xs
xsm
sm
md
lg

“โรม” มองเรื่องปกติ “ปิยบุตร-พิธา” ขัดแย้ง ไม่กระทบเลือกตั้ง ไม่แตกแยก มุ่งแต่ไล่ 3ป.พ้นการเมือง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โฆษกก้าวไกล ชี้ ข้อพิพาท “ปิยบุตร-พิธา” เป็นเรื่องปกติ เห็นต่าง-ขัดแย้งกันบ้าง บอกไม่กระทบการเลือกตั้ง ยันไม่แตกแยกแน่นอน ลั่นต้องเอา 3 ป. ออกจากการเมืองให้ได้

วันนี้ (22 ก.พ.) นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ โฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์กรณีข้อพิพาทระหว่าง นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ก.ก. ว่า กรณีที่นายปิยบุตร โพสต์เฟซบุ๊กตลอดมาในการวิพากษ์วิจารณ์พรรคในหลายๆ เรื่อง เชื่อว่า นายปิยบุตร คงอยากเห็นพรรคประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง ซึ่งนายพิธาก็อาจจะคาดหวังให้นายปิยบุตรทำในส่วนอื่นที่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อการเคลื่อนไหวในเรื่องประชาธิปไตย สุดท้ายจะทำให้เราบรรลุเป้าหมาย ตั้งแต่ตอนที่ตั้งพรรคอนาคตใหม่จนถึงตอนที่ยุบพรรค และมาถึงวันนี้ ซึ่งหากเรามองเบื้องหลังถ้อยคำที่รุนแรงนั้น เราจะพบว่าแต่ละคนล้วนมีแต่ความปรารถนาดี จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมนายพิธาบอกว่าอยากให้นายปิยบุตรช่วยเท่าที่ช่วยได้ตามที่กฎหมายเอื้ออำนวย ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า ตั้งแต่นายปิยบุตรถูกตัดสิทธิทางการเมืองก็ไม่สามารถเข้ามามีบทบาทภายในพรรคได้ แต่ยังสามารถทำเท่าที่ยังทำไหว ในการที่จะทำให้ประเทศของเราพ้นไปจากยุค 3 ป. ให้เริ่มเป็นประชาธิปไตยสักที แม้จะมีถ้อยคำที่รุนแรงไปบ้างแต่เราต้องมีการปรับจูน ปรับแก้กันไป

ถามย้ำว่า สถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้หมายความว่า ภายในพรรคมีปัญหากันใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คนที่เป็นสมาชิกพรรค คนที่สนับสนุนก้าวไกล เชื่อว่า เขารักทุกคนทั้ง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ทั้ง นายปิยบุตร หรือแม้แต่นายพิธา ทุกคนที่เคยเป็นองคาพยพในพรรคอนาคตใหม่ แต่ถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีความไม่เข้าใจกัน ซึ่งก็เป็นเรื่องทั่วไป เป็นเรื่องธรรมดาของการเป็นพรรคการเมือง โดยในความเป็นพรรคการเมืองยืนยันว่า เราไม่ได้มีความขัดแย้งกันภายในพรรคของเรา ไม่ได้แตกเป็น 2-3 กลุ่ม ที่เรามักจะเห็นในการเมืองที่ผ่านมา แต่วันนี้คงจะมีความเข้าใจไม่ตรงกัน หรืออาจจะใช้ถ้อยคำที่รุนแรงไปบ้าง ซึ่งเราอาจต้องใช้เวลานี้ในการปรับความเข้าใจ ให้เคลียร์ให้ชัด แต่อย่างไรก็ตามคงไม่ถึงขั้นที่ทำให้พรรค ก.ก. จะไม่สามารถเดินหน้าเลือกตั้งต่อไปได้ หรือจะทำให้ ส.ส. แบ่งเป็น 2 กลุ่มได้

เมื่อถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดจะกระทบต่อพรรคหรือไม่ เพราะเคยเกิดกรณีของนายคริส โปตระนันทน์ อดีตว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตจตุจักร พญาไท ราชเทวี พรรค ก.ก. มาก่อนหน้านี้แล้ว นายรังสิมันต์ กล่าวว่า จริงๆ กรณีของนายคริสตัดไปได้เลย เพราะไม่คิดว่ากรณีของนายคริสจะมีปัญหาอะไร เป็นธรรมดาที่อาจจะมีความเห็นส่วนตัว ที่อาจจะไม่เห็นด้วยกับแนวทางของเรา เขาก็อาจจะเดินออกไป ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ไม่สามารถโยงกันได้ และแน่นอนว่านายปิยบุตรโพสต์ก่อนหน้านี้เราก็พยายามที่จะปรับ และนำมาเป็นกระจกส่องตนเองเช่นกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางถ้อยคำอาจจะมีความรุนแรง บางครั้งอาจจะขัดต่อความรู้สึกที่เราลงพื้นที่ และย้ำว่าอาจจะเป็นความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน แต่ถามว่าจะกระทบหรือไม่นั้น ยังมองในแง่บวกว่าเป็นแค่การถกเถียงกัน เป็นแค่การพูดคุยกัน แม้จะมีการใช้ถ่อยคำรุนแรงบ้าง แต่ก็อยู่ในระดับพูดคุยกัน ณ วันนี้ ตนยังไม่เห็นสัญญาณแตกแยกภายในพรรคระยะยาว

เมื่อถามว่า มีการเคลียร์ใจกันกับนายปิยบุตรแล้วหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นคนนัด แต่คิดว่าคงเป็นกระบวนการที่เราจะต้องคิดว่าทำอย่างไรต่อ ทั้งนี้ คิดว่า การพูดคุยเป็นทางออก ซึ่งพรรค ก.ก. เป็นพรรคที่เราค่อนข้างเปิดพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็น และเมื่อมีความขัดแย้งเราจะคุยกันด้วยเหตุผล

ถามต่อว่า ล่าสุด เห็นนายธนาธรโพสต์สนับสนุนนายพิธาและพรรค ก.ก. นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ชัดเจนว่า นายธนาธร ยังยืนยันว่าพรรค ก.ก. เป็นคำตอบของสังคม และเป็นพรรคการเมืองที่รับมรดกจากพรรคอนาคตใหม่มาเต็มๆ และยังเชื่อว่า นายธนาธรยังเป็นเพื่อนที่เดินร่วมทาง แม้อาจจะไม่ใช่รถคันเดียวกัน แต่ปลายทางเดียวกัน ยังมั่นใจว่า การต่อสู้ในการเลือกตั้ง หากเรามองสถานการณ์นี้ เรายังมีศัตรูคนเดียวกัน และยังมีเรื่องใหญ่ที่เราต้องเอาชนะให้ได้ เช่น การปิดสวิตช์ 3 ป. ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้ายทายและฉุดรั้งของประเทศเราไว้ ซึ่งคิดว่าเราต้องก้าวผ่านความขัดแย้งนี้ให้ได้ และเดินหน้าไปสู่การชนะการเลือกตั้ง รวมถึงช่วงนี้เป็นช่วงที่มีความเข้มข้นและมีความท้าทายรอเราอยู่แต่เราต้องก้าวผ่าน และประสบความสำเร็จให้ได้

เมื่อถามว่า เนื่องจากนายปิยบุตรได้ชวนนายรังสิมันต์เข้าทำงานการเมือง มีอะไรอยากฝากถึงบ้าง นายรังสิมันต์กล่าวว่า “จริงๆ คงไม่ได้ฝากถึงใครเฉพาะเจาะจง แต่ส่วนตัวของผมมองว่าเป็นเรื่องของการวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ว่าจะจากใครก็แล้วแต่ไม่ว่าจะเป็นส.ส.ปัจจุบัน หัวหน้าพรรค หรืออดีต ผมคิดว่าเราอยู่ในบริบทที่สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ผมมองว่า เป็นเรื่องที่เราต้องเอาชนะศัตรูทางการเมืองที่กัดกินประเทศไทย ซึ่งผมมีความชัดเจนว่าอย่างไรก็ต้องเอา 3 ป. ออกจากการเมืองให้ได้ ไม่งั้นประเทศที่เข้มแข็งของเราจะพังแน่ๆ”


กำลังโหลดความคิดเห็น