ประธานและหัวหน้า ชพก. ประกาศรื้อโครงสร้างเศรษฐกิจ แถลง 12 นโยบาย หาเงินใหม่เข้าประเทศ 5 ล้านล้าน เศรษฐกิจเฉดสี! บนแนวคิดเป้าหมายคนไทย “งานดี-มีเงิน-ของไม่แพง!”
วันนี้ (24 ม.ค.) ที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ พรรคชาติพัฒนากล้า นำโดย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรค, นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย คณะผู้บริหารพรรค ร่วมกันแถลงเปิดนโยบายเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้งและขับเคลื่อนประเทศ บนแนวคิด “งานดี-มีเงิน-ของไม่แพง!”
นายสุวัจน์ กล่าวว่า รัฐบาลกำลังจะครบเทอม ทุกพรรคต่างเตรียมนโยบาย พรรคชาติพัฒนากล้า ก็เป็นพรรคหนึ่งที่ต้องเตรียมความพร้อมเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจเป็นปัญหาหลักที่ต้องเข้ามาแก้ไข ทุกพรรคต้องร่วมมือกันในการนำเสนอนโยบาย เพื่อให้ประชาชนมีความหวังว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นทางออกของประเทศ พรรคจึงขออาสาเข้ามาทำงานตรงนี้ โดยมีแนวคิดว่า “งานดี มีเงิน ของไม่แพง” สร้างแพลตฟอร์มเศรษฐกิจใหม่
โดยเปิดนโยบายทั้งหมด 12 เรื่อง คือ 1. นโยบายในเรื่องการที่จะสร้างเศรษฐกิจใหม่ ที่จะมาหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจที่จะนําไปสู่เม็ดเงิน ประมาณ 5 ล้านล้านบาท 2. นโยบายลดค่าใช้จ่าย จะจัดโครงสร้างภาษีใหม่ บุคคลเงินเดือน 40,000 บาทแรกไม่ต้องเสียภาษี 3. นโยบายสร้างเกษตรใหม่ที่จะเป็นแพลตฟอร์มใหม่ทางด้านเศรษฐกิจ เป็นจุดแข็งของประเทศ 4. นโยบายสินเชื่อ จากปัญหาเรื่องเครดิต จะผ่อนคลายให้ทุกคนกลับมาใช้สินเชื่อกันได้ใหม่ 5. นโยบายการใช้ระบบดิจิทัลมาปรับปรุงระบบราชการ เพื่อให้เกิดความคล่องตัว รวดเร็ว โปร่งใส 6. นโยบายทางด้านการท่องเที่ยว ที่จะมาสร้างเงิน สร้างงาน สร้างรายได้ เพิ่มนักท่องเที่ยว 2 เท่า 7. นโยบายด้านพลังงานในเรื่องของราคาไฟฟ้าและราคาน้ำมัน 8. นโยบายด้านการศึกษา เพิ่มทักษะให้คนมีโอกาสทำงานมากขึ้น ประเทศไทยต้องเรียนรู้หลายภาษา 9. นโยบายทุนธุรกิจสร้างสรรค์ สูงสุดรายละ 1 ล้านบาท ไม่จำกัดวุฒิและวัย 10. นโยบายสูงไวไฟแรง งานใหม่ 500,000 ตำแหน่ง 11. นโยบายอารยสถาปัตย์ปรับปรุงบ้าน 50,000 บาทให้ผู้สูงวัยและผู้พิการ 12. นโยบายมอเตอร์เวย์ทั่วไทย 4 ทิศ 2,000 กิโลเมตร
ขณะที่ นายกรณ์ กล่าวย้ำถึงนโยบายลดภาษีให้คนทำงาน ที่เงินเดือนไม่ถึง 40,000 บาท เพราะค่าครองชีพสูงขึ้นอย่างมาก แต่ภาษีไม่เคยปรับลดเลย ขณะที่รัฐบาลดภาษีนิติบุคคลของบริษัทขนาดใหญ่จาก 30% เหลือ 20% ตอนนี้รายได้รัฐเริ่มฟื้น สำนักงบประมาณประมาณการรายรับจะเพิ่มขึ้น 2.7 แสนล้านบาท จึงเป็นจังหวะที่ดีที่จะลดภาระคนทำงาน 4 ล้านคน ซึ่งนโยบายนี้ มีพรรคร่วมรัฐบาลเคยหาเสียงไว้ แต่ตลอด 4 ปีที่มาไม่ได้ทำ
นายกรณ์ ยังกล่าวเปิดนโยบายรื้อโครงสร้างเศรษฐกิจ ที่จะสร้างรายได้ให้ประเทศไทยได้อีก 5 ล้านล้านบาท ภายใน 5 ปี ด้วยยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเฉดสี (Spectrum Economy) โดยเริ่มจาก “เศรษฐกิจสีเขียว” กรีนอีโคนีมี เศรษฐกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มสัดส่วนการผลิตพลังงานหมุนเวียน ต้องแยกระบบสายส่งออกจากการไฟฟ้า เพื่อให้ประชาชนสามารถซื้อขายไฟฟ้าผ่านระบบสายส่งของรัฐ ขยายพื้นที่ป่าเป็น 40% หรือ 26 ล้านไร่ ของประเทศ ด้วยการออกพันธบัตรป่าไม้มูลค่า 65,000 ล้านบาท สร้างรายได้ให้ประชาชน ทั้งการขายพืชเศรษฐกิจและคาร์บอนเครดิต
“เศรษฐกิจสีเทา” เปลี่ยนส่วยเป็นภาษี ธนาคารโลก ระบุว่า ประเทศไทยมีเศรษฐกิจสีเทาแฝงอยู่ในระบบเศรษฐกิจมากเป็นอันดับต้นของโลก สูงถึง 50% ของจีดีพี แต่ขาดให้โอกาสในการเก็บภาษีเข้ารัฐ จึงเสนอให้มีกาสิโนในรีสอร์ตเหมือนสิงคโปร์ ที่มีรายได้ในส่วนนี้ 2 แสนล้านบาทต่อปี
“เศรษฐกิจสีขาว” เศรษฐกิจสายมู ตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมให้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวสายมูที่เป็นเทรนด์ใหม่ในโลก จังหวัดละ 1 พันล้าน
“เศรษฐกิจสีน้ำเงิน” เศรษฐกิจสายเทค สร้างโอกาสด้านดิจิทัลอีโคโนมี 1.75 ล้านล้านบาท สร้างโอกาสให้คนไทยเป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม ที่ทำได้ก่อน คือ การท่องเที่ยว สามารถจองห้องจองโรงแรม และธุรกิจเกี่ยวเนื่องได้เอง โดยไม่ต้องแบ่งรายได้ให้กับเจ้าของแพลตฟอร์ม ทำให้เราสูญเสียโอกาสไปมาก นอกจากนี้ เทคโนโลยีจะมาช่วยแก้ปัญหาลอตเตอรี่ไม่ให้เกิน 80 บาท โดยขยายเพิ่มเป็น 50 ล้านใบ เมื่อรัฐบาลขายเอง ผ่านแอปตัวเอง และไม่ต้องจ่ายค่าการตลาดให้กับยี่ปั๊ว ทำได้ เงินกลับเข้าสู่กระเป๋าประชาชนเกือบ 3 หมื่นล้านบาทต่อปี
ต่อมาอีก 1 ล้านล้านบาท เรนโบว์อีโคโนมี หรือเศรษฐกิจสีรุ้ง จากความเท่าเทียมสู่โอกาสทางเศรษฐกิจ เพิ่มกำลังซื้อสูงสุด 1 ล้านล้านบาท ทุกปี เริ่มด้วยการปรับกฎหมายให้สมรสได้และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการรองรับกำลังซื้อใหญ่จากทั่วโลก รวมไปถึงซิลเวอร์อีโคโนมี หรือเศรษฐกิจสีเงิน ชูเศรษฐกิจวัยเก๋า สร้างบ้านผู้สูงอายุ ปรับปรุงบ้าน 5 หมื่นล้าน 1 ล้านครัวเรือน ลดสถิติคนสูงอายุล้มในบ้านปีละ 2 ล้านคน
“ทุกนโยบายเศรษฐกิจ ทุกการรื้อโครงสร้างเหล่านี้ จะทำให้คนไทยมีงานดี มีเงิน และของไม่แพง เรามีนโยบายเศรษฐกิจที่ไม่ได้มุ่งใช้เงิน แต่เรามียุทธศาสตร์หาเงินใหม่เข้าประเทศ รองรับการทำงานของรัฐบาลในอนาคตต่อไป” พร้อมทั้งฝากพี่น้องประชาชนพิจารณาพรรคชาติพัฒนาเป็นตัวเลขเข้าไปทำงานด้านเศรษฐกิจเพื่อชาติบ้านเมืองต่อไป” นายกรณ์ กล่าว