“เอนก” เผย ลาออกหัวหน้าพรรครวมพลังแล้ว แต่ยังเป็นสมาชิกพรรค-ทำหน้าที่รัฐมนตรี อว. เปรยขอยุติบทบาททางการเมือง ชี้ พอใจการทำงานในตำแหน่ง 3 ปี แย้มคุย “บิ๊กตู่” ชวนช่วยงานเพื่อบ้านเมือง
เมื่อเวลา 08.39 น.วันที่ 7 ก.พ.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวถึงท่าทีทางการเมืองจะอยู่พรรครวมพลัง หรือจะย้ายไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์การเมืองของพรรค ว่า ขณะนี้ตนได้ลาออกจากหัวหน้าพรรครวมพลังแล้ว ตอนนี้ได้มีหัวหน้าพรรคคนใหม่ และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว ส่วนตนได้ขอยุติบทบาท แต่ยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ และยังทำหน้าที่รัฐมนตรี อว.อยู่
เมื่อถามว่า จะยุติบทบาททางการเมือง แต่ยังคงทำหน้าที่รัฐมนตรี อว. จนหมดอายุรัฐบาลใช่หรือไม่ นายเอนก กล่าวว่า ถูกต้อง และไม่คิดจะเล่นการเมืองตรงๆ ส่วนหากมีโอกาสจะช่วยบ้านเมืองทำงานในตำแหน่งไหน คงจะต้องพิจารณาอีกที ทั้งนี้ หากจะช่วยงาน พล.อ.ประยุทธ์ ก็คงจะช่วยในฐานะที่ท่านเป็นนายกฯ แล้วทำงานมีฝีมือ มีผลงานที่เห็นอยู่ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ใน ครม. ก็เห็นกัน และเป็นคนที่ตนเองสนับสนุน
เมื่อถามย้ำถึงสาเหตุที่ไม่อยากเล่นการเมืองต่อ นายเอนก กล่าวว่า ตนรู้สึกพอใจแล้ว ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง ในช่วงเวลา 3 ปี ที่เป็นรัฐมนตรี อว. ก็ทำงานเต็มที่ กระทรวงก็มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา และตนก็คิดว่าสูงสุดในชีวิต ก็คือได้ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองและได้เป็นรัฐมนตรี
เมื่อถามอีกว่า ได้มีการพูดคุยกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรครวมพลังหรือไม่ นายเอนก กล่าวว่า นายสุเทพ ไม่ได้ขัดอะไร และสนับสนุนให้ตนทำอะไรที่เป็นประโยชน์ ส่วนที่ ส.ส.ย้ายออกจากพรรครวมพลังนั้น นายเอนก กล่าวว่า ก็แล้วแต่ เพราะพรรคเราเป็นพรรคการเมืองที่ไม่ได้ผูกมัดใคร ถ้าใครอยู่กับเราก็อยู่ ย้ำว่า ขณะนี้นายสุเทพยังอยู่พรรครวมพลังอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ เล็กน้อย ซึ่งท่านก็อยากให้ตนมาช่วยงานประเทศชาติและช่วยบ้านเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังพรรครวมพลังประชาชาติไทย เปลี่ยนชื่อมาเป็นพรรคพลัง ได้มีการประชุมสมาชิกพรรค เพื่อสรรหาหัวหน้าพรรคคนใหม่ แทน นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ซึ่งจากการประชุมกว่า 5 ชั่วโมง พรรครวมพลังได้มีมติเลือก ดร.ดนุช ตันเทอดทิตย์ หรือ ดร.ปอน ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรครวมพลังคนใหม่
ดร.ดนุช เปิดเผยภายหลังได้รับตำแหน่งว่า จุดเริ่มต้นเข้ามาในเส้นทางการเมืองเริ่มต้นด้วยการเป็นผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, ร่วมก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่, เข้าร่วมกับคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ในเวลาต่อมาก็เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย และเป็นกรรมการบริหารพรรค เดือนสิงหาคม 2564 ได้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรี อว. จนปัจจุบันตนเองได้รับตำแหน่ง เลขานุการรัฐมนตรี อว.
ดร.ดนุช กล่าวต่อว่า ส่วนนโยบายของพรรคพลังนั้น หากย้อนไปตั้งแต่พรรครวมพลังได้มีโอกาสมาบริหารกระทรวง อว. โครงการที่พรรคเร่งขับเคลื่อน ก็คือ การเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบาย BCG และการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนระดับตำบลผ่านโครงการมหาวิทยาลัยสู่ตำบล U2T For BCG เพราะพรรครวมพลัง เชื่อว่า การสร้างฐานรากที่มั่นคงจะนำไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น ในฐานะหัวหน้าพรรคคนใหม่ ตนเองยังคงสานต่อเจนตนารมย์ของหัวหน้าพรรคคนเก่า ที่ทำตามนโยบายเดิมของพรรคคือโครงการมหาวิทยาลัยสู่ตำบล เน้นสร้างรากฐานที่มั่นคง ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปถึง ปลายน้ำ ผ่านการเสริมองค์ความรู้ให้พี่น้องประชาชนในระดับตำบลและนำองค์ความรู้ที่พี่มีน้องมีมาทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เปรียบเสมือน “คนธรรมดา สร้างชาติ” เพื่อเป้าหมายการเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างเป็นรูปธรรมในปี 2580
ดร.ดนุช กล่าวด้วยว่า สำหรับนโยบายเด่นๆ ของ พรรครวมพลัง อาทิ สนับสนุนเรียนสายวิชาชีพฟรีถึงระดับ ปวส. เพราะมองว่า ปัจจุบันผู้เรียนต้องการนำความรู้ไปประกอบอาชีพอย่างแท้จริง ดังนั้น หากส่งเสริมและสนับสนุนเยาวชนส่วนนี้ ก็จะทำให้เกิดบุคลากรที่พร้อมต่อตลาดแรงงานอย่างมีคุณภาพ, การยกระดับคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชนด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, การแก้ปัญหาความยากจน ด้วยเศษฐกิจ BCG กับพื้นที่เป้าหมายเฟสแรกทุ่งกุลาร้องให้ ที่จะสร้างเป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษที่นำเทคโนโลยีตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ และการสร้างรายได้จากเศรษฐกิจ BCG เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ฯลฯ เป็นต้น
เป้าหมายของพรรครวมพลังครั้งนี้ จะรักษาความนิยมและความเชื่อมั่นของประชาชนที่เชื่อใจพรรคในคะแนนเสียงเดิมที่เคยได้คือ 800,000 คะแนน จากทั่วประเทศ พร้อมขยายฐานเสียงไปยังประชาชนที่มั่นใจการทำงานและเห็นผลงานของตนเองและของพรรครวมพลัง ในขณะเดียวกันชี้ชัดว่า พรรครวมพลัง พร้อมทำงานกับพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์และแนวทางเดียวกันในการทำงานเพื่อประชาชน ยึดมั่นในสถาบันหลักของชาติ ยึดผลประโยชน์ของประชาชน คือสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน