ข่าวปนคน คนปนข่าว
**อะ! "ม." ตัวพ่อบ่อนพนัน-ก๊วนฟอกเงินเบ่งกล้าม รุมกดดัน "ทีมชุดทำคดี" กองสลากพลัส “นอท” ดูท่าจะสาหัส! เมื่อDSI มั่นใจในหลักฐานขั้นสุดเอาผิดได้
เกาะติดกรณี กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ขยายผลหลังจับกุมหัวหน้าขบวนการผู้ให้บริการ ”บัญชีม้า” ที่ทำหน้าที่เบิกถอนเงินสด และนำไปเข้าบัญชีให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายราย โดยจากการสอบสวนพบว่า หนึ่งใน “ผู้รับเงิน” จากกลุ่มขบวนการนี้ คือ ผู้บริหารแพลตฟอร์มสลากกินแบ่งออนไลน์ “กองสลากพลัส” อันโด่งดัง โดย ปรากฏหลักฐานการรับเงินจากกลุ่มขบวนการนี้จำนวน 53 ล้านบาท
ต้องบอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่โตมโหระทึกยิ่ง ได้รับความสนใจจากสังคมอย่างมาก เพราะนอกจากถือว่าเป็น “ขบวนการฟอกเงิน” ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี และแพลตฟอร์มร่วมสมัย แตกต่างจากอดีตที่ฟอกกัน“บ้านๆ” งานยังไปเข้าที่ “นอท”พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ CEO กองสลากพลัส ที่เจ้าตัวคิดว่ากำลังอยู่ในช่วงพีกสุดๆ ทั้งการทำตลาด-พีอาร์ ไล่บี้คู่แข่ง โหมกระพือตัวเอง และแพลตฟอร์มให้ดัง ด้วยการรับเชิญออกสื่อช่องนั้น ช่องนี้ แถมซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอล เป็นสปอนเซอร์อีเว้นต์ ชนิดปูพรมใช้เงินกระหน่ำ กระทั่งทำให้ “กองสลากพลัส” ติดหูติดตาคอหวย ขึ้นแท่นเป็น “ตัวตึง” ของวงการเสี่ยงโชค
“นอท” ถูกพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ออกหมายเรียกให้เข้ามาชี้แจงเหตุรับเงินดังกล่าว เจ้าตัวก็ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าว ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้มีส่วนร่วมฟอกเงินฟอกทองร่วมกับก๊วนที่ว่า และที่ไปให้ปากคำกับดีเอสไอ ก็เป็นใน “ฐานะพยาน” แถมถือโอกาสโฆษณา ยังจะเดินหน้าขายสลาก กับแพลตฟอร์มเดิม และเพิ่มเติมคือ ตั้งพรรคการเมืองชื่อ "เปลี่ยน" โอ่ว่าตั้งขึ้นมาเพื่อจะแก้ปัญหา “สลากขายเกินราคา” อีกต่างหาก
เรียกว่า พูดจาหล่อเหลาหาเสียงล่วงหน้า หน้าบานกันไปเลยทีเดียว!!
แต่ช้าก่อน... “พี่นอท” ก็อย่าเพิ่งดีใจออกนอกหน้า เก็บอาการไว้หน่อยก็ดี !
ล่าสุด เห็นว่า “ดีเอสไอ”มีความเคลื่อนไหวในคดีนี้ โดยพนักงานสอบสวนหลังจากสอบปากคำ “นอท”ไปเมื่อวันก่อนแล้ว ประเด็นที่มีเงินจากกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมาย หรือ ขบวนการฟอกเงินจำนวน 53 ล้านบาท จากนาย อ. และนาย ท. โอนมาที่บัญชี “นอท พันธ์ธวัช”
มาวันนี้ “ดีเอสไอ”ได้แบ่งสำนวนเพิ่มมาเป็นอีกหนึ่งคดีพิเศษ คือ คดีพิเศษที่ 6/66 ที่ได้สืบสวนเส้นทางการเงินเพิ่มเติมจากบัญชี “นอท พันธ์ธวัช” และ พบอีก 39 เส้นทางการเงิน มีจำนวนกว่า 1,090 ล้านบาท ซึ่งมีการโอนเข้ามาในบัญชีของ “นอท พันธ์ธวัช” เช่นกัน และเส้นทางการเงินจำนวนนี้ ชัดเจนว่าเป็นเงินจากกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมาย ซึ่ง CEO กองสลากพลัส จะต้องเข้าชี้แจงภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้
ถามว่า คราวนี้ “นอท” จะออกมาท่องคาถาประจำใจ “แพ้เป็นถ่าน ผ่านเป็นเพชร” ได้อีกหรือไม่?... เพราะงานนี้ “ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์” อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยืนยันว่าพนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานชัดเจนที่จะดำเนินคดีกับ “นอท พันธ์ธวัช”
ตอนนี้ต้องถือว่า คดีนี้ค่อยๆพีก ขึ้นเป็นลำดับ จากนี้ไปไม่ว่าจะเป็นคนที่เกี่ยวโยงกับก๊วนฟอกเงิน หรือ กระทั่งเชื่อมโยงกับ “นอท พันธ์ธวัช” เชื่อได้ว่าต้องเตรียมหาผ้าห่มหนาๆ คลุมตัวไว้ให้ดี เพราะหนาวแน่!!
ลองคิดดูเอาเถอะว่า พนักงานสอบสวนไล่ล่า สางปมตามเส้นทางการเงินพันกว่าล้าน อาชญากรก่ออาชญากรรมย่อมทิ้งร่องรอย ฉันใดก็ฉันนั้น ก๊วนฟอกเงินก็หนีไม่พ้น ส่วนจะเจอว่าเป็นใครอย่างไร เชื่อมโยงกันแค่ไหน อีกไม่นานคงได้รู้กัน
ฟังว่า คดีนี้จะไม่ช้า เพราะหนึ่งนั้นสังคมจับตาดูอย่างใกล้ชิด และพนักงานสอบสวนก็ตั้งใจทำผลงานเต็มที่ ชนิดไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม ใดๆ ทั้งๆ ที่มีรายงานเล็ดลอดออกมาจากกรมฯว่า ระหว่างทางสอบสวนสืบสวนนี้ “ทีมชุดทำคดี” โดนรุมบีบ กดดันอย่างหนัก
วิธีการมาทุกรูปแบบ ทั้งส่ง“ผู้ใหญ่” เป็นตัวแทนมาล็อบบี้ ต่อสายตรงถึงตัว ทำทุกท่าเพื่อขอให้หยุดขยายผล หรือละเว้นให้
นี่ยังไม่รับรวมบรรดา “คนหิวแสง” ที่รับงานเจ้าของบ่อน ก๊วนฟอกเงินมาผสมโรงปล่อยข่าวดีสเครดิต DSI ด้อยค่าทีมทำคดี ว่าเรียกรับผลประโยชน์จากก๊วนฟอกเงินไปนู่น
ล่าสุดแว่วว่า “ม.” ตัวพ่อในยุทธจักรบ่อนพนันปัจจุบันที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับอดีตนายตำรวจระดับบิ๊ก กำลังดิ้นพล่านๆ เพราะตัวเองมีชื่อพัวพันกับก๊วนฟอกเงิน และกองสลากพลัสโดย "ม" ตัวพ่อ สัมพันธ์กับในส่วนของ นาย อ. และนาย ท. ที่ถูกรวบมา
"ม." ตัวพ่อบ่อนพนัน ประเมินแล้วเกรงว่าตนเองจะอยู่ในลิสต์รายชื่อที่ทีมทำคดีกำลังจะสาวไปถึง งานนี้ “เจ้าพ่อบ่อน” จึงนั่งไม่ติด แต่ไหนแต่ไร ก็อยู่รอดปลอดภัยเพราะเส้นใหญ่ ครั้งนี้เห็นท่าไม่ดี ก็เลยกำตั๋ว "สายแข็ง" เป็นใบเบิกทาง เดินขึ้นกรมคดีพิเศษ เข้าหาทีมพนักงานสอบสวนด้วยตัวเอง หวังว่าอีกฝ่ายจะกลัวเกรง แต่สุดท้ายต้องหน้าม้านกลับไป เมื่อพนักงานสอบสวนยืนยัน จะทำทุกอย่างตามหลักฐาน พยาน เพื่อดำเนินคดีกับคนที่ทำผิดกฎหมายอย่างถึงที่สุด
งานนี้เราๆ ท่านๆ คงต้องเอาใจช่วย และขอให้ผู้บังคับบัญชาทั้งหลายช่วยกันปกป้องทีมชุดทำคดีชุดนี้ให้ดี เพราะนี่จะเป็นผลงาน “โบแดง” ของดีเอสไอ และเรียกความเชื่อมั่นศรัทธากับสังคมได้
ใครทำผิดกฎหมายก็ต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ใครจะเบ่งกล้าม อวดบารมี ก็อย่าไปสน ลุยได้ลุยเอาให้เต็มสูบ ประชาชนพร้อมเป็นกองหลังหนุนเต็มที่เสมอ
สำหรับ ม.ขาใหญ่บ่อนพนัน กับ ก๊วนฟอกเงิน ถึงนาทีนี้น่าจะอยู่ไม่สุขแล้ว และ ดูท่า “นอท กองสลากพลัส” เองก็เข้าข่ายจะสาหัส ขณะที่กับคาถาที่เจ้าตัวท่องขึ้นใจว่า “ แพ้เป็นถ่าน ผ่านเป็นเพชร” อาจจะต้องถึงคราเปลี่ยนใหม่ เพราะงานนี้ ดีเอสไอ เขาเอาจริง เกรงว่าจะไม่ใช่ "แพ้แล้วเป็นถ่าน" หากแต่จะ "แหลกเป็นจุณ!" ไปด้วยอ๊ะป่าว!!
** เฉือนคม!! “ลุงป้อม”บุกบ้านใหญ่ราชบุรี ปาดหน้า “ลุงตู่” ที่มีโปรแกรมลงพื้นที่ 19 ม.ค.นี้
หลังจากขึ้นเหนือไปลำปาง และพะเยา เพื่อติดตามงาน พบปะประชาชน และมีอีเวนต์สำคัญ พิธีรับ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย และลูกทีมกลับเข้าพรรคพลังประชารัฐ แบบเป็นข่าวใหญ่โต ด้วยซีน “ผู้กอง” คุกเข่ามอบพวงมาลัยให้ “ลุงป้อม” ขอกลับมารับฟังคำสั่งซ้ายหัน ขวาหัน
เมื่อเช้าวานนี้ (17 ม.ค.) มีข่าว “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลาประชุมครม. เนื่องจากมีอาการอ่อนเพลีย หลังกลับจากพะเยา เมื่อนักข่าวถามเรื่องนี้จาก“ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่“ลุงตู่” ก็ไม่ตอบว่ากระไร
กระทั่งประชุมครม.เสร็จ “ลุงตู่” ก็ออกมาบอกเองว่า “ลุงป้อม” ไม่ได้ป่วย แต่ไปจ.ราชบุรี ไม่รู้ไปทำไม...
เมื่อมีเบาะแสมาอย่างนี้ นักข่าวก็เช็กทันที ปรากฏว่าในช่วงเช้า “ลุงป้อม” ไปราชบุรี จริงๆ โดยดิ่งไปที่บ้านนายวิวัฒน์ นิติกาญจนา นายกอบจ.ราชบุรี สามีนางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งจัดว่าเป็น “บ้านใหญ่” ของเมืองโอ่งมังกรนั่นเอง
จ.ราชบุรี มี ส.ส. 5 คน ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พปชร.เจาะมาได้ 3 ที่นั่ง คือ เขต 1 คือ น.ส.กุลวลี นพอมรบดี พรรคพปชร. เขต 2 นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา พรรคพปชร. เขต 3 เดิมเป็นน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ พรรคพปชร. แต่เมื่อถูกศาลฎีกาฯ สั่งให้พ้นตำแหน่ง ต้องเลือกตั้งใหม่ ปรากฏว่า นายชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ จากพรรคปชป. ได้ไป เขต 4 นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ พรรคปชป. และ เขต 5 นายบุญลือ ประเสริฐโสภา จากพรรคภท.
เมื่อมีข่าวว่า “ลุงตู่” กำลังต่อสายดึง ส.ส.พปชร.ไปอยู่ด้วย และกำลังจะลงพื้นที่ไปพบปะประชาชน เช็กเรตติ้ง ในวันที่ 19ม.ค.นี้ “ลุงป้อม” เลยถือโอกาสปาดหน้าไป ขอคำยืนยันจากลูกพรรคก่อนว่ายังรักกันอยู่หรือไม่
ที่บ้าน ส.ส.บุญยิ่ง ซึ่งมีทั้งนักการเมืองท้องถิ่น สจ. สท. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสองคน มารอต้อนรับอยู่ ...ทันทีที่ “ลุงป้อม”ไปถึง ก็ทักทายว่า เป็นอย่างไรบ้าง ยังรักกันอยู่หรือเปล่านะ ฉันยังรักพวกแกนะ อุตสาห์ลาครม.เลยนะแกเอ๋ย ...ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ยังรักลุงอยู่” แค่นี้ก็พอจะคอนเฟิร์มได้ว่า “บ้านใหญ่นิติกาญจนา” ยังรักกันมั่นคง
ส่วน “กุลวลี นพอมรบดี” ซึ่งมีข่าวว่าปันใจไปทาง “ลุงตู่” ได้แต่บอกว่า ยังมีเวลา ทุกวันนี้ไปออกงานก็ยังไปในนามพรรคพปชร. และในวันที่19 ม.ค.นี้ ที่ “ลุงตู่”จะลงพื้นที่ จ.ราชบุรี ซึ่ง“ลุงป้อม” ก็ไม่ได้ว่าอะไร และยังบอกให้ไปต้อนรับนายกฯกันด้วย
เมื่อ “ลุงป้อม” ลงทุนลงแรงมาเยือนถึงที่ขนาดนี้ ก็ต้องติดตามดูว่า จะรั้งส.ส.ลูกพรรคทั้งสองคนให้อยู่กับพปชร.ได้หรือไม่
งานนี้เห็นได้ชัดว่าเมื่อ “ลุงป้อม” กับ “ลุงตู่” ต้องมาเป็นคู่แข่งกัน ก็ต้องมีหักเหลี่ยม เฉือนคมกันบ้าง ... อย่างว่าในทางการเมืองนั้น ถ้าต้องการให้ถึงเป้าหมาย ก็อย่าได้ห่วงถึงวิธีใช้ !!