สั้นๆ! “สมศักดิ์ เจียม” แซะ “อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา” โยงปม 112 - ปล่อยนักโทษการเมือง อยู่ที่สองคนนี้ “นิพิฏฐ์” ซัด “ลัทธิประหลาด” จี้หยุด “อัตตาธิปไตย” บีบแก้ ม.112 “อดีตบิ๊กข่าวกรอง” ชี้ การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (22 ม.ค.) เพจเฟซบุ๊ก Somsak Jeamteerasakul ของ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ต้องหา ม.112 ลี้ภัยในฝรั่งเศส โพสต์ภาพ “อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา” ขณะทั้งสองเดินทางไป “เยาวราช” พร้อมข้อความระบุว่า
“ให้สองคนนี้ออกมาพูดเรื่อง 112 และนักโทษการเมืองเสียก่อน จึงค่อยว่าผู้คนสนใจปล่อยนักโทษการเมือง”
ทั้งนี้ ตามข่าว เมื่อวันที่ 21 มกราคม ที่ผ่านมา ที่ถนนเยาวราช เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร น.ส.อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) สมาชิกพรรคเพื่อไทย, นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) นำสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ลงพื้นที่ เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เนื่องในวันตรุษจีน และพบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการ
แพทองธาร กล่าวว่า นักธุรกิจที่มาพูดคุยวันนี้ ได้สะท้อนปัญหาหลายๆ อย่าง หลังจากผ่านวิกฤตโควิด พร้อมฝากเรื่องการนำสายไฟฟ้าลงดิน จากนี้จะนำปัญหาที่ได้พูดคุยกันไปจัดทำเป็นนโยบายต่อไป
ด้าน เศรษฐา กล่าวว่า ตนจะช่วยพรรคดูเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งที่ผ่านมา การทำงานเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อยู่แต่ระดับผู้บริหาร ไม่ได้มีโอกาสมาพบปะกับผู้ประกอบการโดยตรง วันนี้จึงได้รับทราบปัญหาที่แท้จริง ซึ่งจะช่วยนำไปปรับนโยบายให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเยาวราชดีขึ้นต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความพร้อมในการรับตำแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เศรษฐา กล่าวว่า ขณะนี้ตนสมัครเป็นสมาชิกพรรคเรียบร้อย และมาช่วยด้านเศรษฐกิจ จะช่วยดูเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำที่มีอยู่กับคนไทยเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่ถนนเยาวราชครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่เศรษฐาปรากฏตัวทำกิจกรรมทางเมืองร่วมกับพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมกับ แพทองธาร หลังมีกระแสข่าวว่าจะเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย
ขณะเดียวกัน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ระบุ ว่า
“อย่าทำการเมืองให้เป็นลัทธิประหลาด และสถาปนาตัวเองเป็นศาสดา
- ผมติดตามข่าวจำเลยหญิง 2 คน ในคดีอาญา ม.112 ขอถอนประกันตัวเอง เข้าเรือนจำ และประท้วงอดข้าว-อดน้ำ เรียกร้อง 3 ข้อ รวมทั้งให้ยกเลิก ม.112, 116
- ผมเขียนไปครั้งหนึ่งแล้ว ว่า ความผิดตาม ม.112 ไม่ใช่ความผิดทางการเมือง
- การประท้วงอดข้าว-อดน้ำ ในประวัติศาสตร์โลกมีมาตลอด ทั้งประสบความสำเร็จและไม่ประสบความสำเร็จ ที่ประสบความสำเร็จ เพราะเป็นอารมณ์ร่วมของคนในสังคม และสื่อให้ความสนใจ สำหรับในเมืองไทย การอดข้าวประท้วง เพื่อให้ยกเลิก กม. ไม่เคยประสบความสำเร็จ เพราะการยกเลิก แก้ไข เปลี่ยนแปลงกฎหมายใดๆ เป็นอำนาจ-หน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา มิใช่จะสำเร็จด้วยการประท้วง ยิ่งการขอยกเลิกกฎหมายที่เกี่ยวกับความเชื่อสูงสุดของคนในสังคม ยากที่จะประสบความสำเร็จ
- ความเห็นต่างทางการเมืองเกิดขึ้นได้ เป็นเรื่องปกติในสังคมประชาธิปไตย แต่การกดดันผู้อื่นให้ปฏิบัติตามความเห็นของตน โดยใช้ชีวิตของตัวเองเป็นเดิมพันนั้น มองอย่างไรก็มิใช่วิถีทางแห่งประชาธิปไตย แต่เป็นอัตตาธิปไตย ที่ถือความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ และเป็นความคิดแบบเผด็จการเสียด้วยซ้ำ
- อย่าทำให้การเมืองกลายเป็น “ลัทธิประหลาด” และทำตัวเองให้เป็น “สาวก” ของลัทธิประหลาดนั้น
- ใครเป็นศาสดาของลัทธินี้ ก็ขอให้ห้ามสาวกของท่านเสียเถอะ อย่าให้เขาพลีชีพด้วยการอดข้าว-อดน้ำเลย บาปกรรมเปล่าๆ
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ระบุว่า
“การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร
พี่น้องเหมือนแขนขา จะตัดขาดกันได้เยี่ยงไร. มิต้องพิการไปหรือ. ส่วนใครจะตัดใคร เราไม่เกี่ยว
การเมืองเริ่มเข้าโค้งวัดเบญจ ปีกลองก็เชิดรัวๆ เสียงปราศรัยเร่าร้อนเรียกหาคะแนน. ชีพจรลงเท้า
ไม่ต้องไปให้ความสนใจกับบรรดากูรู้ทางการเมืองหน้าไหน. ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและเชียร์ฝ่ายค้าน เพราะล้วนเคยโกธรแค้นลุงตู่ที่ปลดออกจากตำแหน่ง
ขออย่างเดียว. คนมีสิทธิเลือกตั้ง คิดให้ดี. คิดถึงวันข้างหน้า นักการเมืองหาเสียงหลอกลวงประชาชนมาหลายครั้งหลายหน ล่าสุด เลือกตั้งผู้ว่าฯ ที่เพิ่งผ่านไป. สมน้ำหน้าตัวเอง เต้นแร้งเต้นกาไปวันๆ
ส.ส.ด่าลุงตู่ดีแต่กู้. แต่นโยบายหาเสียงจะขึ้นเงินเดือน. เพิ่มบำนาญ เพิ่มค่าแรง จะเอาเงินมาจากไหนถ้าไม่กู้
อย่าเลือกพรรคที่โหยหาห่วงพ่อ อย่าเลือกตระกูลโคตรโกง. อย่าเลือกพรรคล้มเจ้า เลิก ม.112
กรุงเทพฯจะเป็นพื้นที่ตัดสิน. มีเสียง ส.ส.มากถึง 30 กว่าเสียง เทเสียงให้ใครพรรคนั้นชนะ”
แน่นอน, น่าคิดว่า ในทาง “ยุทธศาสตร์” การเลือกตั้งครั้งหน้า จะมี “3 กระแส” เกิดขึ้น
กระแสแรก ข้อเสนอเลือกฝ่าย “ประชาธิปไตย” แก้ไข ม.112, ม.116 ไม่จับขั้วรัฐบาลกับพรรคทหาร พรรคสืบทอดอำนาจเผด็จการ พรรคที่รองรับกระแสนี้ น่าจะมีอยู่พรรคเดียว ส่วนอีกพรรคที่เป็นฝ่ายค้าด้วยกัน ยังกล้าๆ กลัวๆ ที่จะแสดงท่าทีอย่างชัดเจน
กระแสที่สอง ข้อเสนอ เลือกขั้วอำนาจเก่า สกัด ขบวนการล้มเจ้า ปกป้องสถาบันฯ และต่อต้าน “คนแดนไกล”
กระแสที่สาม ข้อเสนอเลือกพรรค และขั้วรัฐบาล “ก้าวข้ามความขัดแย้ง”
ส่วนว่า “ไผเป็นไผ” อีกไม่ช้าไม่นาน การหาเสียงเลือกตั้ง ก็จะบอกเอง และประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจว่า จะเลือกพรรคไหนดี