โรม แจงกรณี ส.ว.อุปกิต ฟ้องหมิ่น ยืนยัน (เหมือนเดิม) พร้อมสู้คดีและทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลต่อไป ย้ำ อีกฝ่ายเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องชี้แจงสังคมด้วย
วันนี้ (18 ก.พ.) นายรังสิมันต์ โรม โฆษก และ ส.ส.พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นหลังจากอภิปรายทั่วไปเรื่อง “ส.ว.ทรงเอ” เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ผ่านไปเพียง 2 วัน สิ่งที่ผมคาดหมายว่าจะตามมาก็มาอย่างเร็วไว ส.ว.อุปกิต ปาจรียางกูร ได้ฟ้องร้องผมในคดีอาญา ฐานดูหมิ่นและหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวน 100 ล้านบาท
โดยระบุว่า การถูกฟ้องหลังการอภิปรายใหญ่ๆ แบบนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับผมแล้ว เมื่อ 3 ปีก่อน ตอนผมอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เรื่อง มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ผมก็ถูกมูลนิธิฟ้อง หรือ 1 ปีครึ่งก่อนตอนผมอภิปราย คุณชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ (รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลฯ) เรื่องสัมปทานดาวเทียมไทยคม ผมก็ถูกบริษัท กัลฟ์ฯ ฟ้อง โดยแต่ละครั้งข้อหาก็จะอยู่กับเรื่องการดูหมิ่น-หมิ่นประมาทต่างๆ หรือพยายามเรียกค่าเสียหายสูงๆ หวังจะเชือดไก่ให้ลิงดู ไม่ให้ใครกล้ามาวิพากษ์วิจารณ์ตัวเองอีก แม้จะเกี่ยวพันกับเรื่องการใช้อำนาจรัฐ หรือผลประโยชน์ของส่วนรวมก็ตาม และไม่ใช่แค่ผมเท่านั้น เพื่อน ส.ส. คนอื่นของพรรคก้าวไกล เช่น คุณเบญจา แสงจันทร์ ก็เคยถูกบริษัท กัลฟ์ฯ ฟ้องจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเรื่องนโยบายพลังงานด้วยเช่นกัน
ตนขอยืนยันอีกครั้งว่า การอภิปรายของผมและพรรคก้าวไกล เป็นการทำหน้าที่เพื่อตรวจสอบการใช้อำนาจ การปฏิบัติหน้าที่ หรือพฤติกรรมอื่นใดของรัฐบาล ว่า เป็นการบริหารงานที่ผิดพลาด เป็นการทุจริตคอร์รัปชัน หรือเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมหรือไม่ ซึ่งบ่อยครั้งจำเป็นต้องพาดพิงบุคคลภายนอก นั่นก็เพราะการกระทำเหล่านี้ของรัฐบาลมักดึงเอาบุคคลภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ถึงที่สุดแล้วการอภิปรายของพวกเรายังมุ่งเป้าไปที่รัฐบาลเป็นสำคัญ การโต้ตอบโดยใช้วิธีฟ้องร้องคดีกันแบบนี้ แน่นอนว่า ย่อมกระทบถึงประสิทธิภาพในการตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาล ไม่ใช่แค่โดยตัวผม แต่รวมถึงผู้แทนราษฎรทุกคน แต่ถึงกระนั้นผมยังยืนยันที่จะต่อสู่คดีหมิ่นประมาทดังกล่าว โดยไม่มีการหลบหนี ด้วยความเชื่อมั่นว่าจะชนะ เหมือนที่ผมสู้ในทุกๆ คดีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ในกรณีของคุณอุปกิตนั้น เห็นว่า มีความต่างจากเอกชนรายอื่นๆ ที่ถูกพาดพิงไปก่อนหน้านี้ เพราะตัวคุณอุปกิตเป็นถึงสมาชิกของวุฒิสภา หนึ่งในองค์กรผู้ใช้อำนาจสูงสุดของประเทศ และแม้ก่อนหน้านี้ ตอนที่ทุนมินลัตถูกจับใหม่ๆ คุณอุปกิตจะเคยออกมาชี้แจงต่างๆ นานา แต่จากที่ผมได้อภิปรายไปนั้น ก็พบว่า มีข้อมูลหลายอย่างที่ขัดแย้งกับข้อกล่าวอ้างที่คุณอุปกิตเคยชี้แจงไว้ ดังนั้น คุณอุปกิต ในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กินภาษีประชาชนจึงควรต้องออกมาชี้แจงต่อสังคมเพิ่มเติมด้วย
ส่วนตัวนั้นในช่วงเวลาต่อจากนี้ จะเร่งดำเนินการต่างๆ ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในกรณีของ ส.ว.อุปกิต และกรณีจีนเทาต่อไป โปรดติดตามชม