ข่าวปนคน คนปนข่าว
**จาก"เด็กเลี้ยงแกะ" มาเป็น"แพะรับบาป" ดรามา "รางวัลที่1ทิพย์" พระเอก 7สี "บิ๊กเอ็ม" ครวญ...งานนี้ไม่น่าจะจบแค่คำขอโทษนะวิ!
ดรามา "รางวัลที่1ทิพย์" สลากกินแบ่งรัฐบาลที่เป็นประเด็นในโลกออนไลน์มาระยะหนึ่งมาถึงจุดพีกเมื่อวานนี้ (2ม.ค.) หลังพระเอกหนุ่มช่อง7สี "บิ๊กเอ็ม" กฤตฤทธิ์ บุตรพรหม ที่เคยโพสต์ลงโซเชียลฯตัวเองว่า ถูกรางวัลที่ 1 งวด 1 ตุลาคม 2565 แต่ต่อมากลับลบโพสต์ดังกล่าว ท่ามกลางกระแส "ทัวร์ลง" อย่างหนัก โดยเจ้าตัวไปร่วมแถลงกับ "ณวัฒน์ อิสรไกรศีล" เจ้าของ "มิสแกรนด์" ที่ออกมาแฉกรณีแพลตฟอร์มหวยออนไลน์เจ้าหนึ่ง จัดฉากคนถูกรางวัลที่ 1เพื่อโปรโมตแอปฯ ซึ่ง "บิ๊กเอ็ม" ยอมรับไม่ได้ถูกรางวัล เงินที่ได้มีก้อนเดียวคือ เงินจากสปอนเซอร์จำนวน 150,000 บาท
พูดง่ายๆว่า ถูกจ้างให้เป็นคนถูกรางวัล เจ้าตัวเองบอกว่าเครียดหนัก ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ "กลายเป็นแพะรับบาป" ถูกสังคมต่อว่า ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นคนก่อเรื่อง
พระเอกหนุ่มยังบอกว่า ตอนนี้อยากขอโทษประชาชน คนรู้จักทุกๆคนที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ตัวเองโง่เอง ไม่มีประสบการณ์ เชื่อใจคนง่าย สุดท้ายก็เป็นคนหนึ่งที่ถูกหลอกใช้ ช็อกมาก สมองตื้อ รู้สึกเสียใจไม่อยากให้ทางกลุ่มนั้นนำรูปไปใช้
งานนี้จึงเป็นเรื่องตอกย้ำขึ้นมาว่า กรณีที่เกิดขึ้น "เฟก"ทั้งเพ ตามที่ชาวโซเชียลฯ เขาสงสัย
หลังจากที่ความจริงจากปาก "บิ๊กเอ็ม" แพร่ออกไปก็ปรากฏมีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความเห็นจำนวนมาก ดรามาตามมาอีกระลอก ส่วนใหญ่ก็เห็นว่า จริงๆ "บิ๊กเอ็ม" เป็นดาราดังและมีอนาคตไกล ทำไมก่อนรับงานไม่มีที่ปรึกษา หรือผู้จัดการคอยสกรีนงานให้เลยหรือ ยิ่งพอเป็นประเด็นขึ้นมา น่าจะมีผู้ใหญ่ให้คำแนะนำในทางที่ดีกว่าที่โพสต์ล่าสุด อีกส่วนหนึ่งก็ชม "ณวัฒน์" ว่าทำถูกแล้วที่พาดาราตัวดรามาออกมายอมรับและขอโทษ ถือว่าเป็นผู้แนะนำทางที่ถูกต้องให้
จากนี้สิ่งที่สังคมสนใจน่าจะอยู่ที่จะเกิดอะไรต่อไปกับพระเอกหนุ่มที่รับงาน ที่รับบทจาก "เด็กเลี้ยงแกะ" มาเป็น "แพะรับปาบ" ในวันนี้
ที่แน่ๆ "นอท" พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ เจ้าของ"กองสลากพลัส" แพลตฟอร์มขายหวยออนไลน์อีกเจ้าที่ตอนนี้มี "แสง" เปล่งปลั่งหลังจากโหมทำตลาดอย่างหนัก ขึ้นป้ายโฆษณาเต็มบ้านเต็มเมือง
และกำลังตกเป็นข่าวถูก "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม สั่งตรวจสอบเส้นทางการเงิน และการชำระภาษี ไม่พลาดถือโอกาส "เตะซ้ำ" คู่แข่งที่กำลังเป๋ โพสต์เฟซบุ๊กหล่อๆ ก่อนหน้า "บิ๊กเอ็ม" จะเปิดปากว่า "สมาคมผู้ค้าลอตเตอรี่ออนไลน์ จะดำเนินการทางกฎหมาย กรณีรางวัลที่ 1 ทิพย์ ทั้งจัดฉาก และรางวัลที่ 1 ปลอมทั้งหมด เพราะเหตุการณ์นี้ทำให้ภาพรวมของวงการเสียหาย"
งานนี้ไม่ว่าจะดูทรงไหนไม่น่าจะจบแค่คำขอโทษของ"บิ๊กเอ็ม" แล้วนะวิ !!
** ส.ว.แยกขั้วตามนาย “พรเพชร” ส่งสัญญาณฟรีโหวต หากลุงตู่-ลุงป้อม ต้องยืนคนละข้าง
หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า มีการวิเคราะห์กันมากว่า ส.ว.จะเข้ามามีบทบาทและเป็นตัวชี้ขาดในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
ต่างจากการตั้งรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังการเลือกตั้งเมื่อปี 62 ซึ่งฝั่งรัฐบาลรวมรวมเสียงส.ส.ได้เกินกึ่งหนึ่ง คือ 253 เสียง ขณะที่ ส.ว.โหวตหนุน “ลุงตู่” แบบไม่มีแตกแถว
แต่การเลือกตั้งครั้งใหม่นี้ “พี่น้อง 2ป.” คือ “ลุงตู่” กับ “ลุงป้อม” แยกทางเดิน และเป็นแคนดิเดตนายกฯกันทั้งคู่ มีการแบ่งสมบัติ โดยส.ส.พลังประชารัฐส่วนหนึ่งติดตามลุงตู่ไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ อีกส่วนหนึ่งยังคงอยู่กับ “ลุงป้อม”ที่ พปชร. เช่นเดียวกับส.ว.ก็เริ่มมีการจัดแถวกันแล้วว่า ใครอยู่สายลุงตู่ ใครอยู่สายลุงป้อม
หากหลังเลือกตั้ง “ลุงตู่กับลุงป้อม” ยังอยู่ขั้วเดียวกัน รวบรวมเสียงส.ส.ได้เกินกึ่งหนึ่งเพื่อตั้งรัฐบาล ก็คงตกลงกันได้ว่าจะให้ใครเป็นนายกฯ เสียงของส.ว.ที่จะโหวตหนุนก็ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าลุงตู่กับลุงป้อม ยืนคนละขั้ว อย่างที่นักวิเคราะห์มีการตั้งตุ๊กตาว่า เป็นรัฐบาล 3 พรรค “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย-พลังประชารัฐ” อย่างนี้ ส.ว.ที่จะโหวตหนุนนายกฯ เสียงแตกแน่
เรื่องนี้ ยืนยันโดยคำพูดของ “พรเพชร วิชิตชลชัย” ประธานวุฒิสภา ที่เพิ่งให้สัมภาษณ์ว่า จะให้ส.ว.ทุกคนคิดเหมือนกันหมดคงไม่ได้ เชื่อว่าจะต้องมีความเห็นแตกต่างกันแน่นอน แต่ในความเห็นที่แตกต่าง ต้องไปดูว่า ก่อนจะโหวตเลือกแคนดิเดตนายกฯ ก็จะต้องมีความชัดเจนแล้วว่าจะโหวตให้ใคร แต่โดยหลักการแล้ววุฒิสภา มีหน้าที่ดูว่าประเทศชาติเราจะเดินหน้าได้อย่างไร เลือกไปแล้วจะมีความมั่นคงในระบบรัฐสภาหรือไม่ แต่เชื่อว่าส.ว.- ส.ส. ทุกคนก็รักประเทศชาติ อยากให้ประชาธิปไตยเจริญก้าวหน้า แต่อาจมีบางคนที่เขาผูกพันกับความต้องการอย่างไร ก็คงต้องยืนตามนั้น
...การโหวตนายกฯของส.ว.ในครั้งหน้า ผมคิดว่าไม่ต้องเป็นไปในทิศทางเดียว เสียงมันย่อมไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ความคิดของคนบางคนก็คิดว่าจะสามารถทำให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันได้ แต่ผมจะไปตอบแทนสมาชิกคนอื่นไม่ได้จริงๆ ผมไม่มั่นใจหรอก...
ขณะที่“เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ถูกมองว่าเป็นพรรคที่ไม่โอกาสร่วมรัฐบาลมากที่สุด เพราะสามารถสวิงไปได้ทั้งสองขั้ว เห็นว่าหลักใหญ่ในการตั้งรัฐบาลนั้นอยู่ที่จำนวนส.ส. ที่แต่ละพรรคการเมืองรวบรวมได้ จะเกินกึ่งหนึ่ง หรือ 251 เสียง จาก 500 เสียงได้หรือไม่ เพราะรัฐบาลต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ถึงจะทำงานได้ และมั่นคง ถ้าไม่เกินกึ่งหนึ่ง แล้วไปพึ่งส.ว.มาโหวตหนุน เมื่อเปิดสภาแถลงนโยบาย หรือหากมีการออกกฎหมายสำคัญ กฎหมายการเงิน เช่น ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ ก็อาจจะจอดตั้งแต่ตรงนั้นแล้ว ไม่ต้องรอไปถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
“เสี่ยหนู” มั่นใจว่าส.ว.ก็ต้องมีกระบวนการความคิดว่าเขาจะสนับสนุนใครเป็นนายกฯ ถ้าความต้องการของประชาชนชัดเจน เขาคงต้องทำตามความต้องการของประชาชน นี่เป็นหลักที่คนที่เป็นนักการเมือง หรือเกี่ยวข้องกับงานการเมืองต้องยึดถืออยู่แล้ว...
คราวนี้ลองมาตรวจแถวส.ว.ดูบ้าง ในจำนวน 250 คนนั้น มีกลุ่มส.ว.เลือกตั้ง 50 คน ที่อาศัยบารมี เครือข่ายบ้านใหญ่จึงได้เข้ามา ก็ถูกนักการเมืองบ้านใหญ่ดึงไปเป็นพวก โดยเฉพาะเพื่อไทยและภูมิใจไทย ยังมีกลุ่มข้าราชการประจำ ประเภทผู้บัญชาการเหล่าทัพ อีก 6 คน
สำหรับส.ว.ที่ลุงตู่กับลุงป้อมช่วยกันตั้งนั้น สาย“ลุงตู่” จะเป็นกลุ่มวปอ .50 และรุ่นพี่รุ่นน้องรวมทั้ง “สายป๋าเปรม”บางส่วน มีจำนวนไม่มากนัก ที่เหลือเป็น“สายลุงปัอม” ที่ว่ากันว่าอยู่ในระดับ100 คนขึ้น ...วงในส.ว.จะรู้ดีว่า “ลุงป้อม”มีภาษีดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ยิ่งถ้าเป็นรัฐบาลผสม 3 พรรคใหญ่ “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย-พลังประชารัฐ” ตามที่หลายๆคนวิเคราะห์ โอกาสที่ “ลุงตู่” จะใช้เสียงส.ว.มาขัดขวางการตั้งรัฐบาล โหวตนายกฯ คงเป็นไปได้ยาก
ถ้าเทียบเฉพาะคู่แคนดิเดต “2ป.” ลุงป้อมมีภาษีดีกว่าลุงตู่เยอะ!!