ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ผ่าปชป.สู้ศึกเลือกตั้ง “จุรินทร์ -เฉลิมชัย” ยุคเลือดไหล-ถูกเพื่อนตกปลาในบ่อ อนาคตมีแค่สองคำ “ร่อแร่”และ “มืดมน” !!
ใกล้เข้ามาทุกทีกับศึกเลือกตั้งส.ส.ทั่วประเทศ แม้จะยังไม่เป็นทางการ แต่พรรคการเมืองต่างเคลื่อนไหวลงพื้นที่หาเสียงกันอย่างคึกครื้น โดยเฉพาะการจัดกระบวนทัพ และขุนพลผู้สมัครในแต่ละเขตกันอย่างคึกคัก
แต่สำหรับพรรคการเมืองที่เก่าแก่ เก๋ากึ๊ก อย่างพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรค และ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” เลขาธิการพรรค หนนี้ดูค่อนข้างจะ “บักโกรกกับอาการ "เลือดไหลออก" ที่เกิดขึ้นอยู่เป็นระยะ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หยุด
ว่าไปแล้ว อาการนี้เริ่มมีมาตั้งแต่เสร็จศึกภายในพรรคที่เกิดจากการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่ ที่สร้างรอยแผล และ แรงกระเพื่อม จนแกนนำหลายคนต้องระเห็จออกไปจากพรรค ทั้ง “กรณ์ จาติกวณิช-ถาวร เสนเนียม-นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม”และ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ที่ต่างแยกย้ายไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ของตนเอง
แม้แต่ “กลุ่มนิวเด็ม” (New Dem ) ที่รวมเด็กๆ รุ่นใหม่ เพื่อปั้นให้เป็น “กลุ่มเลือดใหม่”สืบสานงานจากคนรุ่นเก่า ที่เมื่อถึงคราวต้องวางมือ แต่พอมีหลายคนโบกมือลา ทั้ง “พริษฐ์ วัชรสินธุ” ที่ไปอยู่พรรคตรงข้ามอย่างก้าวไกล “ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย” รวมทั้งอีกหลายคน จนสุดท้ายต้องประกาศยุบกลุ่มไป
อย่างไรก็ตาม แม้ “จุรินทร์” จะพาพรรคเดินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง แต่ตลอดเส้นทางก็มีสมาชิกทยอยออกไปเป็นระยะ ทั้ง “สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีตกกต. และอดีตผู้สมัครส.ส.สมุทรสาคร “กษิต ภิรมย์” อดีต รมว.ต่างประเทศ มือวางนโยบายเศรษฐกิจของพรรค “กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ” อดีต ส.ส.หลายสมัย และอดีตรองนายกรัฐมนตรี “อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี” อดีตส.ส.กทม. “หมอปรีชา มุสิกุล” อดีตคนเก่าคนแก่เช่นกัน “วิทูรย์ นามบุตร” อดีต ส.ส.หลายสมัย จากอุบลราชธานี หรือมือกฎหมายตัวฉกาจของพรรคอย่าง “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” อดีตส.ส.พัทลุง “สุรเชษฐ์ มาศดิตถ์” ส.ส.หลายสมัยจากนครศรีธรรมราช “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” อดีต ส.ส.กทม. “ถวิล ไพรสณฑ์” อดีต ส.ส.หลายสมัย คนเก่าคนแก่ของพรรคอีกคนหนึ่ง “อภิชัย เตชะอุบล” นายทุนใหญ่พรรค อดีต ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ “วิทยา แก้วภารดัย” หนึ่งในคนเก่าแก่ เช่นกัน
ถึงแม้ตลอดเวลาที่ผ่านมา “จุรินทร์” จะ "ปากกล้าขาสั่น" มองว่าเป็นเรื่องปกติของพรรคการเมืองที่ต้องมีคนเข้า-ออกอยู่ตลอดเวลา แต่ฟังว่าก็ยังออกอาการหนักใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างปิดไม่มิด เพราะยิ่งใกล้ศึกเลือกตั้งเข้ามาทุกที พรรคก็ยังควานหาตัวผู้สมัครที่พร้อม และเหมาะสมได้อยากยิ่ง หลายเขตยังไม่ลงตัว เพราะหาตัวลงไม่ได้!!
หนำซ้ำยังต้องทนรับแรงเสียดทานจากกระแสข่าวเลือดไหลอยู่ตลอด ล่าสุดก็ “สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล” อดีต ส.ส.ตรังเด็กก้นกุฏิของ “ชวน หลีกภัย”... “แนน บุณย์ธิดา สมชัย” ลูกสาวของ “อิสระ สมชัย” คนเก่าแก่ ของพรรคในภาคอีสาน “ศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์” ที่เพิ่งลาออกไปหมาดๆ ช่วงเดือนที่แล้ว
ตอกย้ำด้วยล่าสุดความเคลื่อนไหวของ กลุ่มส.ส.ปชป.จำนวน มากถึง 7 คน ที่จะย้ายมาอยู่ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” (รทสช.) ของอดีตคู่กัด “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” โดยมีการนัดยื่นใบลาออกจากส.ส. และสมาชิกพรรค พร้อมกันในวันที่ 27ก.พ.นี้ ก่อนวันสุดท้ายของสมัยประชุมสภาคือ 28 ก.พ.
ทั้ง “พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล” ส.ส.นครศรีธรรมราช... “วชิราภรณ์ กาญจนะ” ส.ส.สุราษฎร์ธานี... “เจือ ราชสีห์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ... “รังสิมา รอดรัศมี” ส.ส.สมุทรสงคราม... “อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์” ส.ส.ราชบุรี... “ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู” ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ “ชัยวุฒิ บรรณวัฒน์” ส.ส.ตาก
ที่ยังคลุมเครืออยู่ว่าจะไป ไม่ไป ก็ยังมีให้ลุ้น คือ “จุติ ไกรฤกษ์” อดีตเลขาธิการพรรค ที่มีความอึดอัดกับบทบาทภายในปชป. อยู่หลายๆ เรื่อง
รวมถึงกลุ่มภาคกลางของ “สาธิต ปิตุเตชะ” บ้านใหญ่เมืองระยอง ก็ไม่แคล้วโดนทาบทามให้ไปร่วม รทสช. แบบยกกลุ่มเช่นกัน แต่ผลจะออกมาอย่างไร วันที่ 20 ก.พ.นี้ ก็น่าจะชัดเจน เพราะเจ้าตัวจะจัดแถลงข่าวใหญ่ กำหนดทิศทางทางการเมืองต่อการเลือกตั้งครั้งนี้แบบชัดๆ
เหลียวหลังแลหน้าตอนนี้ “จุรินทร์” และ ประชาธิปัตย์ ดูจะค่อนข้าง "หงอยเหงา" ไม่คึกคักเหมือนคนอื่นอยู่ พอสมควร หลังถูกเพื่อน "ตกปลาในบ่อ" ไปหลายตัว เพราะส่วนที่เหลือก็ยัง "ลูกผี ลูกคน" ว่าจะสอบได้ หรือสอบตก ไล่ตั้งแต่ภาคเหนือ ที่เดิมก็แทบจะไม่มีส.ส. ยิ่งตอนนี้ก็แทบจะไม่เหลือให้หวังแล้ว
หาก “จุติ” ตัดสินใจโบกมือลา ก็ยากที่จะเหลือที่นั่ง ส่วนภาคอีสานก็อาการเดียวกัน ตอนนี้เหลือแค่ “วุฒิพงษ์ นามบุตร” ที่ยังคาดว่าจะรักษาพื้นที่ของตัวเองที่จ.อุบลราชธานี ไว้ได้ แต่ก็มีข่าวว่ามีหลายพรรคมาจีบเช่นกัน หากไปอีกคนก็จบ!
ส่วนภาคกลางของ “หมอตี๋” สาธิต ปิตุเตชะ อย่างที่บอกว่าต้องรอลุ้นวันที่20 ก.พ.นี้ ว่าจะอยู่ต่อ หรือเซย์กู๊ดบาย
ขณะที่สนามกทม. แม้พรรคจะมี "เลือดใหม่" ไหลเข้ามาอย่าง “ดร.เอ้” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ และ “มาดามเดียร์” วทันยา บุนนาค มาช่วย “องอาจ คล้ามไพบูลย์” วางยุทธศาสตร์ และกลยุทธ์สู้ศึกก็ตาม แต่ดูตัวผู้สมัครที่ประกาศออกมาแล้วก็ยัง "เหนื่อย" เหมือนเดิม แถมยังมีข่าวว่า รทสช. ได้ดีลกับ “ตระกูลม่วงศิริ” ทั้ง “สาทร -สากล และพ.ต.อ.สามารถ” ให้เข้ามาผนึกยึดฝั่งธนฯ อยู่ด้วย อาจทำให้ “เดอะแจ็ก” วัชระ เพชรทอง ที่ “จุรินทร์” คาดหวังจะให้ลงส.ส.เขต ปักธงที่ฝังธนฯ คงหืดขึ้นคอ
ส่วนที่พอจะให้บรรดาแฟนๆ ค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผมได้อุ่นใจบ้าง ก็น่าจะมีเพียงสนามภาคใต้ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของพรรคประชาธิปัตย์มายาวนาน คราวนี้แม้หลายพรรคต่างหันมารุมมาตุ้มกันมาก แต่เชื่อว่าที่สุดแล้วประชาธิปัตย์ จะยังครองสัดส่วนที่นั่งในพื้นที่นี้ได้มากสุด
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา “จุรินทร์” พาทัวร์ พร้อมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ทั้ง 58 คนอย่างอลังการ โดยประกาศลั่นว่า "ประชาธิปัตย์ปักษ์ใต้สู้ทุกเขต” และจะคว้าแชมป์กลับมา 58 คน จาก 58 เขตให้ได้
ก็ต้องจับตาดู 3 แม่ทัพใหญ่ “บัญญัติ บรรทัดฐาน” ประธานที่สภาที่ปรึกษาพรรค “นิพนธ์ บุญญามณี” รองหัวหน้าพรรค และ “เดชอิศม์ ขาวทอง” รองหัวหน้าพรรคที่ดูแลภาคใต้ ว่าจะมีฝีมือฉกาจขนาดไหน สามารถกอบกู้สถานการณ์วิกฤตของพรรคได้หรือไม่ !
เพราะฉะนั้น มองอนาคตของปชป. จากที่เห็นและเป็นอยู่ตอนนี้ ก็ต้องบอกได้เพียงสองคำว่า “ร่อแร่” และ “มืดมน”!!
**กลุ่มทุนการเมือง เบื้องหลังแพทย์ชนบทเคลื่อนไหวกดดันปมย้าย "หมอสุภัทร"
มีความพยายามต่อเนื่องจะทำให้ การโยกย้าย"หมอสุภัทร ฮาสุวรรณกิจ" ประธานชมรมแพทย์ชนบท เป็นเรื่องการเมือง และผิดธรรมชาติ เพื่อกดดันอีกฝ่าย โดยถึงขั้นขนม็อบจากพื้นที่ปลายด้ามขวาน หรือ อ.จะนะ จ.สงขลา ขึ้นมาถึงกระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี
งานนี้ต้องบอกว่า การขนม็อบหาใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ แม้จะมาเพียง30-40 คน แต่ก็ต้องมีค่าใช้จ่าย ต้องมีการประสานเป็นขั้นตอน เพราะการขนคนจากพื้นที่สีแดงขึ้นมานั้น จำเป็นต้องมี “ใบผ่านทาง” ที่ “คนในวงการสีกากี” มอบให้ ยิ่งมาบวกกับการเคลื่อนไหวในพื้นที่เป็นครั้งคราวอย่างสอดรับกันเป็นจังหวะ ก็ยิ่งพอจะมองออกว่า เรื่องนี้นอกจากจะมีการลงแรงแล้ว ยังต้องมีการลงทุน!
ถามว่าทุนมาจากไหน? ว่ากันว่า เป็นทุนทางการเมืองจาก "บางพรรค" ที่มุ่งหาคะแนนเสียงจากจังหวัดพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้โดยเฉพาะ และการลงทุนกับม็อบ ที่ต่อต้านการโยกย้าย “หมอสุภัทร”นั้น สอดรับกับการเคลื่อนไหวของพรรคนี้ ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญยังได้ดิสเครดิต พรรคภูมิใจไทย ที่กำลังสยายปีกรุกเข้าไปหาคะแนนในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ชนิดไม่เกรงใจหน้าไหนทั้งสิ้น ด้วยมีทั้งกำลัง และมีทั้งกระแส ทำให้“บางพรรคการเมือง”นั่งไม่ติด
เอาเข้าจริงๆ “บางพรรค” มีความพยายามเจาะพื้นที่ปลายด้ามขวานประเทศไทย และหวังลึกๆว่าจะได้แบบยกพื้นที่เสียด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ แม้แต่คำว่าใกล้เคียง
อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของพรรคนี้ คือ ณ ปัจจุบัน พวกเขามีเครือข่ายกับ NGO ในพื้นที่อย่างเหนียวแน่น
NGO ในยุคปัจจุบัน ถือเป็น NEWGEN มีแนวคิดทางการเมือง เอียงไปในทางก้าวไกล ที่นับว่าเป็นพันธมิตรกับพรรคประชาชาติ
โดยเมื่อสิงหาคม 2565 ที่ประชุมสมัชชาคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน ระดับชาติ (กป.อพช.) ซึ่งถือว่าเป็นเครือข่าย NGO ที่มีความโยงใยกับหน่วยงานอื่น ได้มีการคัดเลือกประธานคนใหม่
ผลการลงคะแนนปรากฏว่า “สมบูรณ์ คำแหง” หรือ “บังแกน” ได้รับเลือกเป็นประธาน มีคะแนนมากกว่า “จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา” หรือ “ไผ่ ดาวดิน” ด้วยคะแนน 36 ต่อ 22 คะแนน ขณะที่ “อารัติ แสงอุบล” ได้รับเลือกเป็นเลขาธิการ กป.อพช. โดยก่อนหน้านี้เป็น เลขาธิการ กป.อพช.อีสาน มาก่อน
กับ “ไผ่ ดาวดิน” ไม่จำเป็นต้องสาธยายให้เห็นเบื้องหลังทางการเมืองของเขา แต่กับ “สมบูรณ์” นั้น แม้ชื่อนี้จะไม่โด่งดังนัก แต่เขาเป็นตัวละครสำคัญในการขับเคลื่อนเรื่องต่างๆ ผ่านพรรคก้าวไกล ทั้งการขวางการเปิดเหมืองหินที่ จ.สตูล ไปจนถึงการค้าน การเปิดเมืองอุตสาหกรรม ในพื้นที่จะนะ จ.สงขลา ก็เป็นนายสมบูรณ์ ที่ยื่นเรื่องผ่านพรรคก้าวไกล มาตลอด
อย่างไรก็ตาม “บางพรรค” ก็ถือว่ามีบทบาทสำคัญกับเหล่า NGO มิได้ต่างจากพรรคก้าวไกล และโดยเฉพาะในช่วงหลัง ดูเหมือนว่า ขณะที่พรรคก้าวไกล รอในสภา ให้เขามาขอให้ช่วย แต่ “บางพรรค” เปิดเกมรุกลงไปถึงพื้นที่เลย
ปลายปี 2564 ภาพความสัมพันธ์ระหว่างพรรคนี้ กับกลุ่ม NGO ในพื้นที่ จะนะ จ.สงขลา ชัดเจนที่สุด
เมื่อ “บิ๊กเนมของพรรค” ในตำแหน่ง “แม่บ้านพรรค” ที่ติดยศตำรวจ ได้เดินทางไปที่ห้องประชุมโรงเรียนสันติวิทย์ ต.บ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา เข้าร่วมประชุมและรับข้อเสนอจากตัวแทน “กลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น” ในการต่อต้านแผนพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่
และยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก เพราะเมื่อปลายปี 2565 "แม่บ้านพรรค" คนนั้นได้เดินทางมาที่จุดเดิม เพื่อตอกย้ำความเป็นแนวร่วมกับกลุ่ม“กลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น”
เป็นที่น่าสังเกตว่า งานนี้ "หัวหน้าพรรค" ได้มาร่วมงานด้วย สร้างความฮือฮาในที่ประชุมอย่างยิ่ง เพราะหัวหน้าคนนี้สูงวัย และไม่นิยมปรากฏตัวในหน้าฉากการเมือง
และนี่ว่ากันว่า คือสัญญาใจที่ “กลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น” และ“พรรคนั้น” คือ“เนื้อเดียวกัน” แล้ว
ทั้งนี้ “กลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น” มีแกนนำคนสำคัญคือ “สมบูรณ์ คำแหง” หรือ “บังแกน” นี่เอง!!
กลับมาที่เรื่องการโยกย้ายหมอสุภัทร “กลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น” นับเป็นแนวหนุนที่สำคัญ ซึ่งเคลื่อนตัวมาชุมนุมถึงกระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี และมีการชุมนุมในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด “บังแกน” เปิดหน้าลุยเอง ปรากฏภาพความเคลื่อนไหวที่ ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 27 ม.ค.66 ที่ผ่านมา
โดยน่าสงสัยว่า “บางพรรค” กำลังเล่นบทพรรคการเมืองใจป้ำ เดินเกมเข้าหา NGO เปิดเกมรุก ลงพื้นที่ อาสาเป็น “ท่อน้ำเลี้ยง” ให้
เพื่อซื้อใจก่อนการเลือกตั้ง และทำลายพรรคคู่แข่งไปในตัว
พรรคไหน เดากันได้ ไม่ยาก!
** ของจริงไม่อิงมโน! “กุน ขแมร์” ได้อกแตกละคราวนี้ ถ้ารู้ขนาด “พี่มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก” ยังซูฮก “มวยไทย” จีบ “ชาตรี” วันแชมเปี้ยนชิพ ชวนลง “เมตาเวิร์ส”
ดรามาไม่แผ่วเลยจริงๆ ระหว่าง "กุน ขแมร์" กับ "มวยไทย" ที่ดูเหมือนฝ่ายกัมพูชาจะขยันเคลมศิลปะการต่อสู้ที่ถูกบรรจุเข้าเป็นชนิดกีฬาที่จะจัดแข่งขันในซีเกมส์ปีนี้ ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพ และไม่ยอมเลิกบูลลี่นักมวยไทย และมวยไทยง่ายๆ
อย่าง เพจเฟซบุ๊กกัมพูชา WORLD KUN KHMER Promotion โพสต์ว่า ต่างชาติเริ่มเข้าใจว่า “กุน ขแมร์” คืออะไร นี่คือสาเหตุที่ประเทศในอาเซียนพยายามแบน กุน ขแมร์ ในการแข่งขันนานาชาติ เพราะเมื่อรู้จักกุน ขแมร์ จริงๆ ก็จะพบที่มาคืออะไร โดยอ้างนักมวยชื่อ “มาร์ก สไตร์เกอร์” ที่อาศัยอยู่ในอเมริกา แสดงความเห็นเหน็บ “บัวขาว บัญชาเมฆ” นักมวยชื่อดังของไทย ที่ชาวโลกรู้จักกันดี ไว้ว่า "บัวขาว เป็นคนขี้อิจฉา เขาโกรธที่ กุน ขแมร์ เป็นที่นิยมมากกว่ามวยไทย ซึ่งพวกเขาขโมยมาจากกัมพูชา กุน ขแมร์ เป็นต้นฉบับและดีที่สุด" เพจของเขมรจึงยกมาตีปิ๊บกันใหญ่ แถมแคปภาพที่แอดมินแฟนเพจ เฟซบุ๊ก Banchamek Gym ของ “บัวขาว” เข้าไปชมการแข่งขันกุน ขแมร์ ผ่านไลฟ์สดมาลงด้วย
ดรามา “กุน ขแมร์” ยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ ก่อนนี้เพจเฟซบุ๊ก History & Culture / Hari-Kambujendra ของกัมพูชา ที่มียอดผู้ติดตามราวๆ 3.7 หมื่นคน ได้โพสต์ให้ชาวเขมรเข้าไปกดรีพอร์ต เพจเฟซบุ๊กของ “บัวขาว” ที่มีผู้ติดตามกว่า 4.9 ล้านคน หลังเกิดกรณีที่นักชกชาวไทยวัย 40 ปี โพสต์ทวงเงินค่าตัวในศึก World Fight Tournament เมื่อเดือนกรกฎาคม 2022
ต่อมา “บัวขาว” ได้โพสต์ขอความช่วยเหลือจาก “มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก” ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ว่า "พี่มาร์คครับ ช่วงนี้ เพจเรามีโดนรีพอร์ตเยอะ อย่างไรช่วยเซฟน้องบัวด้วยครับ # เซฟบัวขาว #MarkZuckerburg ซึ่งแน่นอนว่า เพจดังกัมพูชา ไม่พลาดที่จะนำภาพดังกล่าวไปตัดแปะลงในโพสต์ พร้อมเขียนแคปชั่นแซะกลับว่า "You need help" หรือที่แปลว่า "คุณต้องการความช่วยเหลือไหม"
ขณะที่ชาวเน็ตคนไทยเห็นแล้วก็อยู่ไม่ไหวเช่นกัน ชักชวนกันเข้าไปถล่มโพสต์ดังกล่าวเอาคืนเป็นจำนวนมาก โดยฟาดกลับเพจกัมพูชาอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน ชนิดตาต่อตา ฟันต่อฟัน ในทำนองว่า รู้จักชาวไซเบอร์ไทยน้อยไปแล้ว จะทำอะไรคิดดีๆ
เรียกว่า ระหว่าง “กุน ขแมร์” กับ “มวยไทย” ใครฟาดมาเป็นต้องเจอฟาดกลับกลายเป็นดรามาทุกที แต่ขณะที่ชาวโซเชียลกัมพูชา กำลังเมามันส์ กับการเคลม กุน ขแมร์ บูลลี่ มวยไทย จะรู้หรือไม่ว่า มวยไทยในสายตาของต่างชาตินั้น คือหนึ่งไม่มีสอง
ยกตัวอย่างเช่น “พี่มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก” ผู้ก่อตั้งและ ซีอีโอ เฟซบุ๊ก ถึงกับอยากนำมวยไทยไปไว้ในโลกเสมือน “เมตาเวิร์ส” ที่เขาปลุกปั้น โดยเรื่องนี้ เพจ Muay thai hero โพสต์เมื่อวันก่อน ว่า “ชาตรี และมาร์ก นัดแฮงค์เอาต์ กันที่สำนักงานใหญ่ META อเมริกา” โดยเนื้อหาระบุว่า ศิลปะการต่อสู้ เชื่อมโยงผู้คน ล่าสุดหลังจาก มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก CEO ผู้ก่อตั้ง Facebook ได้โพสคลิปวีดีโอการลงคู่เล่นเชิงกับ อเล็กซานเดอร์ โวลคานอฟสกี ในรูปแบบ AVATAR ที่คาดว่าในอนาคตเราอาจจะได้ ต่อสู้กันใน เมตาเวิร์ส ที่ทางบริษัท META ของ มาร์คพัฒนาอยู่
ทาง บอสชาตรี CEO ผู้ก่อตั้ง ONE ก็ได้เข้าไปคอมเมนต์ ถึง บอสมาร์ก ว่า Looking Sharp, Mark! ซึ่งก็คงชื่นชมทั้ง ทักษะการต่อสู้ของ มาร์ก ซึ่งก็ฝึก MMA มาพอสมควร รวมถึงตัวระบบ AVATAR ที่ดูน่าสนใจทีเดียว “บอสมาร์ก” ก็ขอบคุณ “บอสชาตรี” พร้อมเชิญชวนให้ไปเยี่ยมชมที่ สำนักงานใหญ่ของ META ซึ่งแน่นอนบอสชาตรี ที่กำลังจะมีคิวเดินทางไปจัดงานแข่งขัน ONE ครั้งแรกที่อเมริกา ในเดือนพฤษภาคม 2023 ก็ย่อมไม่พลาด พร้อมชวนให้ฝึกซ้อมร่วมกัน โดยปกติแล้วทางชาตรี มักจะพกชุดมวยไทย และ GI ชุดซ้อมของ BJJ ติดตัวไปอยู่เสมอ เมื่อเดินทางไปประเทศต่างๆ เพื่อฝึกซ้อมมวยกับเหล่านักสู้อยู่ตลอดเมื่อมีเวลา โดยปัจจุบันชาตรี ได้รับสายน้ำตาล ใน BJJ และ ยังฝึกมวยไทยอยู่ทุกสัปดาห์ ลองชมคลิปวีดีโอที่ มาร์ก ลงไว้ดูครับ ในอนาคตเราอาจจะเห็น ตัวละครของเราเข้าไปอยู่ในสังเวียน ONE ผ่าน METAVERSE ก็เป็นได้”
งานนี้ “บอสชาตรี” ที่ว่าเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” ประธานกรรมการบริหาร “วันแชมเปี้ยนชิพ” นักธุรกิจหมื่นล้าน เจ้าของ MMA One Championship รายการถ่ายทอดสดมวยไทยที่มีแฟนหมัดมวยติดตามมากกว่า 70 ประเทศ
เจอของจริงไม่อิงมโน ก็ไม่รู้ชาวเน็ต หรือเพจกัมพูชาทั้งหลายจะว่ายังไง อกจะแตกตายมั้ยคราวนี้!!