นายกรัฐมนตรี เตรียมประกาศยุบสภา หลังปิดสมัยประชุม คาดนั่งประธานพรรคควบซูเปอร์บอร์ดรวมไทยสร้างชาติ ด้าน “สุชาติ-สกลธี” ยังส่อแววอนาคตไม่สดใส หลังยังเคลียร์พื้นที่ไม่ลงตัว แถมดับเครื่องชน “บิ๊กเนม”
วันนี้ (18 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวของพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า การจัดสรรตัวว่าที่ผู้สมัครของพรรคนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งน่าจะมีการเข้าร่วมงานกับทางพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ระบุกับกรรมการบริหารพรรค ว่า จะเน้นดึงตัวผู้สมัครที่ประเมินแล้วว่าได้รับชัยชนะเท่านั้น ส่วนคนที่มีฐานคะแนนแบบก้ำกึ่งให้ตัดทิ้ง ในด้านของผู้สมัครบางคนที่มีพื้นที่ทับซ้อนกัน ก็ให้เน้นไปที่การทำโพลในพื้นที่เป็นการชี้ขาดว่าใครจะได้ลงรับสมัครเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ส.ส.ในพื้นที่จังหวัดภาคใต้หลายคน ได้สอบถาม พล.อ.ประยุทธ์ ถึงการส่งสัญญาณให้ลาออกจาก ส.ส.เพื่อสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคใหม่ ก่อนการเลือกตั้ง 90 วัน โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวว่า “เอานะ สมัครทันแน่นอน ทุกคนรู้กฎหมาย” ซึ่งคาดการณ์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะมีการประกาศยุบสภาในช่วงปิดสมัยประชุมรัฐสภา คือ หลังวันที่ 28 ก.พ. 66
ทั้งนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติ จะมีระบบการบริหารพรรคที่แตกต่างจากพรรคอื่น ก็คือ นอกจากจะมีกรรมการบริหารพรรคแล้ว จะยังมีซูเปอร์บอร์ดควบคุมการดำเนินการของพรรคอีกชั้นหนึ่ง โดยจะมี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานพรรค และประธานคณะซูเปอร์บอร์ด ร่วมกับสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติคนอื่นๆ
ในส่วนของ นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ประกาศเลือกข้างเดินตาม พล.อ.ประยุทธ์ ว่า จะเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมกับผู้สมัคร ส.ส. 5-6 คน ตอนนี้ก็ประสบปัญหาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนกับคนของพรรครวมไทยสร้างชาติ ถึง 3 เขต ทำให้ไม่มีพื้นที่ลงเลือกตั้ง จึงต้องย้ายกลับไปลงเลือกตั้งกับพรรคพลังประชารัฐตามเดิม
ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้นายสุชาติ มีคนในโควตาของตัวเองลดน้อยลง ซึ่งนายสุชาติคาดหวังจะมาทำหน้าที่เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่ตำแหน่งนี้ก็มี นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ทำหน้าที่อยู่แล้ว และคงไม่ง่ายที่จะมีการเปลี่ยนแปลง
เช่นเดียวกันกับ นายสกลธี ภัททิยกุล อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ในตอนแรกคาดว่าจะเข้ามาร่วมพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยต้องการที่จะมาดูผู้สมัครในพื้นที่ กทม.เป็นหลัก แต่พื้นที่ดังกล่าวก็ถูก นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค จับจองดูแลแล้ว ทำให้ นายสกลธี ย้อนกลับไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ยังประสบกับความขัดแย้ง เนื่องจากพรรคพลังประชารัฐได้จัดรายชื่อบุคคลที่จะลงรับสมัครในเขต กทม.เอาไว้แล้ว แต่นายสกลธี ต้องการส่งคนของตัวเองลงแข่งในพื้นที่ของเขตดุสิต ที่ปรากฏชื่อของ ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช ซึ่งเป็นเด็กของพลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เรื่องดังกล่าวส่งผลให้เกิดความขัดแย้งขึ้นทันที ทำให้ พล.อ.ประวิตร มีคำสั่งว่า หากมีการทับซ้อนในพื้นที่ก็ให้ทำโพลเพื่อตัดสิน