อ แบบชกข้างเดียว ตอนนี้ทางเอกชนที่ได้เข้ารอบเขาก็ตอบโต้กลับมาบ้าง เพราะฉะนั้น "สถานีโกง" ข้อแรก การปรับเปลี่ยน TOR ผมชี้แจงไปแล้ว”นายสนธิกล่าว

เปลี่ยนหลักเกณฑ์ ไม่มีเอกชนรายใดได้เปรียบ-เสียเปรียบ

ข้อที่สอง นายชูวิทย์บอกว่า "สถานีทุจริต" มีการร้องศาลปกครองในขั้นต้น ไม่ให้เปลี่ยนหลักเกณฑ์ แต่จริงๆ แล้วได้มีการประชุมในศาลปกครอง มีการฟ้องศาลปกครองในเรื่องนี้ แล้วศาลปกครองประชุมชั้นสูงสุด แล้วมีมติ 27 ต่อ 23 อนุญาตให้เปลี่ยนหลักเกณฑ์ได้ ซึ่งจริงๆ แล้ว รฟม.ไม่ได้เปลี่ยนหลักเกณฑ์โดยพลการ เมื่อมีคนที่สูญเสียผลประโยชน์ไปฟ้องศาลปกครอง ศาลปกครองก็อธิบายให้ฟัง

“คุณชูวิทย์ครับ การเปลี่ยนหลักเกณฑ์ประเมิน ไม่ได้ทำให้เอกชนรายใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบ เพราะไม่ได้มีการเปลี่ยนคุณสมบัติประสบการณ์ผลงาน แต่เขาเปลี่ยนวิธีประเมินผู้ชนะ ให้เอกชนทุกรายให้ความสำคัญกับข้อเสนอด้านเทคนิคก่อน ว่ามีความสามารถทางเทคนิคสูง ที่จะทำให้การขุดเจาะอะไรก็ตาม ไม่ทำให้โบราณสถานเสียหาย แล้วก็รวมค่าการเงินอย่างเต็มที่ควบคู่กัน เพื่อป้องกันการฟันราคาที่เน้นเอาราคาถูกอย่างเดียว แต่สุดท้ายทำงานไม่สำเร็จ ขุดไป ก่อสร้างไป ทำให้เรื่องราวต่างๆ สถานที่ต่างๆ เสียหาย นี่ก็คือข้อที่สองของคุณชูวิทย์”นายสนธิ กล่าว


ข้อที่สาม "สถานีฮั้ว" นายชูวิทย์บอกว่า ในการกำหนด TOR รอบใหม่ หลังจากการประกวดราคาครั้งแรกถูกล้มไปนั้น มีการปรับ TOR ใหม่ให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น เพื่อให้บางบริษัทได้เข้าหลักเกณฑ์เพียงบริษัทเดียว

“คุณชูวิทย์ ต้องระวังหน่อยนะครับ ที่คุณชูวิทย์อ้างว่ามีการร้องศาลปกครองในข้อหาข้อที่สอง ชั้นต้น ไม่ให้เปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ แต่คุณชูวิทย์รู้มาว่า เมื่อ รฟม. ได้ยื่นอุทธรณ์เรื่องนี้ไปที่ศาลปกครองสูงสุด คุณชูวิทย์ก็รู้มาว่ามีมติ 27 ต่อ 23 ให้เปลี่ยนหลักเกณฑ์ได้ เพราะคุณชูวิทย์บอกว่ามันมีการทุจริต จ่ายเงินกัน


“เรื่องของเรื่องมันคืออย่างนี้ครับ คุณชูวิทย์ ด้วยความเคารพรุ่นน้อง BTS ฟ้องศาลปกครองชั้นต้นว่า การเปลี่ยนหลักเกณฑ์การประเมินใน TOR ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเมิดต่อ BTS ศาลชั้นต้นตัดสินว่า การเปลี่ยนหลักเกณฑ์ประเมินไม่ได้ละเมิดต่อ BTS แต่ทำผิดขั้นตอน ไม่ได้รับฟังความเห็นเอกชน จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือก ได้อุทธรณ์ไปที่ศาลสูงว่า การเปลี่ยนหลักเกณฑ์ประเมิน ชอบด้วยกฎหมาย เพราะกฎหมายไม่ได้กำหนดว่าการเปลี่ยนหลักเกณฑ์ต้องไปรับฟังความเห็นเอกชนก่อน ปัจจุบัน ตอนนี้รอคำพิพากษาอยู่

“การที่คุณชูวิทย์บอกว่ารู้คำพิพากษาว่ามีมติ 27 ต่อ 23 และบอกว่ามีการทุจริต ทำท่าวิ่งว่าวิ่งศาล ก็ต้องถามว่า แล้วคุณชูวิทย์รู้ได้อย่างไร ศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษาเลย การเอาข้อมูลในศาลมาพูดแล้วบอกว่าทุจริต ทั้งๆ ที่ไม่มีหลักฐาน น่าจะเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาล คุณชูวิทย์ต้องระวังนะครับ ต้องรับผิดชอบต่อคำพูดตัวเอง และศาลควรดำเนินคดี ไม่ปล่อยให้เป็นเยี่ยงอย่าง นี่คนข้างนอกเขาพูดกันนะ ไม่ใช่ผมพูดนะ”


นายสนธิกล่าวอีกว่า ที่แปลกคือ การพูดลักษณะนี้น่าจะมีเจตนาแอบแฝงเพื่อกดดันศาลสูงไม่ให้กล้าตัดสินว่าการเปลี่ยนหลักเกณฑ์ประเมินชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการสมประโยชน์ให้กับ BTS และข้อเท็จจริง BTS ไม่ได้ยื่นประมูล ทั้งที่เข้าประมูลได้ โดยอ้างว่าการประมูลไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่กลับเอาตัวเลขที่อ้างว่าเสนอให้รัฐได้ดีกว่าผลประมูลมาเปิดเผย เพราะฉะนั้นแล้ว เรื่องนี้ต้องระวังให้ดีๆ ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน

ข้อกล่าวหาข้อที่สาม คุณชูวิทย์บอกว่า "สถานีฮั้ว" ในกระบวนการกำหนด TOR รอบใหม่หลังจากที่การประกวดราคาครั้งแรกถูกล้มไป มีการปรับ TOR ใหม่ให้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น เพื่อให้บางบริษัทเข้าหลักเกณฑ์ได้เพียงบริษัทเดียว

อินชอน-อิตาเลียนไทย ร่วมประมูล ชี้ชัด TOR เปิดกว้าง

ข้อกล่าวหาข้อที่สาม รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกได้ชี้แจงแล้วว่า การกำหนดคุณสมบัติใน TOR สำหรับการประมูลใหม่นั้น เป็นไปอย่างเหมาะสม เขาเปิดกว้างให้มีการแข่งขันอย่างเต็มที่ ผู้รับเหมาก่อสร้าง ทั้งไทยและต่างประเทศ สามารถเข้าร่วมได้ ผู้เดินรถ Operator ทั้งและต่างประเทศก็สามารถเข้าร่วมได้ ต่างกับการประมูลครั้งแรกที่กำหนดให้ต้องเป็นผู้เดินรถในประเทศไทย ซึ่งมีแค่ BEM, BTS และบริษัท แอร์พอร์ต เรลลิงก์ โดยถ้าเป็นผู้รับเหมาหรือผู้เดินรถต่างประเทศ ต้องร่วมกับบริษัทไทยในการยื่นประมูล เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการไทยและเศรษฐกิจไทย


ในการประมูลครั้งใหม่นั้น บริษัท Incheon Transit Corporation ซึ่งเป็นผู้เดินรถจากประเทศเกาหลีใต้ เข้าร่วมประมูลด้วย โดยร่วมกับบริษัท อิตาเลียนไทย แสดงว่า TOR เปิดกว้าง ไม่ได้ปิด เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัดว่าการกำหนดหลักเกณฑ์ TOR ในการประมูลครั้งใหม่ ไม่ได้เจาะจงเฉพาะให้เข้าหลักเกณฑ์เพียงบริษัทเดียว ตามที่นายชูวิทย์กล่าวอ้าง แต่เปิดกว้างให้ผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศเข้ามาร่วมแข่งขันได้ ส่วนการที่ BTS ไม่เข้าประมูลทั้งๆ ที่เข้าประมูลได้ ก็เป็นเรื่องของ BTS แล้วถ้า BTS เข้าร่วมประมูลไม่ได้แล้ว บริษัท Incheon Transit Corporation จะเข้าร่วมประมูลได้อย่างไร

เงินทอน 3 หมื่นล้าน พูดลอยๆ ตีกินข้างเดียว

ข้อกล่าวหาข้อที่สี่ นายชูวิทย์ มี "สถานีเงินทอน" พบว่าสามหมื่นล้านบาท ไม่รู้ว่าเข้ากระเป๋าใคร พบว่ามีการโอนเงินโอนทองไปสิงคโปร์ ผ่านธนาคาร HSBC นายชูวิทย์บอกว่ามีเลขบัญชี แต่ไม่บอก

“คุณชูวิทย์ครับ เราอยู่ในวงการนี้กันมานานแล้ว ผมไม่จำเป็นต้องเตือนคุณหรอก แต่การที่คุณพูดเช่นนี้ว่ามีเงินทอนสามหมื่นล้านบาทเข้าไปที่สิงคโปร์ คุณชูวิทย์ต้องเอามาเปิดเผย คุณอย่าไปพูดลอยๆ แบบนี้ เอาสนุก ปรักปรำไปเรื่อยว่าคนอื่นทุจริต คุณชูวิทย์ต้องรับผิดชอบนะ เพราะเดี๋ยวคนอื่นก็จะบอกว่าคุณชูวิทย์ก็รับเงินรับทองเขามาเหมือนกัน เพื่อมาหาทางล้มประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม แล้วถ้าเกิดมีใครออกมาพูดว่าคุณชูวิทย์รับเงินไปแล้ว มีเงินโอนเข้าไปที่เคย์แมนไอส์แลนด์ จำนวนหมื่นล้าน สองหมื่นล้าน คุณชูวิทย์ครับ อย่างนี้ใครๆ ก็พูดได้ ใครๆ ก็กล่าวหาใครๆ ได้เหมือนกัน ซึ่งนี่ผมคิดว่าไม่ดี ถ้าคุณชูวิทย์มั่นใจในข้อมูล เอาตัวเลขมาเปิดกันเลย เอาชื่อ เอาเบอร์บัญชีมาเปิดให้เห็นชัดเจนกันเลยดีกว่า อย่าอมพะนำเอาไว้อย่างนั้น ไม่ถูกต้อง เพราะถ้าอมพะนำไปอย่างนั้นแล้ว เป็นการตีกินข้างเดียว เดี๋ยวคนเขาจะว่าคุณชูวิทย์รับงานมา ซึ่งผมไม่เชื่อว่าคุณชูวิทย์รับงานมา แต่ผมเป็นห่วงคุณชูวิทย์”


ข้อที่ห้า นายชูวิทย์บอกว่าเป็น "สถานีปลิว" ประมูลครั้งใหม่ กำหนดหลักเกณฑ์ใหม่ ต้องเคยเป็นคู่สัญญากับรัฐบาลไทยเท่านั้น จึงเหลือแค่บริษัทเดียว แต่ในข้อเท็จจริง รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้กำหนดหลักเกณฑ์ TOR ในการประมูลครั้งใหม่ เปิดกว้างให้มีการแข่งขันอย่างเต็มที่ ผู้รับเหมาก่อสร้าง ผู้เดินรถ ทั้งไทยและต่างประเทศสามารถเข้าร่วมประมูลได้ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประมูลได้หลายรายนายชูวิทย์เอาข้อมูลมาจากไหนว่าเข้าได้แค่บริษัทเดียว น่าจะเป็นข้อมูลที่คนให้มาพูดป้อนข้อมูลเพื่อทำให้ รฟม.ดูเสียหาย

“ถ้าเป็นอย่างที่คุณชูวิทย์พูด อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ และ Incheon Transit Corporation เข้าร่วมประมูลได้อย่างไร แล้วที่เป็นเหตุผลสนับสนุนชัดเจนคือ BTS ได้ฟ้องศาลปกครองชั้นต้นให้คุ้มครองชั่วคราวระงับการประมูลใหม่ ศาลปกครองฯ มีคำสั่งยกคำร้อง ไม่คุ้มครอง เพราะคณะกรรมการคัดเลือกฯ มีอำนาจกำหนด TOR และ TOR การประมูลครั้งใหม่ก็เปิดกว้างให้เอกชนเข้าแข่งขันมากขึ้น โดยที่เอกชนที่ไม่มีคุณสมบัติครบทุกด้าน สามารถร่วมกันเพื่อเข้าร่วมประมูลได้ หรือไปเอาบริษัทต่างชาติที่มีเทคนิค สามารถเข้ามาร่วมกับเอกชนได้


“เพราะฉะนั้น คุณชูวิทย์ครับ ไม่ได้เป็นการกีดกัน BTS ส่วน BTS ไม่ได้เข้าประมูลเพราะหาผู้รับเหมาก่อสร้างเข้าร่วมไม่ได้ ก็เป็นเรื่องของ BTS เพราะฉะนั้นคุณชูวิทย์อ้างว่ามีบริษัทเดียวที่เข้าเกณฑ์การประมูลครั้งใหม่ จึงเป็นการกล่าวอ้างที่ไม่ถูกต้อง ผมไม่อยากพูดว่านี่คือคำโกหก แต่มันไม่ใช่”


“นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะเตือนคุณชูวิทย์เอาไว้ คุณชูวิทย์ทำงานดีมาก ผมให้กำลังใจ สนับสนุนเต็มที่ แต่คุณชูวิทย์ไม่เคยพูดในเรื่องรถไฟฟ้าสีส้ม ไม่เคยสนใจ ไม่เคยให้อะไรทั้งสิ้น เรื่องการคอร์รัปชันในกรมอุทยานแห่งชาติฯ มันชัดเจน เพราะผู้ต้องหาถูกฟ้องไปที่ ป.ป.ช. แล้ว แต่เรื่องการประมูลมันเป็นเรื่องของเอกชนกับเอกชน มันมีกรอบของมัน แล้วที่ผมาเอาข้อเท็จจริงมาเปิดเผยนี้ ก็ตรงกันข้ามกับคุณชูวิทย์กล่าวหา


“คุณชูวิทย์ ผมเห็นใจคุณ คุณคงโดนป้อนข้อมูลที่ผิดมา เพราะเขาต้องการพึ่งคุณ ซึ่งคุณกำลังฮอตอยู่ คุณพูดไปก็เป็นเรื่องเป็นราวไป แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องของการพนันออนไลน์ เป็นเรื่่องของนายทุนสีเทา คุณชูวิทย์ รู้ไหมว่าการที่คุณพูดถึงเรื่อง "ตู้ห่าว" ทุนจีนสีเทา …เชื่อผมสิครับ เล่นเฉพาะอาชญากรรม เล่นเฉพาะตำรวจที่ชั่วๆ พอคุณมาแตะในเรื่องที่คุณไม่เคยแตะเลยแม้แต่นิดเดียว ร้อยวันพันปี จู่ๆ พอคุณฮอตขึ้นมา คุณเดินไปแล้วคุณกาง บอกว่ามีการทุจริตกันในเรื่องของการประมูลสายสีส้ม แล้วคุณให้ข้อมูลที่ผิดหมดทุกอย่าง เพราะว่าคุณรับข้อมูลอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งจงใจที่จะมาทำให้ภาพการประมูลนั้นดูเลวร้าย ทั้งๆ ที่ในข้อเท็จจริงผมอธิบายให้ฟังแล้ว มันตรงกันข้ามกับข้อมูลที่คุณพูดเลย” นายสนธิกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น