วันนี้ (16 ก.พ.) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายทั่วไปไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า ขอบคุณฝ่ายค้าน ที่พูดประเด็นปัญหาหลายอย่างหลายเรื่องก็เป็นเรื่องที่สะสมมานาน และรัฐบาลก็พยายามแก้ไขอยู่ ซึ่งจะนำไปสู่นโยบายของพรรคต่างๆ ในการแก้ปัญหาให้กับประชาชนในรัฐบาลหน้า เพราะรัฐบาลนี้ทำไม่ทัน จริงๆ เรื่องธุรกิจสีเทา หรือเรื่องมาเฟียต่างๆ รัฐบาลก็ดำเนินการปราบปรามอยู่ พล.ต.อ.ดำรังศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปปราบปรามอย่างจริงจัง ซึ่งจริงๆธุรกิจสีเทาเหล่านี้ทำมานานเป็น 10 ปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมีในสมัยนี้ อย่าไปคิดมาก เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหน เขาก็วิ่งเข้าหาผู้มีอำนาจฉะนั้นเราต้องแก้ที่กฎหมาย กฎระเบียบ เพื่อลดปัญหาเหล่านี้
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการพยายามเชื่อมโยงเรื่องการบริจาคเงินกับพรรคพลังประชารัฐ ที่มีการหยิบยกขึ้นมาพูดกันอีกครั้ง นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ตรวจสอบ ผิดถูกก็ว่ากันไปตามกฎหมาย วันนี้ปัญหาของสังคมไทย คือ เรื่องของกฎหมายหรือระเบียบที่เอื้อให้เกิดธุรกิจสีเทา มีกฎหมายที่ใช้ในทางปฎิบัติไม่ได้ เมื่อเขาทำธุรกิจแล้วขัดต่อกฎหมายก็ต้องไปจ่ายส่วย ดังนั้นหน้าที่ของเรา คือต้องเอากฎหมายมาพิจารณา อะไรที่ล้าสมัยก็ปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้ธุรกิจไปต่อได้ โดยไม่ต้องจ่ายส่วยกัน นี่คือสิ่งที่ตน และพรรคพลังประชารัฐผลักดันอยู่
เมื่อถามว่า การอภิปรายพาดพิงถึงฝ่ายรัฐบาลจะส่งผลต่อการเลือกตั้งในครั้งหน้าหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ ต้องถามประชาชน แต่ตนคิดว่าเรื่องธุรกิจสีเทามีมาทุกยุคทุกสมัย เขาจะวิ่งหาผู้มีอำนาจ ทุกคนมีความเกี่ยวข้องในเรื่องนี้้มาตลอด ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในวันนี้ และตนยืนยันว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไม่ได้เกี่ยวข้องหรือยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจสีเทา แต่ธุรกิจสีเทาเขาพยายามวิ่งเข้าหาผู้มีอำนาจ อย่างที่เห็นว่ามีการถ่ายรูปกับผูัมีชื่อเสียง
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล เปิดภาพคู่เพื่อนสนิทของนายตู้ห่าวกับพล.อ.ประวิตร ที่บ้านป่ารอยต่อ นายชัยวุฒิ ทราบเรื่องดังกล่าวหรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า ตนไม่ทราบเหมือนกัน ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับนักการเมือง บางทีตนไปงานมอบโล่ หรือถ่ายรูปคู่กับบุคคลต่างๆ ก็ไม่ทราบว่าเขาทำธุรกิจสีเทาหรือสีขาว ตนคิดว่า พล.อ.ประวิตรเอง ก็ไม่รู้ว่าเขาทำธุรกิจอะไร เพราะพล.อ.ประวิตรเป็นคนที่เปิดกว้าง ให้โอกาส รับฟังความคิดเห็นทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกอาชีพ ต่างมากันทั้งนั้น
เมื่อถามว่า ในการป้องกันกลุ่มทุนจีนสีเทา การอออกพระราชกำหนด มาตรการปราบปรามและป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (พ.ร.ก.ไซเบอร์) จะช่วยในการตามเส้นทางการเงินอย่างไร นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ปัญหาใหญ่ของการทำอาชญากรรมออนไลน์คือการปิดกั้นเว็บไซต์ทำได้ยาก เราห้ามคนไทยไม่ให้ใช้เว็บไซต์ต่างประเทศก็ไม่ได้ ไม่ว่าจะเว็บไซต์พนันหรือเว็บไซต์ขายของ ฉะนั้น วิธีแก้ที่ดีที่สุดคือการออกกฎหมายเพื่ออาญัติบัญชี หยุดเส้นทางการเงิน ซึ่งต่อไปรัฐสามารถอาญัติบัญชีที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายเป็นเวลา 7 วัน หากเจ้าของบัญชีทำธุรกิจอย่างถูกต้อง และมาแจ้ง ก็จะเปิดให้ใช้ได้ เชื่อว่าเมื่อธุรกิจสีเทาเจอกฎหมายดังกล่าว ก็หยุดหมด เพราะไม่สามารถโอนเงินเป็นจำนวนมาได้
เมื่อถามว่า พ.ร.ก.ดังกล่าวจะมีผลเมื่อใด นายชัยวุฒิ กล่าวว่า พ.ร.ก.ดังกล่าวผ่านมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว แต่ต้องรอกระบวนการ จะพยายามวางมาตรการต่างๆให้สอดรับกัน
นายชัยวุฒิ ยังกล่าวอีกว่า ขอเตือนประชาชน สำหรับผู้ที่เปิดบัญชีม้า ขณะนี้มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 3 แสนบาท ใครที่รับจ้างเปิดก็ขอให้ไปยกเลิกซะ