นายกฯ ฝันตัวเลขนักท่องเที่ยวแห่เที่ยวไทยทะลุ 15 ล้านคน สบายๆ ถ้าประเทศสงบ ฟุ้งไปเมืองนอกชวนต่างชาติเที่ยวไทย รับทำการตลาดไม่เก่งเหตุ หน้าไม่ยิ้ม แต่ตัวจริงเป็นคนอารมณ์ดี ยกเว้นเจอคำถามทำหงุดหงิด เจอแฟนคลับเชียร์อยู่นานๆ เจ้าตัวบอกรักจริงอย่าทิ้งกัน
วันนี้ (16 ธ.ค.) เมื่อเวลา 17.00 น. ที่เวทีกลาง Exhibition Hall 5 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “มหกรรมเที่ยวเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม” โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าร่วม
โดยนายกฯ กล่าวว่า ถือเป็นโอกาสอันดีในวันนี้ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการท่องเที่ยว ให้มีช่องทางในการนำเสนอสินค้า และบริการทางการท่องเที่ยวอีกรูปแบบหนึ่ง ในการจำหน่ายสินค้าและบริการในราคาพิเศษเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับพี่น้องประชาชนได้สัมผัสกับความสวยงามสถานที่ท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลพิเศษ ซึ่งจะช่วยให้กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ซึ่งทุกคนทราบดีว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา ภาคการท่องเที่ยวไทยได้รับผลกระทบอย่างมากโดยตรงจากวิกฤตการแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นช่วงเวลาหนักหน่วง ที่เราต้องก้าวผ่านข้ามมา ทั้งนี้ทั้งนั้นด้วยความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วนกับรัฐบาลที่จับมือกันอย่าง หนักแน่นฝ่าฟันวิกฤตดังกล่าวมาได้จนทุกวันนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งวันนี้ที่การท่องเที่ยวไทยเริ่มฟื้นกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางกลับมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวไทยกับมาคึกคักมากขึ้นซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าในปีนี้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยจะสามารถสร้างรายได้มากกว่า 1.5 ล้านล้านบาท
นายกฯ กล่าวต่อว่า อยากจะเล่าบรรยากาศจากการเดินทางกลับจากต่างประเทศ ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ซึ่งไปมา 3 วัน นอนบนเครื่อง 2 คืน นอนโรงแรม 1 คืนครึ่ง อากาศหนาวเจี๊ยบประมาณ -6 องศามีทั้งลม ความเย็นบรรยากาศแตกต่างจากบ้านเราคนละเรื่องเวลาต่างกัน ซึ่งตนไปประชุมในนามอาเซียนกับอียู เป็นความร่วมมือระหว่างกันเดินหน้าไปสู่การเจรจาเอฟทีเอ ระหว่างไทย กับ อียู มีความก้าวหน้าหลายประการสิ่งที่อยากจะเล่าให้ฟังบรรยากาศบ้านเรานั้นไม่เหมือนที่ไหนในโลก ซึ่งตนไปมาหลายประเทศแต่ประเทศไทยสถานที่ท่องเที่ยวมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ต่างประเทศไม่หลากหลายเหมือนเมืองไทย ซึ่งเรามีทุกอย่างไม่ได้มีอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว เรามีหลากหลายให้คนเลือกมาเที่ยว ซึ่งตนไป หลายคนรู้จักผู้นำหลายท่าน รู้จักกันมานานอยู่หลายปีจำได้ แต่หลายท่านเพิ่งเปลี่ยนใหม่ พอตนกล่าวว่า มาจากประเทศไทยเขาก็เอ่ยถึง จ.ภูเก็ต จ.เชียงใหม่ พัทยา สมุย และหมู่เกาะภาคใต้ของเราอีกหลายเกาะ ตนถามว่าเคยมาหรือเปล่า เขาบอกยังไม่เคยมา แต่ก็รู้ว่ามันสวยงามรู้ว่าบรรยากาศดี และถามว่า บรรยากาศท่องเที่ยวไทยเป็นอย่างไร ซึ่งด้วยฝีมือของพวกเราทุกคน ตนก็ตอบว่าวันนี้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วประมาณ 10 ล้านคน ซึ่งเขาก็แปลกใจว่าทำไมเยอะ จนพูดด้วยความภาคภูมิใจ นี่คือประเทศไทยของเราดินแดนแห่งรอยยิ้ม ดินแดนการท่องเที่ยวดินแดนแห่งความเป็นมิตรไมตรี ดินแดนสันติภาพ สันติสุข ทุกคนคาดหวังอยากจะมาเที่ยวเมืองไทยสักครั้ง เขาถามว่า จะมาที่ไหนดี ตนบอกว่ามาได้หลายที่ ไม่ใช่เฉพาะที่กล่าวมา บ้านเรามีหลายที่ทุกอย่างทุกภาค เพียงขอแต่ว่ามีเวลามาเที่ยวหรือเปล่าเท่านั้นเอง บรรดาผู้นำหลายประเทศยืนยันจะหาโอกาสมาเที่ยวประเทศไทยให้ได้นี่คือความภาคภูมิใจ ซึ่งตนได้นำความภาคภูมิใจของพวกเราไปด้วย เพราะเราเป็นคนทำ นายกฯเป็นคนกำหนดนโยบายแนวทางในการปฏิบัติ ทำอย่างไรประเทศไทยจะยกระดับรายได้ให้สูงขึ้น ซึ่งเราจำเป็นต้องปรับรูปแบบการท่องเที่ยวให้ดีขึ้น กว่าเดิมหรือไม่ให้ทันสมัย และมีบริการที่ดีขึ้น การสัญจรไปมาปลอดภัย
นายกฯ กล่าวอีกว่า ไม่โดยเฉพาะการรับรองความปลอดภัย ซึ่งตนคิดว่าเรามีพร้อมทุกอย่าง ทุกคนต้องเปิดตาให้กว้างจะทำแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว ในโลกใบนี้ โดยเฉพาะโลกที่เจริญเติบโตด้วยดิจิทัลในการประชาสัมพันธ์บ้านเมืองเราสวยงามมีที่มีศักยภาพหลายด้าน ไม่ว่าจะเรื่องของกีฬาธรรมชาติและการท่องเที่ยวอื่นๆ อีกมากมายหยิบจับให้เจอ และตนก็ดีใจที่เห็นโทรทัศน์โฆษณาประชาสัมพันธ์แตกต่างจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเทียบเคียงได้จากต่างประเทศและในต่างประเทศก็มาหากินในเมืองไทยในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของไทย ซึ่งตนเปิดดูหลายช่อง โดยเฉพาะยูทูบ หลายจังหวัดมีความพร้อมหลายจังหวัดแสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจรอยยิ้มของคนไทย และสิ่งสำคัญคือ การเป็นเจ้าบ้านที่ดีของพวกเราทุกคน ทำให้บ้านเมืองสงบดีเสถียรภาพมีความปลอดภัย ลดความขัดแย้งนี่แหละคือประเทศไทยที่จะเจริญเติบโตต่อไป ในวันข้างหน้า
ดังนั้น อยากจะฝากพวกเราทุกคนเรามีอะไรที่ดีอยู่แล้วดีมากด้วยเราไปหลายประเทศอาจจะมองดูสวยงามดูน่าท่องเที่ยว แต่ขาดความมีชีวิตชีวา ประเทศไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายและมีจิตวิญญาณของความเป็นคนไทย ฉะนั้นสิ่งเหล่านี้เราทิ้งไม่ได้ ผู้นำหลายประเทศอยากจะมาประเทศไทยอยากมาดูว่าทำไมคนมาเที่ยวไทยในช่วงเวลานี้ ซึ่งตนบอกไปว่าคนไทยช่วยกันตนเป็นเพียงผู้สนับสนุนดูแลช่วยเหลือในสิ่งที่ทำได้ในฐานะนายกฯ ฉะนั้นทุกอย่างวันนี้เราต้องช่วยกันและกันไม่มีอะไรที่ได้มาเปล่าๆ ไม่มีอะไรได้มามากเพียงพอเรายังต้องร่วมมือกันอีกมากมาย ในการที่จะก้าวไปในวันข้างหน้า สิ่งที่เราต้องการนอกจากการท่องเที่ยวในเวลานี้ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งใหม่ๆ ที่ประเทศไทยต้องทำต่อไปไม่ว่าจะเรื่องโครงสร้างพื้นฐานการใช้เอไอ และการใช้ดิจิตอลในการบริหารราชการในการค้า ขาย และการติดต่อ หลายอย่างวันนี้โลกกำลังเดินด้วยเทคโนโลยี แต่เราก็ไม่ลืมสิ่งที่เป็นพื้นฐานของเราทำอย่างไร 2 อย่างจะประกอบกันได้ ในเรื่องการสร้างห่วงโซ่ให้เกิดขึ้นให้มีรายได้ เกิดขึ้นให้ทั่วถึงนี่คือสิ่งสำคัญตนต้องการให้ทุกพื้นที่ ทุกชุมชน ทุกจังหวัดทุกภาคมีรายได้สูงขึ้น ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ เราแก้ได้ด้วยตัวเราเอง รัฐบาลหาวิธีการที่เป็นไปได้ในการที่จะทำให้ทุกคนสามารถลดช่องว่างตรงนี้ได้แน่นอน ไม่มีใครสามารถให้เปล่าหลายอย่างเราต้องร่วมมือ และทำ และคิดไปด้วยกันสิ่งต่างๆ เหล่านี้สำคัญ วันนี้มีโอกาสมาพูดที่นี่ในเวทีนี้ เพราะเห็นโอกาสมากมาย ตั้งแต่เดินเข้ามาซึ่งมาจากหลายภาคด้วยกันมีคนหลายรุ่นหลายวัยตั้งแต่ตนเป็นนายกฯ เข้ามาปีที่ 8 เห็นหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปเยอะ ซึ่งเกิดขึ้นจากตัวเราเองและยังเกิดจากนโยบายของรัฐบาล ตนเดินผ่านแผงตลาดเล็กๆ มีของวางขาย ไม้ปั่นหู ที่ตัดเล็บ ซึ่งวันนี้จะต้องมีการพัฒนาให้คนแวะเยี่ยมซื้อ เพื่อไม่ให้คนเดินผ่านไปหมด โดยจะต้องสร้างแรงบันดาลใจให้คนสนใจซื้อสินค้าของท่าน ด้วยการออกแบบการมีอัตลักษณ์ทดสอบทดลอง ศึกษาการตลาด จึงจะนำไปสู่การผลิตและการจำหน่ายและมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น ไม่เช่นนั้น เราจะขายแต่ผลิตภัณฑ์เดิมๆ ก็จะขายไม่ออกก็จะทำให้มีปัญหา ตนคิดว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะ เดินไปข้างหน้า 3-4 วันที่ตนไปมาเห็นบ้านเมืองเขาเงียบสวยงามแต่เงียบอากาศเย็นคนไม่ค่อยออกมาเดิน ฉะนั้นแน่นอนเศรษฐกิจคงไม่ดีไปกว่าเรา และบังเอิญวันนี้ปัญหาขาดแคลนพลังงานของเราพลังงานไม่ขาดแคลน แต่ราคาสูงขึ้นก็ต้องเข้าใจสาเหตุมาจากอะไรรัฐบาล พยายามทำอย่างเต็มที่ในเรื่องเหล่านี้ต้องการให้ประชาชนทุกคนมีความเดือดร้อนน้อยที่สุด แต่ละอย่างเราต้องปรับตัวหลายอย่างต้องช่วยคิดช่วยกันทำ เพื่อเดินหน้าไปด้วยดีไม่ทราบว่าตนพูดหนักไปหรือเปล่า คงไม่หนักหรอกเนอะ ตนคิดทั้งวัน ว่าจะทำอะไรให้กับประเทศไทย ไม่เคยคิดอย่างอื่น เพียงแต่หวังว่า ขอความร่วมมือร่วมใจจากพวกท่าน เพื่อเดินหน้าไปสู่อนาคตของประเทศไทยไม่ว่าใครจะอยู่ ใครจะเป็นใคร จะมาใครจะไปประเทศไทย ต้องอยู่ได้ไม่มีตนก็ต้องมีคนอื่น และต้องเป็นพวกเราทุกคนที่จะชี้ชะตาประเทศไทยเจริญได้อย่างไรในอนาคตเพื่อลูกหลานของท่าน
นายกฯ กล่าวอีกว่า ถ้าเราไม่รักประเทศของเราไม่รู้เราเป็นใครมาจากไหน เราจะรู้จักอัตลักษณ์ประเทศไทยได้หรือไม่ว่าเราเป็นใครมาจากไหนเดินมาจากที่ไหนบรรพบุรุษ เราเป็นใครเราจะไม่รู้จักประเทศของเราไม่ได้ เพราะไม่รู้จะรักอย่างไรนี่คือบ้านของเรา คือที่เกิด ที่ทำมาหากินและเป็นที่ตายของเรา วันนี้อาจจะพูดแรงไปนิด อาจจะเมาเครื่องบิน อย่าเห็นว่าตนเครียด แต่จริงๆแล้วก็เครียดตั้งแต่เช้ามามีงาน เจอนู้น เจอนี่ ตอบไลน์ทั้งวัน ซึ่งเป็นหน้าที่ทุกคน มาอยู่แบบตนก็ต้องทำแบบตน ถ้าใครไม่ทำ ก็ใช้ไม่ได้ ขอบคุณทุกหน่วยงานที่สัญญากันไว้ 11.5 ล้านคน ไม่ใช่ 15 ล้านหรือ คาดหวังอะไรมากๆไว้หน่อยก็ดี 11.5 ล้านคน ตนว่าได้แน่ๆ ทำให้ดีบ้านเมืองสงบเรียบร้อย ไม่มีปัญหา ไม่มีความขัดแย้ง ตนคิดว่า 15 ล้านคนสบาย ต่างชาติจับตามองดูอยู่ ถามถึงประเทศไทยทั้งวันเป็นอย่างไร เที่ยวที่ไหน ตนเล่าอะไรไปจำได้หมดอธิบายภาพไป นักกีฬาฟุตบอลโลกรู้จักประเทศไทย ซึ่งเขาเคยมาตอน 10 ขวบ วันนี้ 30 ปีผ่านไปประเทศไทยเปลี่ยนไปเยอะ อาจจะจำไม่ได้หลายคนอยากจะมา แต่ตนอาจทำการตลาดไม่เก่งหน้าไม่ค่อยยิ้ม แต่จริงๆแล้ว ตนเป็นคนอารมณ์ดีไม่ได้หงุดหงิดอะไรเท่าไหร่ เว้นแต่เจอคำถามที่หงุดหงิด ตสเป็นคนอารมณ์ดีจริงๆแล้ว ตนเป็นคนแบบนั้น ตอนนี้คอแห้ง อากาศเย็น และวันนี้ดีใจได้กลับมาตรงนี้ อีกครั้งเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ในการประชุมที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกทุกคนประทับใจและชื่นชมการทำงานของเราในการประชุมเอเปคที่ผ่านมา ทั้งนี้ ขอบคุณทุกคนอีกครั้งและหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สิ่งที่เราทำวันนี้จะเป็นประโยชน์ต่อลูกหลานของเราในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ระหว่างเดินชมบูธภายในงานได้มีกลุ่มผู้ประกอบการ ส่งเสียงให้กำลังใจ พร้อมกล่าวว่ารักลุงตู่ อยากให้อยู่นานๆ” นายกฯ คุณหันมาตอบว่า “รักกันจริงอย่าทิ้งกันนะ”