xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” เสียงหาย บ่นพูดเยอะ มอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 67 ย้ำทุกคดีทุจริตต้องเข้าสู่กระบวนการไม่มีข้อยกเว้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“บิ๊กตู่” เสียงหาย บ่นพูดเยอะ มอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 67 ย้ำ ทุกคดีทุจริตต้องเข้าสู่กระบวนการไม่มีข้อยกเว้น สั่งลุยปราบการใช้โซเชียลในทางไม่เกิดประโยชน์-หลอกลวง ขอทุกฝ่ายอย่าให้เกิดความแตกแยก​-ความชิงชัง ออกตัวแม้คำพูดไม่น่าฟัง แต่ทั้งหมดมาจากใจ

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 12 ม.ค.ที่ห้องรอยัล จูบีลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ชั้น 1 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดและมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายธนากร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คลัง ร่วมงาน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า เรื่องการแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการเฝ้าระวังการทุจริตประพฤติมิชอบอย่างจริงจังและเข้มงวดทุกอย่างต้องเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมมีขั้นตอนในการดำเนินการทุกอย่าง อะไรก็ตามที่เป็นความผิดต้องถูกดำเนินการทางกฎหมายทั้งสิ้นไม่มีข้อยกเว้น และขึ้นอยู่กับหลายส่วนด้วยกันที่ต้องร่วมมือกันขอฝากไว้ด้วยในเรื่องนี้ ขอให้ทุกคนให้ความสำคัญ ตนไม่เคยปล่อยปละละเลยใดๆ ทั้งสิ้น ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามความรับผิดชอบของทุกส่วนในกระบวนการยุติธรรม ที่จะต้องมีความร่วมมือของประชาชนในการร่วมมือร้องทุกข์กล่าวโทษ ข่าวเจ้าหน้าที่ไม่ทำก็ต้องถูกดำเนินการต่อไป

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนเว็บไซต์ภาษีไปไหนตนได้มีการสั่งการเพิ่มเติม ว่าให้ว่าภาษีไปไหน​ มาแล้วให้รู้ว่าภาษีมาจากไหนต้องรู้ว่าทุกอย่างมาอย่างไรไปอย่างไร​ ใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่าจัดสัดส่วนต่างๆได้เหมาะสมหรือไม่จะได้รู้ได้เข้าใจกัน แล้วจะเป็นปัญหาในอนาคต ส่วนการใช้จ่ายเงินจะใช้ ให้ใคร​ นั่นคือ รายจ่ายต้องคำนึงถึงที่มาของรายได้ อยากบอกให้ทุกคนทราบว่า​ รัฐบาลเป็นห่วงเป็นใยทุกคนทุกกลุ่มทุกฝ่ายทุกพวก​ แต่จะทำอย่างไรให้เกิดความเป็นธรรมในการใช้จ่ายงบประมาณที่ได้มาจากภาษีของประชาชน ในแต่ละประเภทให้เกิดความสมดุล​เกิดความเป็นธรรม เพราะฉะนั้นจะต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากที่สุด รัฐบาลได้วางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศไปสู่อนาคต และรัฐบาลต้องดูแลให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ที่มีรายได้น้อยว่าจะดูแลได้อย่างไรเพิ่มเติมแต่ต้องหาเงินก่อนและจะต้องทยอยดำเนินการ ในห้วงรัฐบาลที่อยู่มาก็พยายามทำอย่างเต็มที่

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้มีปัญหาอยู่มากในระบบออนไลน์นำไปใช้ในทางที่ไม่เกิดประโยชน์​ ในทางหลอกลวงตนได้สั่งการหน่วยงานที่รับผิดชอบว่าจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย แม้ว่าจะมากมายเพียงใดก็ตามก็ต้องดำเนินการไม่เช่นนั้นก็จะเกิดขึ้นไปเรื่อยๆ เกิดความเสียหายอย่างที่ทุกคนก็เห็นอยู่เราจะต้องไม่ปล่อยปละละเลย หากเราไม่ช่วยกันก็แก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้สักอย่าง ต้องแก้ไขปัญหาแบบองค์รวมประชาชนมีส่วนร่วม

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม วันนี้เรื่องทั้งหมดที่มอบนโยบายวันนี้ เป็นระดับรัฐบาล ระดับ ครม. ที่ต้องเรียบเรียง ซึ่งระดับปฏิบัติก็ต้องทำตามนี้ ไม่เช่นนั้นใช้อะไรก็ได้ จ่ายอะไรก็ไม่ได้ไม่เกิดประโยชน์ ซึ่งมันไม่ได้ เพราะอันตราย และยอมรับว่ามีปัญหาต่างๆอยู่บ้างก็ทำต่อก็แล้วกัน​ งบประมาณ 2567​ ที่ต้องเตรียมความพร้อมให้กับรัฐบาลต่อไปด้วย นี่คือหลักการของตนในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ารัฐบาล เพราะฉะนั้นจะต้องไม่มีการทุจริต ถ้ามีก็ต้องถูกลงโทษเท่านั้นเอง ตนไม่เคยละเว้นใครทั้งสิ้น เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมต้นทางการทางปลายทางดำเนินการ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์การเงินการคลังเราอยู่ในเกณฑ์ที่มีความมั่นคง งบประมาณได้รับการยอมรับ และมีการพัฒนาประเทศมากมายแม้จะมีผลกระทบการเปลี่ยนแปลงจากภายในและภายนอกประเทศทั้งโควิด-19 และสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงขณะความขัดแย้งปัญหาทางภูมิศาสตร์ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผัน จึงจำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณทุกอย่างให้คุ้มค่าให้เกิดความสมดุลเพื่อแก้ปัญหาในทุกมิติโดยเดินไปพร้อมกัน รัฐบาลมุ่งมั่นทุ่มเท รวมทั้งแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่เต็มสติกำลังตามความสามารถตลอดจนการงานมาตรฐานพัฒนาโครงสร้างต่างๆ ให้เดินหน้าไปอย่างต่อเนื่องซึ่งการดำเนินงานเป็นผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ถ้าไม่เห็นก็ไม่รู้จะทำอย่างไรว่ามีอะไรก้าวหน้าบ้าง ในส่วนของการใช้จ่ายเราต้องคำนึงถึงที่มาของรายได้ รัฐบาลเป็นห่วงเป็นใยทุกคนทุกกลุ่มทุกฝ่าย ทำอย่างไรให้เกิดความเป็นธรรมในการใช้จ่ายงบประมาณที่ได้มาจากภาษีของประชาชนให้เกิดความสมดุลและเป็นธรรม ดังนั้นต้องใช้อย่างระมัดระวังให้มากที่สุด รัฐบาลวางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศไปสู่อนาคตเราต้องพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางไปสู่รายได้สูงให้เร็วที่สุดเพื่อดูแลเกิดความเป็นธรรมกับผู้มีรายได้น้อยซึ่งต้องทยอยดำเนินการ

“มี 2 คำที่ผมใช้อยู่เสมอ คือ ความเท่าเทียมด้านโอกาส และเท่าเทียมด้านกฎหมาย จึงขอเน้นย้ำจะทำอะไรก็ตาม ต้องไม่สร้างภาระระยะยาว จะต้องทำอย่างระมัดระวัง ดำเนินการภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังอย่างเหมาะสม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การพัฒนาและปฏิรูประบบราชการจะต้องให้มีความทันสมัยและอำนวยความสะดวก รวมถึงตอบสนองความต้องการของประชาชน ทั้งนี้ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ประเทศไทยสามารถรับมือกับสถานการณ์ความท้าทายต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศได้เป็นอย่างดี และสามารถฟื้นตัวได้อย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มเป็น 20 ล้านคน ในปี 2566 จากเดิมอยู่ที่ 10 ล้านคน และตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2566 ที่มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนซึ่งคาดว่า GDP จะเพิ่มจากร้อยละ 3.2 ในปี 2565 เป็นร้อยละ 3.5 ในปี 2566 อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตาม เฝ้าระวัง และเตรียมความพร้อมรองรับทุกสถานการณ์จากทั่วทุกภูมิภาคของโลกที่อาจส่งผลกระทบกับประเทศไทยในอนาคต
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การใช้จ่ายภาครัฐในปีงบประมาณ 2567 ยังคงมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและแผนต่างๆ ให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนด รวมทั้งเร่งเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล การยกระดับฝีมือแรงงาน การสนับสนุนการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว การส่งเสริมเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG) รวมถึงการจัดสวัสดิการให้แก่คนไทยทุกกลุ่มอย่างเหมาะสม โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรกภายใต้กรอบวงเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วงเงิน 3.35 ล้านล้านบาท และงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ วงเงินประมาณ 5.05 แสนล้านบาท ดังนั้น การบริหารจัดการด้านการคลังจึงจำเป็นต้องดำเนินไปด้วยความรอบคอบ รักษาวินัยและเสถียรภาพทางการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด การจัดเก็บรายได้และการใช้จ่ายภาครัฐต้องมีความสอดคล้อง เหมาะสม และยั่งยืน สามารถสนับสนุนการพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ก่อให้เกิดภาระทางการคลังในระยะยาว โดยรัฐบาลได้จัดทำแผนการคลังระยะปานกลางปีงบประมาณ 2567-2570 กำหนดเป้าหมายสัดส่วนการขาดดุลการคลังต่อ GDP ให้ลดลงอย่างต่อเนื่องและไม่เกินร้อยละ 3 ตามมาตรฐานของสากล

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ  2557 ประกอบด้วย 1. น้อมนำแนวทางพระราชดำริและหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 2. ให้ความสำคัญกับการดำเนินการเพื่อยกระดับศักยภาพประเทศในทุกมิติ 3. บริหารรายจ่ายประจำอย่างประหยัดคุ้มค่ามีประสิทธิภาพสอดคล้องกับความจำเป็นในสถานการณ์ปัจจุบัน

ทั้งนี้ การเสนอแผนการใช้จ่ายในแต่ละโครงการจะต้องมีการตรวจสอบความเป็นไปได้ ทั้งโครงการระยะสั้น ระยะกลางและ ระยะยาว เรื่องไหนที่เสนอมาแล้วไม่ผ่านก็ต้องนำกลับไปทบทวน 4. ประเมินผลสำเร็จของการดำเนินงาน 5. ส่งเสริมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 6 .จัดทำงบประมาณให้ครอบคลุมทุกแหล่งเงิน

“ถ้าเราใช้งบประมาณที่ถูกต้องคุ้มค่าสุจริตโปร่งใสและเป็นธรรมตรวจสอบได้ ถือหลักการของผมในฐานะนายกรัฐมนตรี หัวหน้ารัฐบาลฉะนั้นจะต้องไม่มีการทุจริตถ้ามีก็ต้องถูกลงโทษผมไม่เคยละเว้นใครทั้งสิ้น ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทั้งต้นทางกลางทางและปลายทาง ขอให้ช่วยกันให้เรียบร้อยทุกเรื่อง อย่าให้เกิดความแตกแยก ชิงชัง ผมไม่ต้องการแบบนั้นบ้านเมืองไปกันไม่ได้ เราใช้กลไกที่มีอยู่แล้วเดิมแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ได้ ขอบคุณทุกคนที่ฟัง คำพูดของตนอาจไม่น่าฟังมากนัก แต่ทั้งหมดนี้คือจิตใจของผม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวมอบนโยบาย นายกรัฐมนตรี​มีอาการ คอแห้ง เสียงหายไปในลำคอ พูดเสียงไม่ออก รวมไปถึงมีอาการไอเป็นระยะ​ พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับกล่าวว่า “พูดเยอะ” ก่อนจะหยุดหันไปดื่มน้ำ
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ ไม่สบายหรือไม่ เห็นว่า เจ็บคอ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็ทำงานเยอะและหนัก”
ทั้งนี้ ก่อนขึ้นรถเดินทางกลับทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ว่า ไม่ได้ป่วย แต่เป็นเพราะพูดติดกันหลายงาน จึงทำให้มีอาการดังกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น