รมว.คลัง เปิดงาน “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ สัญจร ครั้งที่ 5” จ.สงขลา ได้รับการตอบรับดี รวม 5 ครั้ง สามารถช่วยเหลือลูกหนี้ได้ 5 แสนราย ยอดหนี้ราว 3 หมื่นล้านบาท
วันนี้ (27 ม.ค.) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “มหกรรมร่วม ใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” สัญจร ครั้งที่ 5 จ.สงขลา โดยมีสถาบันการเงินของรัฐมาออกบูธให้คำปรึกษาแก้ไขหนี้ เติมเงิน เสริมสภาพคล่อง เร่งคลายปัญหาภาระหนี้ให้กับประชาชน พร้อมกับกล่าวว่า มหกรรมร่วม ใจแก้หนี้ฯ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชน ซึ่งการจัดที่สงขลาเป็นครั้งสุดท้ายของปี 2565 ซึ่งรวม 5 ครั้ง คาดว่ามีผู้มาลงทะเบียนแก้หนี้ราว 5 แสนราย ยอดหนี้ราว 2-3 หมื่นล้านบาท แต่การแก้หนี้ยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง แม้ไม่มีการจัดงานมหกรรมก็สามารถเข้าไปปรึกษาแก้หนี้ที่สาขาต่างๆ ของสถาบันการเงินของรัฐและเอกชนได้ นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือขยายผลการแก้หนี้ลงไปเฉพาะกลุ่ม โดยร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการแก้หนี้สินครู กระทรวงแรงงานช่วยเหลือหนี้ให้กับกลุ่มแรงงาน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานมหกรรมนั้นเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือประชาชนที่มีหนี้และหาทางออกไม่ได้ แม้ว่าสถิติของหนี้สินครัวเรือน ทั้งประเทศอยู่ที่ ร้อยละ 88-89 ของจีดีพี การมีโครงการมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ จะลดสัดส่วนหนี้ลงมาได้เล็กน้อยเท่านั้น เพราะการแก้ไขไม่ได้ทำให้หนี้หมดไป เพียงแต่เป็นหนี้สินที่จัดการได้ เพราะก่อนหน้านี้ประชาชน ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ไม่มีรายได้เข้ามา เพราะประสบปัญหาโควิด-19 ปัญหาเงินเฟ้อ ข้าวของแพง ราคาพลังงานปรับขึ้น ซึ่งการเข้ามาร่วมโครงการแก้หนี้ จึงมีทั้งการช่วยเหลือ พักชำระหนี้ ปรับวงเงิน ปรับงวด ลดต้นลดดอกเบี้ย ยืดระยะเวลาการชำระหนี้ เพื่อประคับประคองให้กับประชาชน พอเข้าสู่ช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวก็สามารถชำระหนี้ได้ต่อ ซึ่งตอนนี้เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นจากภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้ขีดความสามารถในการชำระหนี้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยเป็นที่จับตาของหลายประเทศ ว่า มีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว จากการเปิดประเทศ นักท่องเที่ยวที่เข้ามาต่อเนื่อง ไทยน่าจะฟื้นตัวได้เร็วเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ
ทั้งนี้ “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ครั้งที่ 5 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จังหวัดสงขลา มีขึ้นระหว่างในวันที่ 27-29 มกราคม 2566 ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น.