ส.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จี้รัฐบาลเลิกกม.ไดโนเสาร์ปมห้ามขายแอลกอฮอล์ช่วงบ่ายชี้ตกยุค-ล้าหลังขัดแย้งสังคมโลกปัจจุบันวอนปลดล็อกให้สถานบันเทิงเปิดได้ถึงตี 4ปลุกเศรษฐกิจคืนชีพช่วยผู้คนในห่วงโซ่ธุรกิจท่องเที่ยวหลังบาดเจ็บมายาวนาน
น.ส.เขมิการัตนกุลนายกสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย (TABBA)กล่าวว่าถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยเราจะต้องทบทวนปรับปรุงกฎหมายการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ใช้มายาวนานกว่า 50ปีซึ่งมีรากฐานมาจากประกาศคณะปฏิวัติเมื่อปีพ.ศ.2515เพราะเป็นกฎหมายที่ตกยุคล้าสมัยไม่เหมาะต่อสภาพเศรษฐกิจสังคมวัฒนธรรมการบริโภคในปัจจุบันขัดต่อรูปแบบการดื่มกินของผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวในยุคสมัยนี้เป็นกฎหมายที่มีปัญหาห้ามขายแบบ “เหมารวม”ไม่คำนึงถึงความสำคัญของพื้นที่ในเชิงเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในปัจจุบันอย่างแท้จริงส่งผลให้ประเทศไทยสูญเสียผลประโยชน์เชิงเศรษฐกิจมหาศาลรวมทั้งไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20ปีด้านการท่องเที่ยวและการส่งเสริมผู้ประกอบการและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยุคใหม่ของรัฐบาลในปัจจุบันนี้ด้วย
ทั้งนี้ปัญหาสำคัญในข้อกฎหมายที่ล้าหลังดังกล่าวคือประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องกำหนดเวลาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พ.ศ.2558โดยสิ่งที่รัฐบาลสามารถทำได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านรัฐสภาคือการยกเลิกการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 14.00 – 17.00น.เพราะไม่สามารถใช้ได้จริงประชาชนยังสามารถลักลอบซื้อขายหรือซื้อกักตุนไว้ก่อนได้อีกทั้งเมื่อปี 2565ที่ผ่านมาที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.)ได้ขานรับแนวคิดให้ยกเลิกข้อห้ามนี้แล้วเช่นกันเพื่อเสริมพลังให้การท่องเที่ยวไทยซึ่งมีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูงมากกว่า 3ล้านล้านบาทโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานว่าในปี 2562ก่อนโควิดปีเดียวนักท่องเที่ยวไทยใช้จ่ายกับอาหารและเครื่องดื่ม 243,697.65ล้านบาทและนักท่องเที่ยวต่างชาติใช้จ่ายกับอาหารและเครื่องดื่ม 404,587.29ล้านบาทสอดคล้องกับที่ The International Wine and Spirits Researchรายงานว่ามูลค่าตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของประเทศไทยในช่วงปี 2554-2558มีมากกว่า 3แสนล้านบาทและจะเพิ่มขึ้นมานับตั้งแต่ปี 2559-2565เป็นมูลค่ากว่า 4แสนล้านบาทตัวเลขเหล่านี้คือสิ่งที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจและผู้คนในประเทศมาก่อนการระบาดของโควิด-19หากเราต้องการเร่งเครื่องการพลิกฟื้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวไทยเปลี่ยนผ่านไทยสู่ผู้นำโลกด้านการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ครบวงจรการทบทวนปรับกฎหมายกฎหมายแอลกอฮอล์คือความจำเป็นและโดยแท้จริงคือยุทธศาสตร์ชาติ
นายกสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทยกล่าวว่าเมื่อไม่นานมานี้เครือข่ายกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและบริการร้านค้าร้านอาหารสถานบริการผับบาร์คาราโอเกะได้ยื่นข้อเสนอให้รัฐบาลส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยจัด Socialized and Night Entertainment Zoningในแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติหนาแน่นให้เปิดบริการได้ถึงตี 4และให้ร้านสถานประกอบการนอกพื้นที่โซนนิ่งเปิดได้ถึงตีสองรวมทั้งยกเลิกเวลาห้ามขายระหว่างบ่ายสองถึงห้าโมงเย็นข้อเสนอของกลุ่มผู้ประกอบการฯเป็นข้อเสนอที่อยู่ในโลกของความเป็นจริงต้องการเอื้อประโยชน์ให้กับคนมากมายที่อยู่ในห่วงโซ่ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการตั้งแต่เจ้าของสถานประกอบการทั้งรายใหญ่รายย่อมพนักงานบริการคนขับรถรับจ้างพ่อค้าแม่ค้าในย่านท่องเที่ยวคนทำงานกลางคืนนักร้องนักดนตรีและชีวิตเล็กๆอีกมากมายในสายพานงานบริการท่องเที่ยวและครอบครัวของเขาที่เรามองข้ามและข้อเสนอดังกล่าวก็สอดคล้องกับแนวทางที่เรียกว่า Regulatory Guillotine (RG)หรือกิโยตินกฎหมายซึ่งเป็นการทบทวนกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันเพื่อปฏิรูปลดละเลิกกฎหมายที่หมดความจำเป็นล้าสมัยโดยกระบวนการกิโยตินกฎหมายเน้นการมีส่วนร่วมจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนและใช้หลักเกณฑ์ในการทบทวนทั้งในมิติด้านนิติศาสตร์และเศรษฐศาสตร์
“ผู้คนตัวเล็กๆในห่วงโซ่ขนาดใหญ่ต้องเผชิญวิกฤติจากกฎหมายล้าสมัยส่งผลกระทบต่อแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจการท่องเที่ยวไทยให้ฟื้นตัวปัญหาของกฎหมายดังกล่าวเป็นการปิดโอกาสให้ผู้คนในห่วงโซ่ธุรกิจการท่องเที่ยวได้ลืมตาอ้าปากปิดโอกาสให้ผู้ผลิตรายย่อยได้เริ่มต้นสร้างบรรยากาศการแข่งขันที่เป็นธรรมและปิดโอกาสการสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับประเทศไทย”นายกสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทยกล่าวย้ำ
น.ส.เขมิกากล่าวด้วยว่านอกจากนี้เราควรทบทวนประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยวิธีการหรือในลักษณะการขายทางอิเล็กทรอนิกส์พ.ศ.2563และประกาศคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เรื่องหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับฉลากของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พ.ศ.2558เพื่อคืนสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนคู่ไปกับการให้การศึกษาเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และผลจากการดื่มอย่างเป็นอันตรายซึ่งในสังคมประชาธิปไตยยุคดิจิตัลการปิดกั้นข้อมูลของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นไม่ควรเกิดขึ้นประชาชนผู้บริโภคมีสิทธิที่จะรู้รายละเอียดของทุกผลิตภัณฑ์ก่อนตัดสินใจซื้อการให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาไม่อวดอ้างเกินจริงต้องสามารถกระทำได้อีกทั้งหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการจ่ายเงินสินบนรางวัลนำจับกลายเป็นแรงจูงใจทางอ้อมให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นธรรมกลายเป็นกฎหมายส่งเสริมให้เกิดช่องทางหารายได้พิเศษของเจ้าหน้าที่
สำหรับเหตุผลการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดังกล่าวเพื่อแก้ปัญหา “เมาแล้วขับ”ก่อให้เกิดอุบัติเหตุนั้นนายกสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทยกล่าวว่าเป็นการแก้ปัญหาไม่ถูกจุดเกาไม่ถูกที่คันเพราะการใช้กฎหมายที่ผ่านมายาวนานแต่สถิติประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มีอัตราความสูญเสียจากอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงเป็นอันดับต้นๆของโลกโดยในปีพ.ศ.2564อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนต่อจำนวนประชากรในประเทศไทยสูงเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคเอเชียและเป็นอันดับ 9ของโลกประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนรวมกว่า 1แสนคนในช่วง 10ปีที่ผ่านมาโดยแนวทางที่ถูกต้องเราควรมุ่งไปที่การสร้างความตระหนักรู้และวัฒนธรรมรับผิดชอบด้วยการ “ดื่มไม่ขับ”อย่างเช่นนานาประเทศที่มีการขับขี่บนถนนอย่างปลอดภัยเช่นเกาหลีญี่ปุ่นสวีเดนเดนมาร์กสหราชอาณาจักรที่มีวัฒนธรรม “ดื่มไม่ขับ”อย่างมีประสิทธิภาพแถมคนญี่ปุ่นเกาหลีอังกฤษและเวลส์สามารถซื้อแอลกอฮอล์ได้ซุปเปอร์มาเก็ต 24ชั่วโมงแต่ก็มีวัฒนธรรมอย่างแข็งแกร่งคือ “ไม่ขับรถเมื่อดื่ม”นอกจากนี้ไทยเราควรควรหยุดรณรงค์สร้างภาพคนดื่มแอลกอฮอล์เป็น “ปีศาจสุรา”ที่ขัดต่อศีลธรรมอันดีงามของสังคมไทยโดยเราควรหันมารณรงค์เชิงสร้างสรรค์จากการสร้างภาพผีขี้เมามาเป็นการให้ข้อมูลทางสุขภาพที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริงไม่ผลักให้ผู้ดื่มกลายเป็น “คนบาป”ในสังคมไทย