สำนักงานปราบโกง ไทยสร้างไทย เริ่มขยับ “อนุดิษฐ์-สุพันธ์ุ” แฉรัฐส่อเอื้อเอกชนทำ ปชช.ใช้ไฟแพงเกินจริง เหตุมีแผนในการสำรองไฟฟ้าสูงเกินความจำเป็น พร้อมสอนมวยแก้ปัญหา
วันนี้ (3 ก.พ.) เวลา 10:00 น. ที่อาคารสำนักงานปราบโกง ไทยสร้างไทย ปากซอยสุคนธสวัสดิ์ 17 น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ผู้อำนวยการสำนักงานปราบโกง หรือ ผอ.สปก. และ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย ได้แถลงข่าวความคืบหน้า กรณีการตรวจสอบค่าไฟฟ้าแพง ว่า ปัจจุบันคนทั่วไปจ่ายค่าไฟฟ้าอยู่ที่ยูนิตละเกือบ 5 บาท (รวมค่า FT) แต่ถ้าเป็นโรงงานอุตสาหกรรมยิ่งต้องจ่ายแพงขึ้นไปอีก หากดูจากการบริหารต้นทุนการผลิตของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต หรือ กฟผ. และ ราคาไฟฟ้าที่เราซื้อมาจาก สปป.ลาว จะเห็นว่าราคาที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ในขณะนี้แพงเกินกว่าความเป็นจริงไปมาก เพราะเมื่อลงไปดูในรายละเอียดของต้นทุนพบว่ามีการรวมมูลค่าของ “ค่าพร้อมจ่าย” ที่เกิดจากสัญญาของรัฐจ้างเอกชนสร้างโรงไฟฟ้าสำรองเข้าไปด้วย เฉพาะปี 2565 มีมูลค่าสูงถึง 26,000 ล้านบาท สืบเนื่องจากรัฐมีแผนในการสำรองไฟฟ้าสูงเกินความจำเป็นเกือบ 60% ของความต้องการไฟฟ้าจริง ตนจึงตั้งข้อสังเกตว่าสัญญาดังกล่าวอาจเข้าข่ายเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนหรือไม่ เพราะขณะนี้มีโรงงานผลิตไฟฟ้าของเอกชนไม่ต่ำกว่า 6 โรงที่ กฟผ. ต้องจ่ายเงิน “ค่าพร้อมจ่าย” ทั้งๆที่โรงงานดังกล่าวไม่ได้ผลิตกระแสไฟฟ้าออกมาเลยแม้แต่วัตต์เดียว
“ปัจจุบันความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของประเทศไทยอยู่ที่ 33,000 เมกะวัตต์ แต่ผู้มีอำนาจไปจ้างเอกชนสร้างโรงไฟฟ้าเพื่อเป็นกำลังสำรองสูงถึงประมาณ 53,000 เมกะวัตต์ หรือเกือบ 60% ซึ่งต้นทุนทั้งหมดถูกผลักมาให้ประชาชนรับผิดชอบซึ่งรวมไปถึง “ค่าพร้อมจ่าย” ที่ กฟผ. ไปจูงใจเอกชนมาลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าเพื่อผลิตไฟฟ้าขายให้ กฟผ. โดยมีเงื่อนไขว่าเอกชนต้องพร้อมขายไฟฟ้า ตามจำนวนที่ กฟผ.แจ้งซื้อได้ทันที ดังนั้นเงื่อนไขตามสัญญาดังกล่าวส่งผลให้ผู้ใช้ไฟฟ้าทุกคนในประเทศไทยต้องจ่ายเงินทันทีทุกครั้งที่เปิดสวิตซ์ไฟ เสียบปลั๊กเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ มันจะดูดเงินออกจากระเป๋าสตางค์ของท่าน โดน “ไฟดูด” แบบนี้ถึงเราจะไม่ตาย แต่เราจนครับ” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวต่อไปอีกว่า ค่าไฟฟ้าแพงแบบนี้ แทนที่รัฐบาลจะสั่งการให้คู่สัญญา คือ กฟผ.เปิดการเจรจากับภาคเอกชนเพื่อขอปรับลดหรือยกเลิก “ค่าพร้อมจ่าย” เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนกลับอยู่นิ่งเฉยไม่รู้ร้อนรู้หนาวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และที่สำคัญเมื่อประชาชนเดือดร้อน และ สังคมตั้งข้อสงสัยว่ารัฐกำลังดำเนินการเอื้อเอกชนหรือไม่ กฟผ.ต้องนำสัญญาและสูตรคำนวณ “ค่าพร้อมจ่าย” มาเปิดเผย ให้ประชาชนได้ทราบข้อเท็จจริงเพื่อความโปร่งใส เพราะหากเกิดความไม่เป็นธรรม ก็ถึงเวลาแล้วที่ผู้รับผิดชอบจะต้องรีบแก้ไข มิให้มีการเรียกเก็บค่าบริการจนเป็นภาระแก่ประชาชนเกินสมควร ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญมาตรา 56 วรรค 3
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ตนเองเข้าใจดี ว่า สถานการณ์ค่าไฟแพงขณะนี้อีกสาเหตุหนึ่งเกิดจากราคา LNG (ก๊าซธรรมชาติที่ถูกแปรสภาพให้อยู่ในรูปของเหลว เพื่อสะดวกต่อการขนส่ง) ที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้ามีราคาสูงขึ้น เนื่องจากมีปัญหาด้านการสำรวจก๊าซในอ่าวไทยที่ล่าช้า ส่งผลให้ กฟผ. ต้องปรับสัดส่วนการใช้ก๊าซจากอ่าวไทยลดลง และเลือกที่จะนำเข้า LNG จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น ปัญหานี้จึงส่งผลกระทบต่อราคาค่าไฟฟ้าอย่างมีนัยสำคัญ เพราะเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. ประกอบด้วย ก๊าซธรรมชาติ ประมาณร้อยละ 66 ถ่านหินร้อยละ 22 พลังงานน้ำร้อยละ 7.7 รวมทั้งการผลิตจากพลังงานหมุนเวียนอื่น เช่น ขยะและพลังงานแสงอาทิตย์ ประมาณร้อยละ 2.5
“ความล่าช้าในการสำรวจก๊าซของ ปตท.สผ. ทำให้จำนวนก๊าซธรรมชาติขาดแคลน แทนที่ ปตท. จะจัดลำดับความสำคัญในการใช้ก๊าซธรรมชาติมาผลิตไฟฟ้าเสียก่อน กลับนำ ก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย เข้าสู่อุตสาหกรรมปิโตรเลียม ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้โรงงานผลิตไฟฟ้า ต้องนำเข้า LNG ที่มีราคาแพงจากต่างประเทศ ทำให้ต้นทุนราคาการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด และ คนไทยต้องจ่ายค่าไฟแพง โดยไม่จำเป็น ทำให้ภาระตกอยู่กับประชาชนแต่ผลประโยชน์กลับตกอยู่กับอุตสาหกรรมบางประเภท ซึ่งไม่เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 57(2) บัญญัติไว้ว่ารัฐต้องจัดให้มีการใช้ประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และ ความหลากหลายทางชีวภาพ ให้เกิดประโยชน์ อย่างสมดุลและ ยั่งยืน จึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทบทวน และแก้ไขกรณีค่าไฟแพงนี้โดยด่วน” นายสุพันธุ์ กล่าว