สร้างอนาคตไทย-ไทยสร้างไทย ขนแกนนำล้อมวงหารือทางออกประเทศ ประกาศเป็นพันธมิตรทางการเมือง เห็นพ้องบ้านเมือง-การเมืองย่ำแย่ แต่ขอยังไม่พูดถึงการควบรวมพรรค “สมคิด” ปัดต่อรองตำแหน่ง ส่วนเรื่องนายกฯอยู่ที่ฟ้าลิขิต
วันนี้ (29 ธ.ค.) เวลา 10.00 น. ที่ร้านอาหาร Corner ย่านสุขุมวิท 26 แกนนำพรรคไทยสร้างไทย และพรรคสร้างอนาคตไทย นำโดย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย, นายโภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยสร้างไทย, นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย เป็นต้น ได้นัดรับประทานอาหาร พร้อมหารือถึงแนวทางการทำงานเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่แกนนำทั้ง 2 พรรคเดินทางมาถึงได้เข้าไปหารือในห้องอาหารก่อนออกมาร่วมกันแถลงข่าวในเวลาประมาณ 10.25 น.
นายโภคิน เปิดเผยว่า ทั้ง 2 พรรคได้พูดคุยกันมาเป็นระยะๆ ในฐานะที่เป็นเพื่อนเก่า เคยทำงานร่วมกันมานาน และต่างเห็นพ้องกันว่า ไม่เคยเห็นยุคใดสมัยใดการเมืองย่ำแย่ มีปัญหาทั้งเรื่องเชิงอำนาจเงิน อำนาจรัฐ ขณะที่ระบบราชการ ไม่ตอบสนองต่อประชาชน กลับไปตอบสนองผู้มีอิทธิพล นักธุรกิจสีเทา ตลอดเวลามีแต่ความขัดแย้ง ทำให้ประเทศเดินไปไม่ได้ หากปล่อยสถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป จะทำให้ประชาชนไม่มีอนาคต ประเทศไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ จึงมาคุยกันหาทางออกให้ประเทศ ควรเอาจริงเอาจริงในการแก้ไขปัญหา และการร่วมแรงร่วมใจ
“สิ่งแรกที่เราเห็นตรงกัน คือ มีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ไม่เช่นนั้นจะไม่มีทางให้ประชาชนมีส่วนร่วม มีอำนาจได้อย่างแท้จริง เพราะไม่อยากเห็นทุกคนจำนนต่ออำนาจรัฐ อำนาจเงิน หากเริ่มต้นตรงนี้ได้ เรื่องอื่นจะตามมาเอง” นายโภคิน กล่าว
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวเสริมว่า ส่วนตัว และนายสมคิด เคยทำงานร่วมกันมาหลายสิบปี ในฐานะคนที่ผ่านประสบการณ์มา และเคยทำนโยบายที่สำคัญให้กับประเทศจนสำเร็จ ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ ลูกหลาน คนรุ่นใหม่จะอยู่อย่างไร ดังนั้น ภารกิจครั้งนี้ คือ การสร้างพรรคการเมือง เพื่อส่งมอบประเทศไทยให้คนรุ่นต่อไป จึงมาหารือร่วมกันว่าจะร่วมงานการเมืองกันต่ออย่างไร ที่ไม่ใช่การแย่งชิงตำแหน่ง แย่งชิงอำนาจ โดยตกลงกันว่า จะพยายามแสวงหาทางออกให้บ้านเมือง และร่วมมือเป็นพันธมิตร ยุติความขัดแย้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม
นายอุตตม กล่าวว่า ความท้าทายที่เกิดขึ้น จึงต้องมาผนึกกำลังเป็นพันธมิตรเพื่อทำให้บ้านเมือง เพราะปัญหาบ้านเมืองขณะนี้ใหญ่เกินกว่าที่คนไม่กี่คนจะมาแก้ได้ จึงต้องมา ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ
นายสมคิด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ทำงานทางการเมืองมา 20 กว่าปี มีความตั้งใจทำงานมาตลอด และไม่เคยเห็นยุคใดที่การเมืองค่อนข้างย่ำแย่จนอดเป็นห่วงไม่ได้ ทั้งเชิงความรับผิดชอบต่อหน้าที่ทางการเมือง การใช้ทรัพยากร เพื่อแย่งชิงผู้สมัครที่ทำอย่างโจ่งแจ้ง มีการโยกย้าย มีการลาออกไม่เว้นแต่ละวัน ความไม่สามารถในการบริหารภาครัฐ แก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน การสร้างความสามัคคี เพราะยังอยู่ในวังวนของความแตกแยกจนประเทศอื่นล้ำหน้าไทยไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายและน่าเสียใจ หากปล่อยให้บ้านเมืองเป็นแบบนี้ก็จะถดถอย
นายสมคิด กล่าวต่อว่า ประชาชนไม่ควรนั่งมองดูอย่างไม่มีทางออก หรือนั่งรอชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หากไม่เปลี่ยนแปลง จึงคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่คนไทยต้องละวางในอัตตาแล้วมาช่วยกัน มาร่วมแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไปได้ โดยจากการหารือเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ การเดินหน้าครั้งนี้ไม่มีการทดลองงาน โดยยอมรับว่า ที่จริงแล้วส่วนตัวไม่คิดทำการเมืองเพราะรู้สึกเหนื่อย แต่ที่มาทำ เพราะเห็นภารกิจที่สำคัญ คือ ต้องการสร้างพรรคการเมืองที่ดี เน้นการสร้างประเทศ ไม่เคยคิดเรื่องตำแหน่ง
“ขออย่าถามว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะสิ่งนั้นคือปลายเหตุ เรื่องตำแหน่งไม่สำคัญ เพราะได้มาทุกตำแหน่งแล้ว ส่วนตำแหน่งนายกฯอยู่ที่ฟ้าลิขิต ฟ้าประทาน แต่สิ่งสำคัญคือ การแก้ปัญหาให้ประเทศให้ได้” นายสมคิด ระบุ
ทั้งนี้ ภายหลังการแถลงข่าว แกนนำทั้ง 2 พรรคได้เข้าไปพูดคุยหารือภายในห้องอาหารอีกครั้ง